จากการอ่าน การฟัง การคิด การฝึกฝน การปฏิบัติ และความตั้งใจสูงสุดที่จะไปให้ถึง
วันนี้ผมหรือนายรักษ์สุข ได้นำข้อดี จุดเด่น และจุดด้อยของการทำงานตลอดชีวิตน้อย ๆ ที่อยู่บนโจทย์สำคัญของการ "พัฒนา เติมเต็มและต่อยอด" เป็นความตั้งใจที่จะทำต้องบูรณาการ "PAR (Participatory Action Reserach) + Buddhist Economics + Knowledge Management"
สิ่งที่วันนี้นายรักษ์สุขได้ออกมาเป็น "กรอบแนวคิด" ก็คือ
พุทธวิจัยแบบมีส่วนร่วม (Participatory Buddhist Action Research)
ร่วมคิด คิดอยู่บนพื้นฐานของการ “คิดดี”
ร่วมทำ “ปฏิบัติดี”
ร่วมคิดและทำอยู่บนรากฐานของพุทธธรรม
ร่วมตรวจสอบและแก้ไขแบบ “กัลยาณมิตร”
ร่วมรับผลประโยชน์นั่นคือ “ความสุข ซึ่งเกิดจากปัญญา”
win-win situation ทุกฝ่ายต่างได้รับประโยชน์
คิดและทำอย่างมีสติ
ร่วมมือกันอย่างเต็มที่ Full engagement Buddhist Participate
รับประโยชน์ ร่วมสุขและร่วมปัญญากับชุมชน
เพื่อเข้าสู่จุดสมดุลหรือจุดที่ดีที่สุด
"ทำกับปัญญา โดยปัญญา และเพื่อปัญญา"
บรรยากาศพุทธวิจัยแบบนี้ น่าสนใจดี ผมไม่ค่อยได้ยินชื่อครับ
แต่คาดว่าน่าจะเป็นบรรยากาศของการให้ บรรยากาศความเมตตาและเอื้ออาทร
บรรยากาศที่บอกไป เป็นพื้นฐานที่ดีในการทำงาน PAR หากทุกคนที่มาร่วมกัน รู้สึกแบบนี้ มีพลัง เกิดสิ่งดีๆขึ้นแน่นอนครับ
บังเกิดความอิ่มสุข ความสุขอันเกิดจากปัญญาและความรักที่มีให้กัน
"สร้า้งสรรค์ปัญญา เพื่อพัฒนาท้องถิ่นครับ"
พื้นเพของดิฉันเป็นคนศรีสะเกษ ตั้งแต่จำความได้พ่อกับแม่ก็พาเข้าวัดและฟังธรรมแล้วค่ะ วัดที่ไปบ่อยวัยเด็กคือวัดหนองป่าพงของหลวงปู่ชาจังหวัดอุบลฯค่ะ ชอบบรรยากาศอันแสนเงียบสงบในการนั่งกรรมฐาน และเจริญภาวนา ทั้งเหมาะสำหรับจะพาครอบครัวมาทัศนศึกษาทางธรรม เพราะที่วัดนี้คำคมและธรรมะที่หลวงปู่ชาได้สั่งสอนไว้ติดตามต้นไม้ เดินไป อ่านไป ก็คิดไปได้(มาเข้าใจตอนโตแล้วค่ะ...ตอนเด็กยังไม่ค่อยรู้เรื่อง) จนถึงปัจจุบันถ้ามีโอกาสก็จะเข้าที่นั่นค่ะ วัดนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นให้ดิฉันสนใจธรรมะ...
ดิฉันคิดว่ายุคสมัยนี้น้อยคนนักจะรู้จักคำว่าวัดที่แท้จริง ซึ่งแท้จริงแล้ววัดอยู่ใกล้เรานิดเดียว...ใจเรานั่นเองที่เป็นวัดที่แท้จริง ถ้าใจเราเปี่ยมไปด้วยธรรมแล้วนำไปใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของเราเป็นเบื้องต้น สังคมเราก็คงน่าอยู่ขึ้นมาก มีพระรูปหนึ่งท่านจำวัดอยู่ที่จังหวัดหนองคาย ท่านเคยให้ธรรมะไว้สำหรับพวกเราในฐานะฆราวาสไว้ว่า"อย่างน้อยคนเราจะเป็นคนดีที่ง่ายที่สุดนั้นต้องปฏิบัติในครบตามพรหมวิหารสี่ คือ เมตตา(ความปรารถนาที่จะให้ผู้อื่นมีความสุข) กรุณา(ความสงสารที่จะช่วยให้ผู้อ่านพ้นทุกข์) มุฑิตา(ความยินดีและสรรเสริญเมื่อผู้อื่นมีความสุข) อุเบกขา(การวางใจเป็นกลาง)"เพียงเท่า ถ้าปฏิบัติได้ดังนี้ย่อมเป็นคนดีเเล้ว...
ดีใจที่มีคุณปภังกร นำธรรมะมาปรับใช้กับสังคมเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการพัฒนาชุมชนซึ่งเป็นรากฐานของการผลิตของประเทศเพราะธรรมะเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวกับเขาที่สุด แต่อาจถูกมองข้ามไป เมื่อมีการคิดต่อยอดเช่นนี้ย่อมง่ายต่อการนำไปใช้ค่ะ