ครอบครัวของพ่อ เป็นครอบครัวชาวนา คุณปู่เป็นชาวนา มีนามากมายหลายสิบไร่ พ่อเป็นลูกชายคนแรก ในจำนวนลูกของคุณปู่ ทั้งหมด 9 คน เรียกว่าเป็นพี่ชายคนโตในครอบครัวชาวนา ดังนั้นภาระต่างๆ รองจากคุณปู่ และคุณย่า จึงเป็นของพ่อ เริ่มตั้งแต่ เลี้ยงน้อง ตักน้ำ ตำข้าว ฝ่าฟืน และงานอื่นอีกจิปาถะ เท่าที่เด็ก อายุ สิบกว่าปี พอจะทำได้ ก็ช่วยๆกันไป ลืมเล่าไป ว่า พ่อผม เกิดเมื่อ พ.ศ 2465 ในสมัยนั้น จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ห่างจาก จังหวัดอุดรธานี 46 กม. อยู่ห่างจาก ขอนแก่น ประมาณ 100 กม. ความเจริญ เครื่องอำนวยความสะดวก ต่างๆ ย่อมไม่มีแน่นอน สมัยนั้น เงินทองเป็นของหายาก แต่คนบ้านนอก ก็ไม่ถึงกับอดอยาก เพราะ ข้าวในนา ปลาในน้ำ ผักในสวน เสื้อผ้า ก็อาศัยปลูกฝ้าย เลี้ยงไหม ถักทอใส่กันเอง พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า กว่าจะได้ข้าวมานึ่ง(ข้าวเหนียว) ต้องอาศัยการตำจากครกกระเดื่อง ใช้เวลากว่าครึ่งค่อนวันทีเดียว พ่อกับน้องชายอีกสองคน (นึกภาพเด็กผู้ชายผอมๆ อายุซัก สิบเอ็ดสิบสองปี) ช่วยกันเหยียบหางครกกระเดื่อง คุณย่าเป็นคน ฝัด ด้วยกระด้ง(วิธีการแยกเมล็ดข้าวออกจากแกลบ และรำ)กว่าจะได้ข้าวไว้พอรับประทานกัน หนึ่งสัปดาห์ ต้องใช้เวลานานขนาดไหน ส่วนน้ำ ต้องอาศัยการตักจากบ่อซึ่งอยู่ห่างจากบ้าน หลายสิบเมตร ใช้วิธีการหาบเพื่อลำเลียงน้ำมาใส่ตุ่มให้เพียงพอสำหรับคนทั้งครอบครัว เป็นภาระกิจที่ต้องทำทุกวัน อาหารการกิน ถึงแม้จะหาได้ไม่ยาก แต่ก็ค่อนข้างขัดสนอยู่บ้าง เนื่องจากครอบครัวของคุณปู่ เป็นครอบครัวใหญ่ ลูก 9 คน ห่างกัน ปี บ้าง สองปีบ้าง เป็นวัยกำลังกินทีเดียว เวลาที่ได้รับประทานอาหารอิ่มหนำและพร้อมหน้าที่สุด คือเวลาเย็น คิดถึงภาพ เด็กๆ นั่งล้อมวงรับประทานอาหาร(นั่งกับพื้น) ช่างเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นเสียเหลือเกิน ถึงแม้กับข้าว จะเป็นอาหารพื้นๆ แต่ก็เอร็ดอร่อย เหลือประมาณ
การเิดินทางในสมัยนั้น ใช้วิธีเดิน เป็นส่วนใหญ่ ดีหน่อยก็จักรยาน ส่วนรถเครื่อง รถยนต์ นานๆ จะได้มีโอกาสเห็นสักที และครอบครัวชาวนาอย่างครอบครัวคุณปู่ ไม่มีจักรยานอย่างแน่นอน ประมาณปี พ.ศ 2480 พ่อและเพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกันหลายคน ได้มีโอกาสไปเรียนหนังสือในตัวจังหวัดอุดรธานี การไป ต้องเดินไป คิดดู ออกแต่เ้ช้ามืด หนึ่งวันเต็มๆ จึงจะถึงตัวจังหวัด เสร็จแล้วก็ไปพักอยู่ที่วัดโพธิสมพรในตัวเมือง กว่าจะได้กลับมาเยี่ยมบ้าน ก็ช่วงโรงเรียนปิดเทอมนั่นแหละ ชวนกันเดินกลับบ้าน เช่นเคย
คนสมัยก่อน เรื่องเรียนหนังสือ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างห่างไกลตัวอยู่มาก โดยเฉพาะครอบครัวชาวนาแล้ว กับพ่อซึ่งเป็นลูกชายคนโต เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการช่วยงานพ่อแม่ แต่พอมาเรียนหนังสือในที่ที่ไกลบ้านมาก ทำให้ครอบครัวของคุณปู่ต้องลำบากขึ้นอีก เพราะภาระจะตกเป็นน้องตัวเล็ก และคุณย่า อย่างเลี่ยงไม่ได้ พ่อพูดเสมอว่า ที่ได้เป็นครูทุกวันนี้ เพราะวิสัยทัศน์ของคุณปู่ คุณปู่ไม่เคยรังเกียจเรื่องการเรียนของลูกๆ ครอบครัวชาวนา แรงงานเป็นสิ่งจำเป็นมาก แต่คุณปู่ก็เข้าใจ ไม่ขัดขวางถ้าหากลูกจะเรียน กลับส่งเสริมและสนับสนุน ด้วยการรับภาระงานต่างๆของครอบครัวเสียเอง
ผมกับพ่อ จึงรู้สึกซาบซึ้งในวิสัยทัศน์ของคุณปู่ ผมเชื่อว่าครอบครัวชาวนาหลายครอบครัว คิดไม่เหมือนคุณปู่ และคุณปู่ก็เชื่อมั่นในความคิดของตนเอง ทำให้พ่อ และอาอีก 3 คน ได้ทำอาชีพราชการ ส่วนอาคนอื่นๆ ก็มีอาชีพ และฐานะที่มั่นคงเจริญรุ่งเรือง นับว่าเป็นเพราะวิสัยทัศน์ต่อการศึกษาของคุณปู่นี่เอง
มาอ่านวิสัยทัศน์ของปู่ครับ
ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น
สวัสดีค่ะ
ขอขอบคุณ ทุกท่านสำหรับการเยี่ยมเยือน ทักทาย