ผึ้งงาน_SDUเขียนเมื่อ 5 เมษายน 2554 23:33 น. ()
แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2555 13:40 น. ()
ความโกรธ...ดับได้เพราะ...เมื่อได้รู้ความจริงที่ว่า...สรุปว่าเธอนั้น...บ้า...!!!!
ความโกรธนั้น...เกิดขึ้นได้เสมอกับทุกคน อยู่ที่ว่าใครจะหาวิธีดับความโกรธได้ก่อนกัน พระท่านบอกว่า...ความโกรธนั้นเปรียบเหมือนเจ้าบ้านนำไฟมาจุดเผาเรือนตน มีแต่ความเสียหาย ไม่เกิดประโยชน์อะไร?
วันหนึ่งได้อ่านนิตยสารธรรมะที่คุณดังตฤณเขียนไว้ เล่าว่ามีพ่อคนหนึ่งเขาอยากสอนอะไรบางอย่างกับลูกชาย จึงตั้งคำถามว่าถ้าอยู่ดีๆมีใครก็ไม่รู้มาเตะลูกแบบไม่มีเหตุผล แล้วถามว่าลูกมีความรู้สึกอย่างไร?.... ซึ่งคล้ายกับเหตุการณ์ที่ผึ้งงานและอีกหลายคนในวันนั้นได้รับเพียงแต่ว่าคนละเหตุผลเท่านั้น ดังนั้นผึ้งงานจึงอยากจะเก็บเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นข้อคิด สำหรับชีวิตคนกทม.

เย็นวันหนึ่งขณะที่ผึ้งงานมารอขึ้นรถที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเหมือนเช่นทุกวัน ขณะที่กำลังชะเง้อมองดูรถสายที่เราต้องการขึ้นอยู่นั้น ที่ป้ายรถเมล์คนเยอะมากจนต้องเดินลงมาบริเวณด้านล่างในเลนที่รถจะเข้ามาจอด โดยไม่ได้สนใจอะไรเนื่องจากใจจดจ่อมองหารถเมล์อยู่
ทันใดนั้น...ก็ถูกใครก็ไม่รู้มาเตะน่องจากด้านหลังใต้เข่าขาพับไปข้างหน้าทันที...เสียหลักแต่ไม่ล้ม พอหันไปมองรอบๆก็เห็นมีผู้ชายคนหนึ่งเดินท่าทางกวนๆอยู่เลยไปซักหน่อยเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุด ดูการแต่งตัวก็ธรรมดาไม่ได้แตกต่างจากผู้คนแถวนั้น ผึ้งงานงง!!...และรู้สึกโกรธ...ว่าใคร?มาทำร้ายกันแล้วผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีคนเห็นเยอะแต่...ไม่มีใครช่วยเหลือหรือเห็นใจอะไร? มองแค่แว๊บเดียว...ทุกอย่างก็เข้าสู่ปกติ
แต่ใจผึ้งงานรู้สึกโกรธ...ร้อนรุ่ม ว่ามาทำร้ายฉันทำไม? และยังไม่รู้ว่าใครทำด้วย จึงถอยมายืนบนป้ายรถเมล์และยังเจ็บน่องนิดหน่อย สักพักก็สังเกตเห็น...ชายคนหนึ่งเดินอ้อมหลังผู้คนที่ลงไปในเลนรถ...ไล่เตะข้างหลังขาพับคนมาเป็นระยะๆแล้วเดินไปเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ สายตาเราก็เพ่งไปมองเพราะเห็นต่อหน้าต่อตา ชายคนนั้นไม่มีใคร?ให้ความสนใจทั้งๆที่ทำร้ายคนแถวนั้นอยู่หลายรอบ เวียนไปเวียนมา (...น่าแปลก...ที่คนทำไมเพิกเฉยต่อคนอื่นที่ถูกทำร้าย แล้วไม่ให้ความสนใจหรือช่วยเหลือ....ดูใจดำจัง!...)
แต่เมื่อพิจารณาดูดีๆจะเห็นว่า...ชายคนนั้นสติไม่สมประกอบเป็นบ้า...เวรกรรม...มาทำร้ายผู้คนไปมา จึงไม่มีใครอยากตอแยหรือถือโทษโกรธ เมื่อผึ้งงานรู้อย่างนี้แล้ว ความโกรธที่เกิดขึ้นก็ดับสนิท...เหมือนนำน้ำแข็งมาราดกองไฟ...ดับอย่างรวดเร็วไม่เหลือเชื้อ...เมื่อทราบความจริง
ดังนั้นเวลาอยู่ในที่สาธารณะนั้น ต้องคอยสังเกตผู้คนรอบข้างด้วย ซึ่งเมื่อมองภายนอกนั้นเหมือนกัน แต่พฤติกรรมที่แสดงออกนั้นต่างกัน โดยเฉพาะบริเวณป้ายรถเมล์ นักล้วงกระเป๋าก็เยอะ(ตำรวจก็รู้ทุกอย่าง)แต่ก็ไม่เคยจับได้เลย บางทีเห็นก็ไม่กล้าโวยวายเพราะคนร้ายมากันเป็นกลุ่มประมาณ 4-5 คนทำงานกันเป็นทีม จะส่งกระเป๋าต่อๆกันจนหาของกลางไม่เจอและอาจถูกทำร้ายได้ ต้องระวังเช่นกัน
การดูแลตนเองให้ปลอดภัยก่อน(อย่าหวังพึ่งคนอื่น)เป็นเรื่องดีและช่วยเหลือกันบ้าง เมืองกรุงนั้นมีคนแล้งน้ำใจเยอะมาก ถือว่า...เรื่องของเขา เราไม่เกี่ยว... สภาพการแข่งขันทำให้ สยาม...เมืองยิ้ม...อาจจะกลายเป็นสยาม...ลืมยิ้มไปได้เหมือนกัน...
(ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ
ความเห็น
อ่านเรื่องดีๆทีไร สติกลับมาทุกที แต่เผลอทีไร ดับไม่ทันเสียแล้ว
ขอบคุณค่ะ
- สวัสดีค่ะ
- คิดได้ด้วยค่ะ ว่าเขาอาจหวังดี
- ไม่อยากให้คนที่ไปยืนในเลนรถ ได้รับอันตราย
- โกรธไม่ลงค่ะ ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณnamsha
- ความโกรธเป็นเรื่องธรรมดาของโลก ถึงแม้ว่าเราจะพยายามรู้ตัวให้ทัน...แต่ก็เกิดขึ้นใหม่ได้เรื่อยๆ
- เรามาให้กำลังใจซึ่งกันและกันดีกว่าค่ะ ...ช่วยเตือนสติซึ่งกันและกัน...
- ขอให้มีความสุขมากๆค่ะและขอบคุณกำลังที่มอบให้ผึ้งงานค่ะ
- ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ
สวัสดีค่ะคุณลำดวน
- คุณลำดวน...นั้นเป็นคนที่มองโลกในแง่บวกมากค่ะ
- คนมองโลกในแง่บวกเป็นคนที่จิตใจดีค่ะ
- ผึ้งงานอยู่เมืองกรุงก็...พยายามมองบวกคิดบวกให้มากเข้าไว้เช่นกัน เพราะเมืองกรุงมีเรื่องที่วุ่นวายมากมาย
- ขอบคุณสำหรับกำลังใจและวิธีคิดบวกค่ะ
- ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ