1. เงื่อนไขเรื่องอายุ ผู้จะรับบุตรบุญธรรมต้องอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปี และต้องอายุมากกว่าผู้จะเป็นบุตรบุตรบุญธรรม อย่างน้อยสิบห้าปี และในกรณีที่ผู้จะเป็นบุตรบุญธรรมอายุมากกว่าสิบห้าปีนั้น การรับบุตรบุญธรรมจะต้องให้ผู้จะเป็นบุตรบุญธรรมให้ความยินยอมด้วย เพราะถือว่าผู้จะเป็นบุตรบุญธรรมโตในระดับที่รู้ความและสามารถตัดสินใจเองได้
อย่างไรก็ตามถ้าผู้จะเป็นบุตรบุญธรรมนั้นยังเป็นผู้เยาว์ คืออายุยังไม่ถึง 20 ปี การรับบุตรบุญธรรมนั้น บิดา มารดาของเด็กผู้จะเป็นบุตรบุญธรรมจะต้องแสดงความยินยอมด้วย (ในกรณีที่บิดามารดาของเด็กที่จะเป็นบุตรบุญธรรมจดทะเบียนสมรสกัน หรือมีการจดทะเบียนรับรองบุตรการแสดงความยินยอมต้องมาจากทั้งของบิดามารดา แต่หากไม่ได้จดทะเบียนสมรส หรือบิดาเด็กไม่เคยจดทะเบียนรับรองบุตร การแสดงความยินยอมนั้นก็
มาจากมารดาเด็กที่จะเป็นบุตรบุญธรรมเท่านั้น)
2. เงื่อนไขเรื่องความยินยอม กรณีที่ผู้จะรับบุตรบุญธรรมมีคู่สมรส กรณีผู้จะเป็นบุตรบุญธรรมมีคู่สมรส การรับบุตรบุญธรรมจะเกิดขึ้นได้เมื่อคู่สมรสแต่ละฝ่ายให้ความยินยอมในการรับบุตรบุญธรรม (เรียกง่ายๆว่าถ้ามีคู่สมรสต้องให้คู่สมรสยินยอมด้วยในการรับบุตรบุญธรรม)
ดังนั้น 1) กรณีที่จะต้องแสดงความยินยอม แต่คู่สมรสไม่สามารถให้ความยินยอมได้ หรือไม่พบตัวมากกว่า 1 ปีจะต้องใช้กระบวนการทางศาลเข้ามาด้วย
2) กรณีที่ผู้จะเป็นบุตรบุญธรรม ยังเป็นผู้เยาว์ต้องให้บิดาและมารดาให้ความยินยอม โดยบิดามารดานั้นจดทะเบียนสมรสกัน หรือบิดาจดทะเบียนรับรองบุตร ตามข้อ 1. และบิดามารดาเด็กนั้น หรือคนใดคนหนึ่งกลับไม่ให้ความยินยอมในการรับบุตรบุญธรรม หรือไม่สามารถแสดงความยินยอมได้ กรณีนี้ก็จะต้องใช้กระบวนการทางศาลเช่นกัน
3. เงื่อนไขเรื่องการทดลองเลี้ยงดู ตาม พรบ.การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม พ.ศ.2522 โดยหลักจะต้องมีการทดลองเลี้ยงดูเด็กอย่างน้อย 6 เดือน (หลังยื่นคำขอรับบุตรบุญธรรมต่อเจ้าหน้าที่) แต่ถ้าผู้จะรับบุตรบุญธรรมนั้นเป็นพี่น้อง ลุง ป้า น้า อา ทวด ปู่ ย่า ตา ยาย ของผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรม ก็ไม่จำเป็นต้องมีการทดลองเลี้ยงดู
ไม่มีความเห็น