Herb - เดินป่า ท้าแดด


๑๒ มีนาคม ๒๕๕๔

            ก่อนที่จะเดินป่าสองวัน พี่ติ๋ว (เภสัชกร จากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ ๖ ขอนแก่น) ได้เดินทางออกพื้นที่มาทำงานที่รพ.สต.ของเรา การออกพื้นที่ครั้งนี้พี่ติ๋วมาทำงานหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการเยี่ยมเยือนคุณตาบรรลือ หมอพื้นบ้านที่ให้การรักษาโดยการใช้สมุนไพร

         หลังพูดคุยกับคุณตาอยู่ไม่นาน พี่ติ๋วก็หันมาถามมาชวนเราว่าไปเดินป่ากันเถอะ....เรื่องการเดินป่านี่เรากับพี่ติ๋วเคยแพลนกันมาตั้งแต่ก่อนสิ้นปี ๒๕๕๓ แต่ก็มีอันต้องเลื่อนออกไปอยู่ตลอด เราเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะเดินป่ากันจริงๆจังๆ เลยบอกพี่ติ๋วว่า

/งั้นเอาวันเสาร์นี้เลยดีมั๊ยค่ะ/

พี่ติ๋วตอบตกลง

         ก่อนออกเดินป่าหนึ่งวัน หัวหน้าเราจัดประชุมประธาน อสม.๑๕ หมู่บ้าน เพื่อคุยเรื่องงาน ซึ่งไม่เกี่ยวกับงานของเรา แต่เห็นเป็นโอกาสทอง เราเลยขออนุญาติหัวหน้าประชาสัมพันธ์การเดินป่ากับเหล่า พ่อ แม่ประธานอสม.๕ นาที ทุกคนฮือฮา...ขึ้นมาบอกว่าไปไม่ได้คุณหมอ วันเสาร์มีนัดสอบกศน. เราก็เลยบอกไปว่าไม่เป็นไรค่ะ แค่ฝากประชาสัมพันธ์ถึง อสม.แต่ละหมู่บ้าน

         หากใครอยากไปร่วมเรียนรู้ ให้มาเจอกันตอน ๐๙.๓๐ น. ในวันเสาร์ ห่อข้าวกลางวันไปกินด้วยกัน

 

        ๙.๓๐ น. ของวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๔ ไม่มีใครมายืนรอไปป่ากับเราซักคน

          พี่ติ๋วกับเราเดินทางไปรับคุณตาบรรลือที่บ้าน เมื่อไปถึงนั้นคุณตาบอกว่า แม่ๆ อสม.ที่หมู่บ้านของท่านมาบอกตั้งแต่เช้าให้เราเอารถไปรับที่จุดนัด ซึ่งเป็นสามแยกกลางหมู่บ้าน มีประมาณ ๕ คน

          ฟังแล้วหัวใจเราพองโต.....อย่างน้อยก็มีคนอยากไปกับเราอยู่นี่นา  รู้สึกปลื้มใจจัง การขนส่งคนเช้านี้เลยเป็นทุลักทุเล เพราะนับแล้วคนเยอะพอสมควร พี่ติ๋วต้องขับรถมารับเหล่าอสม.สองรอบเพื่อขนเหล่าคณะเดินป่า

          การเดินป่าครั้งนี้กลายเป็นกลุ่มขนาดกลางขึ้นมา นั่นคืดมีเรา พี่ติ๋ว พ่อบรรลือ น้องแป้งหลานสาวพ่อบรรลือ อายุ ๑๒ ปี และเหล่าแม่ๆอสม.ที่ใจดีอีก ๕  คน คณะเดินป่า EP. ๑ ของเราเลยมีกันทั้งสิ้น ๙ คน ...โอ....เลขสวย

          ป่าที่เราเดิน อยู่ในเขตอุทยาน และเขตวัดป่า คุณตาบรรลือพาพวกเราเดิน ศึกษาสมุนไพรไปตามทางเดิน มีสมุนไพรให้เห็นเต็มไปหมด เช่น ต้นก้นครก ต้นขันทองพยาบาท  สีชมชื่น (ภาษาถิ่น เราเองไม่รู้ชื่อที่เรียกทั่วไป) เป็นต้น

          เมื่อเจอแล้ว  เหล่าแม่ๆอสม.ก็จะมาช่วยขุด ช่วยเก็บใบเก็บกิ่ง และช่วยแบกให้ด้วย น่ารักกันจริงๆ  คุณตาพาพวกเราเดินไปดูต้นรางจืดยักษ์ ซึ่งท่านปลูกไว้ริมน้ำ ซึ่งอยู่ด้านหลังของภูเขา เป็นทางน้ำผ่านสายเล็กๆ มีน้ำขังอยู่ประปราย แต่ช่วงนี้เป็นหน้าแล้งน้ำเลยไม่ไหล

         รางจืดเถาใหญ่มาก เราและทุกคนตตื่นเต้นกันสุดๆ คุณตาบอกว่าปลูกใว้นานแล้ว พูดไปก็ฟันเถารางจืดไปให้เราเอากลับมาเพาะ นอกจากรางจืดแล้ว เรายังได้เห็นต้น เปเปอร์มินต์ ที่นิยมใช้แต่งกลิ่นให้หอมสดชื่นอีกด้วย หน้าตาเหมือนสาระแหน่ไทยเอามากๆ ถัดจากนั้นเรายังไปชิมเถาวัลย์ ที่ชือ่ว่าเถาขามเครือด้วย

          คุณตาบอกว่า มันไม่เป็นยาอะไร แต่รู้ใว้ก้ใด้ รสชาตเหมือนกับกินฝักมะขามดิบๆ เปรี้ยวน้อยกว่า แต่กลิ่นและรสคล้ายกันมาก คุณแม่อสม.ก็ช่วยเราขุดเอามาปลูกที่รพ.สต.

         ถัดจากริมน้ำ เราเดินเข้ามาในป่าสักทอง ที่นี่มีเถาวัลย์เปรียงเต็มไปหมดเลย พันเลื้อยต้นไม้ บางส่วนก็แผ่กลางกับพื้นดิน ลึกลงไปในดินยังมีว่านมหาเมฆ ว่านชักมดลูก ว่านขอทอง คุณตาบอกว่าหลวงพ่อ ที่เป็นเจ้าอาวาสวัดเป็นคนเอามาปลูกไว้ หากจะขุดไปขยายพันธ์ก็ไม่ได้หวงแต่อย่างใด 

          เข้าทางเราเลย......เหล่าบรรดาแม่ๆ อสม.ก็ต้องแบกถุงเถาวัลย์เปรียงและถุงสารพัดว่านที่ขุดขึ้นมาจากพื้นดินกันไปอีกสองถุง ก่อนหน้านี้ก็แบกเถารางจืดยักษ์กันสองถุงเช่นกัน เดินต่อมาอีก คราวนี้คุณตาบอกว่าเป็นโสมดง ใช้รากต้มบำรุงธาตุ

 

           นอกจากโสมดงเราก็เจอเข้ากับ ดินสอฤาษี ซึ่งคุณตาเล่าว่า ให้เอาดอกแช่น้ำมันจันทน์แล้วผสมกับขี้ผึ้งเอามาสีที่ปาก เชื่อกันว่าจะทำให้การเจรจามีเสนห์ คนคล้อยตามได้ง่าย ท่าทางพี่ติ๋วสนอกสนใจเจ้าดินสอฤาษีนี้เป็นพิเศษ

         เดินแค่ไม่นานก็เที่ยงแล้ว คณะของเราเลยมานั่งทานข้าวกันที่บนกระท่อมเล็กๆริมสระน้ำด้านหลังภูเขา สระนี้ทางวัดขุดขึ้นเพื่อสูบน้ำขึ้นไปใช้บนวัดที่อยู่ด้านบนภูเขา ระหว่างที่ทุกคนเตรียมอาหาร เราไปช่วยพี่ติ๋วทำ  Herbarium  ต้นไม้ที่เก็บมาได้ เมื่อทำเสร็จ เหล่าแม่ๆอสม.มีทีท่ารอพวกเราเข้าไปร่วมวงกินข้าว

         กับข้าววันนี้มีน้ำพริก มีปลาทอด ผักลวก ปิ้งไก่ ปลาทู ปลากระป๋อง ทุกคนทานข้าวกันอย่างอร่อย รวมทั้งเราด้วย หลังทานข้าวเสร็จ ท่าทางแม่ๆอสม.จะเหนื่อย    เรา พี่ติ๋ว น้องแป้ง และคุณตา เลยเดินศึกษาสมุนไพรในเขตวัดกันต่ออีกเล็กน้อย พบ ต้นสีฟันคนทา  หัศคุณไทย กำลังเสือโคร่ง พญายอดด้วน รางจืดต้น ชิงชี่ จักจั่น และต้นค้างคาว

          เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาสมควรจะกลับแล้ว เราหอบสมุนไพรขึ้นหลังรถ เดินออกมาดูเหล่าแม่ๆ อสม.ที่จุดนัดพบ ปรากฎเหลือคนอยู่เพียงสองคน

      ท่านบอกว่าสามคนที่กลับไปก่อน กลับกับรถสองแถวที่รับคนมาทำงานที่วัด เหลือไว้สองคนเพราะกลัวคุณหมอจะเป็นกังวล หาไม่เจอ ฟังแล้วเรารู้สึกผิดนิดๆที่เอาเหล่าแม่ๆอสม.มาตากแดดร้อนๆที่วัด ซ้ำยังให้หอบหิ้วสมุนไพรที่หนักไม่ใช่เล่นนั่นอีก

   เรานึกในใจ  เดินป่า EP. ๒ เราต้องใช้ลูกอ้อนอสม.ที่เป็นเหล่าคุณพ่อ ท่าทางแข็งแรงมาด้วยให้ใด้ เหล่าแม่ๆอสม.จะได้ไม่ทำงานหนักเช่นวันนี้

หมายเลขบันทึก: 432014เขียนเมื่อ 21 มีนาคม 2011 00:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ทำบ่อยๆ ครับ ไม่นานสมาชิกจะเพิ่มขึ้นมากโข เพราะเป็นเรื่องที่มีประโยชน์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท