ล่องฮาลอง ท่องฮานอย 4 วัน กับ 3 คืน
เส้นทางของผู้เริ่มต้น
จากสนามบินสุวรรณภูมิด้วยเที่ยวบิน QR 614 เหินขึ้นสู่เวหา พาลัดฟ้าสู่กรุงฮานอย ได้สัมผัสอากาศอันหนาวเหน็บ ทางทัวร์จึงพาเราไปลองลิ้มชิมชาเพิ่มความอบอุ่นให้กับชีวิต หลังจากนั้นก็ถึงเวลาอาหารมื้อเย็นที่รอคอย อาหารส่วนใหญ่จะค่อนข้างจืด แต่ทางทัวร์พกสิ่งที่สำคัญามาให้ด้วย (น้ำจิ้มซีฟู้ค น้ำพริก) ทำให้รสชาติอาหารมื้อนั้นอิ่มอร่อยไปด้วยดี
หลังจากนั้นก็เข้าพักที่โรงแรม Blue sky ตื่นเช้ามาหน้าตาสดชื่นแจ่มใส แต่อากาศก็หนาวเหน็บ ดูจากการแต่งตัวของแต่ละคน เหมือนจะหนาวมาก
หลังจากนั้นทุกคนก็พร้อมแล้วที่ได้ล่องเรือในอ่าวฮาลองเบย์ กินอาหารทะเลสดๆๆ อย่างสนุกสนาน พลาดไม่ได้กับการถ่ายรูปบนเรือ และถ่ายรูปบนเกาะสวรรค์ ซึ่งประกอบด้วยแสงสีอันสวยงาม (ดูพี่วงสิ)
วันต่อมาอากาศ 7-8 องศา แต่ทุกคนก็พร้อมไป สุสานโฮจิมินต์ อากาศก็หนาว ฝนก็ตก แต่ทุกคนก็ไม่ย่อท้อ เพื่อความคุ้มค่าทุกคนก็ลุยต่อ
จากดูประวัติของลุงโฮ แล้วไม่แปลกใจเลยทำไมคนเวียดนามจึงรักชาติ และรักลุงโฮ ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อของทุกคน
ทั้งหนาว ทั้งสนุก เหนื่อยมาก แต่ได้ประสบการณ์มาก ๆ ทุกเรื่อง
อยากดูรูปมาก ๆ เลย นะจะ
สวัสดีค่ะคุณ' ศิรกรานต์' แวะมาอ่านและอยากดูความเปลี่ยนแปลงของเมืองฮานอยค่ะ
มีแววกวีเหมือนกันนะครับนี่
"ล่องฮาลองท่องฮานอย"
คมครับคม
เคยไปครั้งหนึ่ง
กลับมาถึงไทยอ่านข่าวพบว่า
เรือล่มคนจมน้ำหายไป3คน
ว้าวๆๆๆ ดีนะมิใช่ลำเรือของเรา
ขอบคุณทุกความคิดเห็น มากๆนะคะ ถ้าใครที่ได้ไปสิ่งที่ทุกคนจะปฏิเสธไม่ได้คือ ความมานะพยายามของคนเวียดนาม รู้ไหมคะเด็กที่เก่งของเวียดนามส่วนใหญ่เป็นเด็กในชนบท เขาไม่มีการเรียนพิเศษเหมือนเด็กไทย แต่ที่เวียดนามบางโรงเรียนเขาจะเรียนกันครึ่งวัน เด็กไทยเรียนเต็มวันยังสู้เขาไม่ได้เลย ไม่เข้าใจเหมือนกัน ซึ่งเวียดนามนั้นจะให้ความสำคัญกับผู้ที่มีความสำเร็จในการเรียนค่อนข้างมาก จะยกย่องพ่อแม่ อำเภอ และจังหวัดของเด็กที่อยู่ด้วย ผู้ปกครองถึงพยายามให้บุตรหลานมานะพยายามมากกๆๆ ผิดกับเด็กไทยที่จ้องแต่จะเรียนพิเศษอย่างเดียว เวลาเรียนในโรงเรียนไม่รุเรื่องก็โทษครู ทั้งๆที่เคยเรียนมาแล้วด้วยซ้ำไป ถ้าทุกคนในประเทศช่วยกันอีกหน่อยประเทศไทยคงมีเด็กได้เหรียญทองโอลิมปิค อีกเยอะ และสิ่งที่สำคัญที่สุดควรปลูกฝังความกตัญญูกับเด็กไทยด้วยคงจะดีมากกกกกกกกก