วันนี้เป็นเช้าวันแรกของเนปาล แม่ต้อยตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น เพราะว่าเมื่อคืนนี้นอนหลับสบาย อย่างอบอุ่นที่โรงแรม ลุมพินีการ์เดน แม้ว่าอากาศจะเยือกเย็นเพราะ ตอนนี้เราอยู่ใกล้เทือกเขาหิมาลัยเข้ามาแล้ว แต่เครื่องทำความร้อน และที่นอนอันแสนสบายทำให้ความหนาวเย็นไม่ได้ระคายเคืองผิวเลย
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว คณะเราก็ออกเดินทางไปที่ สถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่วิหารมหามายาเทวี
ที่นี่นับเป็นสังเวชนียสถานเพียงแห่งเดียวที่อยู่นอกประเทศอินเดีย ในสมัยพุทธกาลสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตอินเดีย เมื่อพศ.๒๓๙๘ เกิดกบฏในอินเดียเพื่อต่อต้านการยึดครองของประเทศอังกฤษ เนปาลได้มาช่วยในการปราบกบฏเหล่านี้ เพื่อเป้นการตอบแทนอังกฤษจึงยกพื้นที่ลุมพินีให้อยู่ในความดูแลของเนปาลตั้งแต่นั้นมา
การเข้าไปที่ลุมพินีนี้ เราต้องนั่งสามล้อถีบอย่างสง่างาม เมื่อคราวที่แม่ต้อยมาครั้งแรกจำได้ว่าจะมีเด้กตัวเล็กๆวิ่งตามสามล้อที่เรานั่ง พร้อมกับท่องบทสวดของเรา
“ อิติปิโส ภะคะวา อรหังสัมมา สัมพุทโธ..”money krab.
คงเคยเห็นชาวพุทธ เดินสวดมนตร์ เขาจึงจำมาบ้างแต่เอามาเพื่อให้เราสนใจและให้เงินเขานั่นเอง
ดังนั้น เมื่อนั่งสามล้อ เราจึงต้องเป็นคนใจแข็ง ( บางทีแม่ต้อยก็อดนึกว่าทำไม เราใจดำจัง อิอิ) ทำเป็นมองดู โน่น นี่ นั่น ตลอดเส้นทางจนกว่าจะถึง ฮ่าๆ
ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้จะมี สถานที่สำคัญ คือ เสาศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราช มายาเทวีวิหาร สระโบกขรณี ที่พระนางสิริมหามายาทรงสระสนานชำระพระวรกายหลังประสูติพระโอรส กลุ่มพระเจดีย์ และสังฆารามต่างๆ
เราได้เข้าไปชมและนมัสการ แผ่นศิลารอยพระบาทในตำแหน่งที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงมีพระประสูติกาล ณ ที่นี้
ณ. บริเวณใต้ต้นโพธิ์ ใกล้ๆกับสระโบกขรณี เราได้มีโอกาส สาธยายบทสวดมนตร์เพื่อชำระล้างจิตใจ และนั่งสมาธิ เพื่อน้อมจิตใจ ฝึกตนให้เป็นคนใหม่ คล้ายกับเป็นคนที่เกิดใหม่ในธรรมปฏิบัติ
รวมทั้งรำลึกถึงคุณงามความดีของพระเจ้าแผ่นดิน และพระคุณของแม่ผู้ให้กำเนิดชีวิตเรามา แผ่นดินที่เราได้อาศัยอยู่ในทุกวันนี้
ภาพของคู่แม่ลูกที่ผวาเข้าหากัน กอดกันด้วยความปลื้มปิติทำเอาแม่ต้อยต้องแอบกรีดน้ำตาทิ้ง คิดถึงแม่ และลูกๆ เป็นยิ่งนัก
แม่ต้อยได้รับประกาศนียบัตร ด้วยว่าเป็นผู้ที่ได้ผ่านการจาริกแสวงบุญครบถ้วนแล้วทั้ง ๔ แห่ง ณที่นี้ด้วย
หลังจากนั้นเราได้ไปทำบุญที่วัดไทยลุมพินี ที่วัดนี้สวยงามมาก เป็นสถาปัตยกรรมร่วมสมัยคือ ผสมผสานระหว่างไทยและเนปาล
ที่นี่เองแม่ต้อยได้พบกับทีมคุณหมอชาญชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยางตลาดอีกครั้งหนึ่ง ทีมคุณหมอมาปักหลักที่นี่เพื่อรักษาดูแลพระภิษุสงฆ์ที่อาพาธ
ทีมหน้าตามีความสุขมากๆ คงมีความสุขแน่ๆเลย แม่ต้อยนึกในใจ คนที่มีผลบุญหน้าตามักจะอิ่มเอิบในความดีงามที่ได้ทำลงไปอย่างนี้เสมอ
ที่วัดนี้แม่ต้อยชอบมากๆๆคือพระพุทธรูปองค์เล็กๆ( อยากจะบอกเป็นภาษาชาวบ้านว่า ช่างน่ารัก เสียเหลือเกิน)
คือbaby Buddha ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางประสูตินั่นเอง ในพระประวัติกล่าวว่า
“ ในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ วันศุกร์ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ ก่อนพุทธศักราชประมาณ ๘๐ ปี พระนางสิริมหามายาได้ประสูติพระราชโอรสใต้ต้นสาละในพระอิริยาบถยืน พระหัตถ์ขวา เหนี่ยวกิ่งต้นสาละไว้”
“ พระราชกุมารอยู่ในพระอิริยาบถยืน หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ เสด็จดำเนิน ๗ ก้าว มีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับพระบาท๗ ดอก”
ทรงกล่าววาจาว่า
“ เราเป็นผู้ที่เลิศที่สุดในโลก .. เราเป็นผู้เจริญที่สุดในโลก..เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก.. ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้การเกิดใหม่มิได้มี”
คณะเราออกจากเมืองลุมพินี สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเบิกบานใจ ผลบุญทั้งหลายและประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้จากสังเวชนียสถาน ทั้ง ๔ แห่ง นั้นคงจะส่งผลให้พวกเรามีการดำรงชีวิตและปฏิบัติในสิ่งที่ดีงาม เป็นชีวิตใหม่ที่เจริญรอยตามองค์สมเด็จพระศาสดา ที่ทรงปฏิบัติให้เห็นจริง
คำว่า การไป “จตุสังเวชนียสถาน”นั้น คือการที่เราได้มาใกล้ชิด และสัมผัสสถานที่อันเป็นมงคล เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง เสมือนหนึ่งได้เข้ามาเฝ้ากราบแทบเบื้องพระบาทพระบรมศาสดาอย่างใกล้ชิดได้มีโอกาสประกอบศาสนกิจและ การไหว้พระรัตนตรัยในระดับสูง
ได้มาดู มารู้ มาเห็น มาเกิดธรรมสังเวช ตามความเป็นจริง
เป็นการเจริยรอยตามพระบาทของพระพุทธเจ้า เพื่อนำไปปฏิบัติสืบทอดคุณธรรมแก่ตัวเราเองได้
แม่ต้อยก็ได้เล่าเรื่องราวของสังเวชนียสถานทั้ง๔ แห่งครบถ้วนแล้ว หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย
ส่วนครั้ง ต่อไปจะได้เล่าเรื่องสนุกๆของเมืองเนปาลให้ฟัง .. เอ้ะ ให้อ่านต่อไปคะ
นมัสเต
สวัสดีคะ
สวัสดีค่ะแม่ต้อย
สบายดีนะคะ ห่างหายไปนานมากๆ ยินดีด้วยนะคะ
แม่ต้อยได้ไปเยือนดินแดนพุทธภูมิ อนุโมทนา ค่ะ
เพิ่งเคยเห็นพุทธรูปจิ๋ว น่ารักจัง ขอบคุณค่ะ
อ่านบันทึกนี้พร้อมฟังเพลง ริมฝั่งเนรัญชรา เข้ากันเลย
ไว้จะมาติดตาม ท่องเส้นทางในฝันกับแม่ต้อยอีกนะคะ