จากการเดินทางไปเรียนรู้กับพื้นที่ในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้ ทีมได้เห็นภาพสะท้อนบางอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเรื่อง "ยาชุด" ลองอ่านดูนะคะ ดูเหมือนว่า "มีมานาน และก็ยังคง มีอยู่"
จำได้ว่าเมื่อยี่สิบสามสิบปีที่แล้ว สมัยที่ยังเป็นเด็ก แถมเป็นเด็กน้อยบ้านนอกอีกต่างหาก อะไรก็ยังไม่เจริญมากมายขนาดนี้ "เมื่อพ่อกลับจากทำนา รู้สึกไม่สบายปวดเมื่อยตัว ก็จะบอกว่าปั่นจักรยานไปซื้อยาให้หน่อย"
ก็เป็นที่รู้กันภายในหมู่บ้านว่าจะต้องไปซื้อที่ไหน ก็คงไม่ใช่ร้านขายยาที่มีเภสัชกรเป็นผู้ขาย ไม่มีคลินิกหมอ มีอนามัยที่มีเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่คนสองคน เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
เพราะการไปหายาช่วงเวลาเย็น ๆ นั้นจะไปหาที่สถานีอนามัยได้ เพราะเจ้าหน้าที่ก็คงกลับบ้านไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าจะพูดถึงโรงพยาบาลประจำอำเภอก็ไม่ไกลหรอก แต่สมัยนั้นการไปมาไม่สะดวกเอาเสียเลย
เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ดีห้ามเจ็บห้ามป่วยว่างั้นเถอะ
เมื่อเป็นเช่นนี้ทางเลือกสุดท้ายไปจบที่ร้านอาแปะ (เมื่อก่อนคิดว่าเขาชื่อแปะ แต่ไม่ใช่กลับแปลว่าลุงก็เป็นความรู้ใหม่เหมือนกัน) แต่ตอนนี้ด้วยความที่สถานีอนามัยที่บ้านพัฒนาขึ้นเยอะมากจนกระทั้งเปลี่ยนชื่อกลาย เป็น รพ.สต.ไปแล้ว
แถมมีทั้งพยาบาล เภสัช และคุณหมอจาก รพ.อำเภอมาตรวจให้อีกต่างหาก
ในที่สุดร้านอาแปะก็หายไปจากหมู่บ้าน (จริง ๆ แล้วแกตาย ลูกหลานก็ไม่มีใครสานต่อ ร้านอื่นก็ไม่มีใครขาย)
ในพื้นที่จึงหาซื้อยาชุดไม่ได้อีกแล้ว แต่การออกพื้นที่ไปในครั้งนี้เหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง มีคุณน้า คุณอา คุณพ่อ ว่างั้นเถอะถือมาให้เราตรวจด้วย บอกว่าไปซื้อที่ร้านชำ (ร้านชำก็คือร้านขายทุกอย่างคล้าย ๆ กับเซเว่นประจำหมู่บ้าน) ร้านที่ขายยาชุดนี้ไม่ได้มาจัดยาเองเหมือนสมัยเมื่อก่อนหรอก
แต่ทุกเช้าจะมีรถยนต์ขับรถมาส่งยาให้ถึงหน้าบ้าน จะมียาที่รักษาเกี่ยวกับคนที่เป็นไข้หวัดใหญ่ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ยาคลายเส้น แต่ละชุดก็จะประกอบไปด้วยยาประมาณ 4 ถึง 5 เม็ด ราคาก็อยู่ที่ชุดละ 5 บาท ตกราคาเม็ดละบาท ถู๊กถูก ถูกมาก ส่วนใหญ่เท่าที่ดูก็เป็นยาตามอาการ หาซื้อได้ทั่วไป แต่ยาแก้ไข้หวัดนี่ซิมีเด็กซามีธาโซนอยู่ด้วยแน่นอน
ยาตัวนี้ไม่ได้สามารถซื้อหาได้ง่าย ๆ แต่กลับมาอยู่ในยาชุดได้ สงสัยเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น อสม.ที่เอามาให้เราดูบอกว่า
“เดินไปร้านไหนก็สามารถซื้อได้ ไม่ลำบาก เหตุผลที่ใช้ก็คือซื้อง่าย ราคาถูก หายเร็ว ไปรักษาที่ รพ.สต. กว่าจะได้ยามาทานต้องใช้เวลานาน ทานเท่าไรก็ไม่หาย ไปทีไรก็ได้แต่พาราเซตามอลทุกที”
(นั่นนะซิ แล้วจะทำยังงัยดีล่ะ) ผลสรุปสุดท้ายชาวบ้านหรือแม้แต่ อสม. ก็ยังเดินไปหาหมอที่ร้านชำแทน เพราะหายชัวร์
แล้วเราล่ะในฐานะที่อยู่ในกระทรวงสาธารณสุข
สำหรับเรื่องนี้แล้วเราจะมีทางออกอะไรบ้างไหม
ที่จะเข้าไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับยาชุดที่ประชาชนบริโภคในชุมชน ว่าการรักษาแบบนี้เหมาะสมหรือไม่อย่างไร (ตอนนี้กำลังคิดวางแผนอยู่ว่าจะทำอย่างไรดี คิดจนปวดหัว ............ ขอตัวไปรับลูกก่อนแล้วกัน)
ขอบคุณเรืองเล่าจากพี่อ้อ ค่ะ
ไม่มีความเห็น