จิตอาสา : เเสงสว่างท่ามกลางความมืดสลัวของโลก


และการให้ของอาสาสมัครฉือจี้นอกจากยังประโยชน์ให้กับผู้รับแล้ว การให้ยังเป็นการขัดเกลาให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มูลนิธิฉื้อจี้ วันนี้เติบใหญ่เพราะพลังศรัทธา และนับวันพลังเหล่านี้จะขยายออกไปเรื่อยๆ เป็นความงดงามในด้านของโลกที่มีเงามืดทาบทับ อีกด้านหนึ่งเป็นสวนดอกไม้ที่งดงามสว่างไสว

เสียงบอกกล่าวให้กับคู่บ่าวสาวชาวมุสลิมที่มีนบุรีเดือนก่อนผมยังจำได้ชัดเจน อิหม่ามบอกกับคู่บ่าวสาวว่า “ขอให้มีความเมตตาต่อกัน เพราะความเมตตานั้นเป็นพื้นฐานของความรัก”

ประโยคนี้ ทำให้ผมใคร่ครวญเบื้องหลังของความรักได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น  ความรักเป็นทั้งต้นทางและผลลัพธ์ แต่ส่วนใหญ่เราคาดหวังกันให้ทุกอย่างเริ่มต้นที่ความรัก ดูเหมือนคำว่า “ความรัก” จะเจือปนอารมณ์แห่งกิเลสมากไปบ้าง หากเปรียบเสมือน ดอกไม้กับภมรที่ซุกซน เรามองเห็นเพียงเรื่องราวการเสพน้ำหวานจากใจกลางดอกไม้ แต่ไม่เคยนึกถึงการที่แมลงช่วยคลุกเคล้าเกสรให้เกิดผลิตผลใหม่ท่ามกลางวิถีเสพสม ดอกไม้และแมลงต่างทำหน้าที่ผู้ให้ ต่างมีเมตตาต่อกัน นั่นคือเรื่องราวความรักระหว่างดอกไม้กับภมร

คุณสุชน แซ่เฮง จากมูลนิธิฉือจี้ ประเทศไทย องค์ปาฐกใน เวทีปาฐกถาครั้งที่ ๙ ดร.อุทัย ดุลยเกษม ได้มาแสดงปาฐกประเด็น “จิตอาสาเพื่อพัฒนาชีวิต” ได้นำเสนอถึงวิถีความรักของชาวฉือจี้ ที่ผูกพันกับการให้ที่ยิ่งใหญ่ ชาวฉือจี้ถือว่า “การให้” นั้นคือ “โอกาส” ที่พวกเขาได้ทำดี ดังนั้นเมื่อเขาได้รับโอกาสทำดี จึงเป็นความปีติและอิ่มเต็มจิตวิญญาณของผู้ให้

ชาวฉือจี้เชื่อในคำสอนข้อหนึ่งที่ว่า “ชาวพุทธจงเป็นช้างให้พระพุทธเจ้า แต่ถ้าจะเป็นช้างให้พระพุทธเจ้าขี่ ต้องยอมเป็นม้าเป็นวัวให้แก่ประชาชนก่อน”  ด้วยความเชื่อเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้อาสาสมัครฉือจี้ภาคภูมิใจและเต็มใจยิ่งนักที่จะได้อาสาเป็นผู้ช่วยเหลือทำการงานให้แก่ผู้อื่นโดยไม่เลือกงานและไม่เลือกเขาเลือกเรา

แม่ชีเทเรซ่า บอกว่า “คนที่มีชีวิตที่น่าสงสารมากที่สุดก็คือ คนที่รักใครไม่เป็น และไม่มีใครรัก”  ดังนั้นผู้ที่เป็นคนที่มีความสุขทันทีในทุกขณะก็คือ คนที่ผลิตความรักให้กับคนรอบข้างสม่ำเสมอ ไม่หยุดที่จะรักทั้งตนเองและผู้อื่น

ผมนั่งชมวีดีทัศน์ที่คุณสุชน นำมาเสนอให้กับผู้เข้าร่วมเวทีปาฐกถาได้ชม เป็นกรณีศึกษาทางฉือจี้ประเทศไทย ได้ช่วยเหลือผู้คน ในภาพเป็นหญิงชราคนหนึ่งที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ในกระท่อมโกโรโกโส หญิงชราที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ รวมไปถึงสติเริ่มไม่ปกติ แผลเน่าเปื่อยที่ขาทั้งสองข้างลุกลามอักเสบ ชะตาชีวิตที่โหดร้ายยิ่งกว่านิยาย ...ในภาพเริ่มมีการเข้ามาค้นพบของอาสาสมัคร และการเริ่มต้นให้การช่วยเหลือหญิงชราผู้น่าสงสาร ทุกขั้นตอนเป็นไปด้วยความรัก ปฏิบัติต่อหญิงชราเสมือนญาติ ชมไปด้วยรู้สึกตื้นตันในความเมตตาที่แสดงผ่านอาสาสมัครฉือจี้ เหล่าอาสาสมัครต้องใช้ความตั้งใจจริง ความเสียสละ และความอดทนอย่างสูง รวมทั้งใช้เวลาทำความคุ้นเคยอยู่นาน การนำภาพกิจกรรมเช่นนี้มาให้อาสาสมัครอื่นๆ ดูเป็นการตอกย้ำจิตวิญญาณของอาสาสมัครให้เกิดความภาคภูมิใจ มั่นใจ และมุ่งมั่น ในการมีจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ 

คุณสุชนเล่าถึง เมื่อครั้งไต้หวันประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหว ที่คร่าชีวิตคนไต้หวันมากมาย และผู้คนส่วนหนึ่งไร้ที่อยู่อาศัย นับว่าเป็นภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์แผ่นดินไหวที่ไต้หวัน ครั้งนั้นเองอาสาสมัครฉือจี้ได้เข้าไปช่วยในการบรรเทาความเดือนร้อน และระดมการบริจาคเงินจากทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย คุณสุชน เล่าต่อว่า การระดมเงินบริจาคในประเทศไทยนั้น น่าประทับใจมากที่สุด  คุณสุชนเล่าถึงบรรยากาศการรับบริจาคเงินที่ห้างใหญ่ใน กรุงเทพฯ ของอาสาสมัครฉือจี้ มีโปสเตอร์ที่ให้เห็นถึงผลของแผ่นไหวและความต้องการเร่งด่วนสำหรับการช่วยเหลือ ทำในหลายๆภาษา เช่น จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ เพราะที่นั่นมีนักท่องเที่ยวมากมาย ปรากฏว่านักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ยืนอ่านโปสเตอร์แล้วก็เดินลับหายไป แต่คนไทยที่ได้ยินเสียงขอรับบริจาค และบางส่วนได้อ่านข้อความจากโปสเตอร์แล้ว ปรากฏว่าคนไทยร้อยละ ๘๐ ต่างพร้อมใจกันหยิบเงินออกมาเพื่อหยอดลงกล่องบริจาค แสดงให้เห็นถึงความเอื้ออาทร ความเมตตาของคนไทยที่มีต่อเพื่อนร่วมโลก เป็นสายธารของความงาม ความดี ความรักที่คนไทยมีสิ่งเหล่านี้ในพื้นฐานจิตใจ

เหตุการณ์ทั้งหมดที่ อ.สุชนเล่า เป็นบทสรุปข้อหนึ่งที่ อ.สุชนบอกว่า ไม่เคยสิ้นหวังที่เมืองไทย  “เมืองไทยยังมีหวัง” เพราะคนไทยมีจิตอาสาอยู่ในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นเพื่อนร่วมโลกเจ็บปวด ประสบชะตากรรมที่เลวร้าย คนไทยไม่รีรอที่จะช่วยเหลือ ซึ่งหายากในประเทศอื่นๆ

ในทางพุทธศาสนาได้กล่าวถึง "ผู้ให้" ว่า   ททํ ปิโย โหติ ภชนฺติ พหูผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก.....คนหมู่มากย่อมคบเขา” ผู้ให้คือ ผู้สละให้เป็นสิ่งของ หรือวัตถุอย่างใดอย่างหนึ่ง แก่ผู้อื่นด้วยใจบริสุทธิ์ ฝ่ายผู้รับก็เกิดความยินดี ดีใจ ซึ้งในน้ำใจของเขา เขาก็จะเป็นที่รัก และที่เคารพของผู้อื่นคนเป็นอันมาก อยากจะคบหาสมาคมกับเขา เพราะว่าเขานำประโยชน์และความสุขมาให้

และการให้ของอาสาสมัครฉือจี้นอกจากยังประโยชน์ให้กับผู้รับแล้ว การให้ยังเป็นการขัดเกลาให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์  มูลนิธิฉื้อจี้ วันนี้เติบใหญ่เพราะพลังศรัทธา และนับวันพลังเหล่านี้จะขยายออกไปเรื่อยๆ เป็นความงดงามในด้านของโลกที่มีเงามืดทาบทับ อีกด้านหนึ่งเป็นสวนดอกไม้ที่งดงามสว่างไสว

เราเป็นหนึ่งในผู้ปลูกดอกไม้เหล่านั้นลงในสวนดอกไม้ แต่งแต้มโลกนี้ให้สวยงามน่าอยู่

ปลูกดอกไม้ในความหมายของผม คือ “ให้ความรัก”

อย่างที่เพลง “รักทั่วฟ้าดิน” ของชาวฉือจี้กล่าวไว้ แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า

 

ทั่วฟ้าดินนี้ ไม่มีใครที่ฉันไม่รัก 
ทั่วฟ้าดินนี้ ไม่มีใครที่ฉันไม่เชื่อใจ 
ทั่วฟ้าดินนี้ ไม่มีใครที่ฉันไม่ให้อภัย 
ในใจกังวล เศร้าหมอง เสียใจ โยนทิ้งไป 

 


 

ด้วยศรัทธาและคารวะจิตใจที่ดีงามของผู้คน

จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

บันทึกเล็กๆจาก เวทีปาฐกถา ดร.อุทัย ดุลยเกษม

ห้องประชุม มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ศูนย์ กรุงเทพฯ
ถ.เพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพ
๒๗ ก.พ.๕๔



หมายเลขบันทึก: 428882เขียนเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2011 17:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

“คนที่มีชีวิตที่น่าสงสารมากที่สุดก็คือ คนที่รักใครไม่เป็น และไม่มีใครรัก”  ;)...

ขอบคุณนะครับ คุณเอก ;)

น้องเอกคะ

แวะมาเยี่ยมเยียนน้องเอก พร้อมกับมาส่งข่าวเป็นคนแรกค่ะ

เหนือความคาดหมาย น้องส้ม น้องฝน ชนะเลิศการประกวดสื่อ เข้ารับถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพฯ ๘ มีนาคม ศกนี้

ขอบพระคุณน้องเอกมากนะคะ ที่สนับสนุนแรงเชียร์  ครูและเด็กภูธร

 

ความรัก คือสิ่งดีงามและงดงาม

 

ปล. ยินดี กับคุณอิงจันทร์ด้วยค่ะ 

อ.วัส

มิจฉาทิฎฐิ  ไม่ว่าจากเงื่อนไขใดๆก็ตาม ก็ทำให้ไม่เป็นสุข เเละ ทุกข์ได้ตลอดเวลา

"โลกทั้งใบ อยู่ที่ใจของเรา" ครับ

ครูตาลครับ

ผมเพิ่งไปวัดทางสายมาอีกรอบครับ...อากาศร้อนมาก เเต่คิด "พุตะเเบก" ด้วยครับ

ไม่รู้อยู่ตรงไหน ??

น้องครูป้อม : ขอบคุณเช่นกันครับ ครูจิตอาสา :)

ป้าแดง : หากเป็นรักอยากให้เป็นความรักที่บริสุทธิ์ งดงาม เเละ จริงใจครับ

เเละ รักคือการให้ไป

คนเรามักแยกไม่ออกระหว่างความรัก กับ ความใคร่ แท้จริงแล้วความรักก็คือการครองความว่างเปล่า ส่วนความใคร่ก็คือการครอบครองในตัวตน วัตถุ หรือสิ่งที่ปรารถนา ท้ายที่สุดก็นำมาซึ่งความทุกข์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท