"พี่...หลานสาวยังเรียนอยู่หรือเปล่าคะ ไม่เห็นหน้านานแล้ว..." ฉันทักทายผู้ปกครองนักเรียนหญิงชั้น ม.๕ คนหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้โรงเรียน
"อาจารย์ไอ้... มันมีผัวไปแล้ว ตอนนี้กำลังเลี้ยงลูกอ่อนอยู่บ้านผัวมันนั่นแหละ"
"อ้าว ! ! ทำไมเป็นอย่างนั้นละคะ..." ฉันตกใจไม่น้อยเพราะคาดไม่ถึง
ฉันยังจำหน้าเด็กผู้หญิงวัยรุ่นหน้าตาสดใส ซึ่งย้ายมาจากต่างจังหวัดมาอาศัยกับน้าสาวตั้งแต่ ม.๔ ได้ดี เจอหน้าก็หมั่นทักทายยกมือไหว้ฉันเป็นประจำ
"อาจารย์เชื่อไหม พี่ชายมันเป็นทหารอุตส่าห์ส่งน้องเรียน มันรักน้องมากขนาดคนละพ่อ ยังคอยส่งเสีย...เมียก็ไม่ยอมมี พอมันรู้ข่าวน้องมันนั่งรถเมล์มาจากสัตหีบนั่งร้องไห้จนมาถึงนี่ มาถึงมันก็ตบหน้าน้องด้วยความเสียใจ... เพราะเป็นห่วงอนาคตน้อง แม่ก็กำลังเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย มันตั้งใจจะส่งให้น้องเป็นพยาบาลจะได้หมดห่วง ดูซิมันตัดอนาคตมันได้..."
"มันบอกหนูว่าไปทำรายงานกับเพื่อน ไปค้างคืน หนูก็สงสัยทำไมไปบ่อยจัง จนกระทั่งมันท้องนั่นแหละถึงรู้ว่ามันโกหก..."
ฉันฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความหดหู่ใจ จะโทษใครดีหนอ...เมื่อฉันวิเคราะห์ปัญหาลึก ๆ ก็เห็นความน่าจะเป็นเพราะครอบครัวเด็กแตกแยก ทั้งพ่อทั้งแม่ต่างมีคนใหม่ ทิ้งให้เด็กอยู่กับน้าสาวที่ต่างจังหวัด เด็กคงเหงาและว้าเหว่เมื่อมีชายหนุ่มมาให้ความสนใจจึงรีบไขว่คว้าแสวงหาความรักที่ตนเองโหยหา
นับตั้งแต่ฉันเป็นครูพบปัญหาเด็กออกกลางคันกลายเป็นคุณแม่วัยใสจำนวนไม่น้อย...นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้ว
ปัญหาแม่วัยใสกลายเป็นปัญหาใหญ่ในสังคม จากสถิติเมืองไทยมีคุณแม่วัยใสจำนวนสูงที่สุดในเอเชีย
วิกฤติที่น่าตกใจ ขออนุญาตหยิบยกมาจากบทความบางส่วน "...สถานการณ์วัยโจ๋ตั้งครรภ์ ยังคงเป็นปัญหารุนแรงของสังคม ข้อมูลจากโครงการ Child Watch ในปี 2548 มีวัยรุ่นตั้งท้องโดยไม่ตั้งใจเป็นปรากฏการณ์ทางหน้าหนังสือพิมพ์ ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 62,000 คน เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี 2,600 คน บวกลบคูณหารแล้วเด็กอายุต่ำกว่า 14 ตั้งท้องถึงวันละ 7-8 คน ในหน้าหนังสือพิมพ์ มีเด็กถูกทิ้ง 700-800 คน โดยไม่รวมเด็กที่ถูกทิ้งแบบไร้ชีพที่ถูกหมกอยู่ในกองขยะ ..."
http://variety.teenee.com/foodforbrain/5292.html
ท่ามกลางกระแสสังคมที่เจริญรุดอย่างรวดเร็ว ถนนหนทางยิ่งกว้างใหญ่ใจคนก็ยิ่งห่างจากกันมากเท่านั้น
ทั้งการแสดงออกของดารา นักร้อง สื่อต่าง ๆ ที่ส่งผ่านทั้งทางนิตยสาร หนังสือพิมพ์ ตลอดจนอินเทอร์เน็ตที่ปลุกเร้ายั่วยุอารมณ์ ล้วนคือสื่อมรณะที่หยิบยื่นให้เด็กและเยาวชนทุกเมื่อเชื่อวัน หากเด็กคิดวิเคราะห์ไม่เป็นย่อมเลียนแบบ จนกลายเป็นตราบาปในชีวิตซึ่งล้วนเกิดจากผู้ใหญ่ใจร้ายที่เห็นแก่ตัวขาดคุณธรรมนำอาชีพ
ขณะนี้หน่วยงานต่าง ๆ ต่างพุ่งเป้าหมายมาที่สถานศึกษาเริ่มบังคับให้ครูที่เกี่ยวข้องไปอบรมและสร้างหลักสูตรที่เกี่ยวกับเพศศึกษา มีการให้ความรู้นักเรียนตั้งแต่ ชั้น ม.๑
นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?? ฉันไม่เข้าใจ รุ่นพ่อรุ่นแม่ ไม่เคยต้องสอนไม่เคยมีปัญหาดังกล่าว มีแต่สอนเรื่องการรักนวลสงวนตัว สอนเรื่องการป้องกันตัวเองไม่ใช่การตามแก้ไขปัญหา...
พื้นฐานสถาบันครอบครัวที่ล้มเหลวล้วนเกิดจากปัญหาและตัวแปรหลายเหตุปัจจัย พ่อแม่วัยใสนับเป็นปัจจัยสำคัญเพราะขาดวุฒิภาวะทั้งทางร่างกายและอารมณ์ ในอนาคตเชื่อว่าจะมีพ่อแม่วัยใสอีกมากมายที่ต่างมีพฤติกรรมเลียนแบบพ่อแม่กลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด...
ในฐานะของคนเป็นครู ฉันปรารถนาให้ลูกศิษย์ทุกคน "บานไม่รู้โรย" แต่นี่เธอด่วน "โรยไม่รู้บาน" แล้วฉันจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดีหนอ ??
ปัญหาที่ต้องช้่วยกัน หลายฝ่ายค่ะ
*น่าเป็นห่วงจริงๆค่ะ...แต่เราจะหมดหวังไม่ได้..
*พี่ใหญ่ได้เคยเห็นหลายโรงเรียนที่น้องๆจัดกิจกรรมอย่างต่อเนือง ในโครงการรณรงค์เรื่องการสงวนความเป็นหญิง..ได้ผลดีมากทีเดียว..จะได้ขึ้นบันทึกเร็วๆนี้
ชอบเพลงนี้ครับ เนื้อหาก็ดีครับ
สังคมเสื่อมเพราะเด็กทำตามค่านิยมที่ผิดๆ ทั้งจากทางสื่อและตัวอย่างที่มีให้เห็น
จนถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดาตลอดจนขาดการอบรมทางด้านศีลธรรมที่มากพอ
การร่วมด้วยช่วยกันของผู้ใหญ่และผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องต้องสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง
ให้ทั้งเด็กหญิงและเด็กชายด้วยควบคู่กันไป
เห็นด้วยกับคุณชำนาญคะ
ความรักจากอ้อมอกของพ่อแม่ช่วยได้จริง ๆ
แม้สิ่งรอบข้างจะรุมเร้าเย้ายวนใจ
วางแผน แบ่งให้เวลากับลูก ก่อนที่จะสายเกินแก้
- ครอบครัว สิ่งแวดล้อมสำคัญมากในปัจจุบัน ลำพังมือครูหรือจะสู้แรงยั่วยุ และการหลอกล่อที่โหมกระหน่ำเข้ามารอบด้าน
- บางครั้งทั้งๆที่รู้ว่าเธอผิดพลาด ครูทุกคนก็พยามประคับประคอง ฉุดรั้งเธอขึ้นสู่ฝั่งแม้จะสะบักสะบอมเพียงใด แต่ก็ดีกว่าที่จะปล่อยให้เธอจมหายไปต่อหน้าต่อตา
- ขอเป็นกำลังใจให้คุณครูทุกคนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
สวัสดีค่ะ
อ่านเรื่องนี้ทำให้นึกถึง หนังสือ "หน้าต่างบานแรก" ของกฤษณา อโศกสิน ค่ะ เป็นหนังสือที่พ่อแม่ ครูบาอาจารย์และเด็กวัยรุ่นควรอ่านอย่างยิ่ง อย่างน้อยก็อาจทำให้เปลี่ยนความคิดได้บ้างละ
ทุกวันนี้สื่อก็กระพัดกระพือเรื่องนี้หลายรูปแบบค่ะ รายงานการตั้งท้องการทำแท้งของวัยรุ่น รายการหนังละครที่ส่งเสริมจริยธรรมมีน้อย
ตอนที่พี่คิมเป็นนักเรียนมัธยมโรงเรียนจะเปิดเพลง "อย่าริรักในวัยเรียน" ทุกวันตลอดเวลาค่ะ เดี๋ยวนี้กลายเป็นเพลงล้าสมัยไปแล้ว
เพลงเพราะค่ะ และสะท้อนสังคมได้ดี
ทุกฝ่ายช่วยกันแก้ไขปัญหา ก็คงช่วยได้ในระดับหนึ่ง
พ่อแม่ ครู และสังคม ร่วมด้วยช่วยกันค่ะ
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ แต่ถึงยังไงเรือก็รั่วไปแล้วเราไม่ต้องหาว่าใครเป็นคนทำให้รั่ว แต่เราต้องช่วยกันอุดคนละไม้ละมือ ก่อนที่เราทุกคนจะจมไปพร้อมกับเรือครับ
สวัสดีครับคุณครูธรรมทิพย์
ผมติดตามบันทึกของคุณเสาวลักษณ์ พัวพัฒนกุล เลยมีโอกาสได้เข้ามาอ่านบันทึกของคุณครูธรรมทิพย์ บังเอิญเป็นเรื่องเดียวกับที่ผมเพิ่งเขียนในบันทึกของผม เลยขอนำมาแบ่งปันใน blog นี้ด้วยครับ
วันนี้ได้ดูรายการทีวีของช่อง TNN เป็นเรื่องการทำวิจัยของนักศึกษาฝึกงานจากมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต เป็นเรื่องเกี่ยวกับการท้องก่อนวัย ซึ่งเป็นปัญหาของสังคมในปัจจุบัน ผมขอชื่นชมกับผู้นำเสนอเพราะเป็นการชี้แนวทางออกให้กับสังคม
เรื่องมีอยู่ว่านักศึกษา ม.3 ท้องกับเพื่อนนักเรียนห้องเดียวกัน นักศึกษาท่านนั้นตัดสินใจนำเรื่องไปปรึกษาผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเข้าใจและไม่ได้ตำหนิและยินดีช่วยเลี้ยงดูเด็กที่เกิดมา เมื่อคลอดบุตรนักศึกษาคนนั้นก็ไปเรียนต่อจนจบปริญาตรีเกียรตินิยมอันดับสอง ผมขอแสดงความยินดีกับนักศึกษาผู้นั้น และขอชมเชย คุณแม่ของนักศึกษา ที่ทำหน้าที่แม่ได้อย่างเยี่ยมยอด คุณแม่เล่าให้ฟังว่าท่านทราบว่าลูกสาวท้องในวันคล้ายวันเกิดของลูกสาว ท่านสะเทือนใจแต่ไม่ได้ตำหนิลูกสาว คิดว่าท่านเองมีส่วนเพราะได้แยกทางกับสามีทำให้ลูกสาวไม่ได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว ถือว่าท่านมีส่วนทำให้ลูกสาวผิดพลาด และตกลงที่จะเลี้ยงดูหลานเองทำให้ท่านต้องทำงานหนักขึ้น
ผมขอชื่นชมนักศึกษาที่มีความแนวแน่ที่จะรักษาลูกโดยไม่ทำแท้ง ยินดีที่ตัดสินใจเล่าให้มารดาทราบ และยินดีที่ตั้งใจเล่าเรียนจนประสบผลสำเร็จ จริงอยู่นักศึกษาท่านนั้นผิดพลาดในเบื้องต้นไม่ควรนำมาเป็นตัวอย่าง แต่ขอให้คิดในมุมมองที่กว้างขึ้น คนเราสามารถทำผิดได้ แต่เมื่อผิดแล้วแก้ไขให้ดีขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง และถือเป็นแบบอย่างของผู้ที่ทำผิดพลาดได้ เราไม่ควรจะซ้ำเติมคนที่ผิดพลาดควรจะแนะนำหาทางแก้ไข และให้กำลังใจ
ขอชมเชยคุณแม่ ท่านเป็นแม่ที่ดีที่ควรยกย่องและเอาอย่างไม่ตีโพยตีพายว่ากล่าวและตำหนิลูกที่ทำผิดพลาดให้ช้ำใจยิ่งขึ้น พิจารณาตัวเองและคิดว่าตัวเองมีส่วนทำให้ลูกผิดพลาด ให้กำลังใจและช่วยลูกแก้ไข
สวัสดีค่ะอาจารย์ธรรมทิพย์
ขอบคุณที่แวะไปให้กำลังใจค่ะ
คุณแม่วัยใสพบมากขึ้นนะค่ะ หลายอย่างที่เปลี่ยนไปจากสมัยก่อน เข้าหาสื่อได้มากขึ้น สิ่งย่วยุมีมากที่ทำให้ต้องเดินหลงทาง สภาพสังคมที่เปลี่ยนไปฯลฯ น่าเป็นห่วงเด็กๆ
หลายครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่ คุณตา คุณยาย ต้องมาเลี้ยงหลานตัวเล็กๆแทนจนเติบใหญ่เพราะแม่ของเด็กเป็นเด็กเกินไป เหนื่อยเหมือนกัน
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านค่ะ อย่างน้อยได้นำมาคิด ตระหนักในปัญหา
ขอบคุณบันทึกดีๆนี้ค่ะ