"ทำเต็มที่นะ ฝากไว้ให้ลูกหลานดู"
ข้าพเจ้ากล่าวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่มาช่วยงานเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554...
งานจะสวยหรือไม่สวยนั้นไม่สำคัญเท่ากับงานนั้นมี "คุณค่า" ต่อคนทำ
การทำงานได้เงิน ไม่มีคุณค่าเท่ากับการทำงานแล้วได้ใจ
งานที่เราเคยไปรับจ้างทำ เราไม่ภูมิใจเท่ากับงานที่เราไปทำให้ฟรี ๆ
อิฐแผงนี้ เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงสำหรับคน ๆ หนึ่งที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนา
ใช่ทุกคำเลยค่ะอาจารย์
"งานที่เราเคยไปรับจ้างทำ เราไม่ภูมิใจเท่ากับงานที่เราไปทำให้ฟรี ๆ"
งานใดที่เราทำให้ด้วยจิตใจที่ "เสียสละ" งานนั้นจึงเป็นงานที่สร้าง "กุศล"
กุศลนั่นเองจะทำให้เรามีความสุขก่อนทำ ระหว่างทำ และหลังทำ
ความสุข ความอิ่มเอม ความปิติ จะเกิดขึ้นนับจากนี้อีกนานเท่านาน
เมื่อใดที่เราเห็นงานที่เราได้เสียสละแรงกาย แรงใจ ทำให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนนั้น งานชิ้นนั้นจะจดจำอยู่ในความทรงจำของเราตราบนานเท่านาน...
งานที่เราทำแล้วได้รับ “เงิน” เป็นผลตอบแทน เมื่อเงินหมดไป ความสุขนั้นก็หมดไปด้วย
แต่ทว่างานที่เราทำแล้วได้รับ “กุศล” เป็นผลตอบแทน ไม่ว่านานแค่ไหนความสุขนั้นจะติดอยู่กับใจของเราตลอดไป...
เงินใช้ซื้อข้าวกินอิ่มได้หนึ่งมื้อ แต่กุศลนั้นทำให้ใจเราอิ่มได้หลายวัน หลายเดือน หลายปี หลายภพ หลายชาติ
การใช้แรงทำงานแลกเงิน ได้มาแล้วก็เสียไป หมดแล้วก็ต้องหาเอาใหม่
การใช้แรงทำงานแลกับกุศล ได้มาแล้วไม่หายไปไหน เป็นสมบัติที่ใครจะมาขโมยไม่ได้
เงินเป็น “สมบัติกำพร้า” หามาแล้วก็ต้องเสียไป ไม่เสียตอนอยู่ก็ต้องเสียตอนตาย
แต่บุญกุศลนั้นแลจะติดตามเราไปนับภพ นับชาติ
ร่างกายที่เราได้เราเกิดมานี้ มีไว้เพียงหาเงินเท่านั้นหรือ
ถ้าหากได้อัตภาพอันประเสริฐ ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วพบพระพุทธศาสนาแล้วนั้น จึงตั้งใจ ตั้งกาย เสียสละ ทำความดี เพื่อให้มีบุญ มีกุศล ติดตามมายาม “ตาย...”