การตายดี


ไม่ต้องไปมีปฏิกิริยาตอบโต้กับความทุกข์ทางกายด้วยความไม่ชอบไม่พอใจ จนเกิดความทุกข์ทางจิตใจเพิ่มขึ้น หรือแม้แต่ความรู้สึกสุขที่อาจจะผ่านมาเป็นครั้งคราวก็อย่าไปมีปฏิกิริยาต่อมันว่าชอบ หรือพอใจ

คือ การได้ดีก่อนตาย ได้ดีขณะตาย และได้ดีหลังจากตายแล้ว โดยสามารถจะอธิบายได้ตามความเข้าใจแบบธรรมดาได้ดังนี้คือ

การได้ดีก่อนตาย หมายถึง การได้ทำอะไรดีๆในระหว่างที่กำลังมีชีวิตอยู่โดยไม่ทำให้ผู้นั้นรู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านไปแล้ว ไม่รู้สึกกลัวหรือคาดหวังในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น มีแต่ความเชื่อมั่นในสิ่งที่จะทำว่าดี โดยการทำดีนั้นหากแบ่งง่ายๆก็คือ การคิดดี การพูดดี และการกระทำดี แล้วสิ่งที่เรียกกันว่าการคิดดีคืออะไรเล่า ก็คือ การคิด การวางแผนหรือการตั้งเป้าหมายในสิ่งที่ไม่เป็นโทษทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ที่สำคัญหากคิดดีแล้วสิ่งนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้ตามจริงแล้วความคิดนั้นก็เข้าข่ายว่าคิดเกินจริงหรือจินตนาการซึ่งอาจจะเป็นผลเสียตามมาคือไม่สามารถเป็นไปได้เมื่อตัดสินใจพูดหรือทำตามที่คิด ซ้ำร้ายอาจจะลำบากคนอื่นๆด้วย เช่น คิดว่าอยากเที่ยวทำบุญไปรอบโลกในระหว่างที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แล้วตนเองมีอาการปวดมะเร็งมาก หรือรับประทานอาหารไม่ลง เป็นต้น ซึ่งผู้ดูแลจะรู้สึกลำบากใจ เป็นทุกข์ไปด้วย ดังนั้นการคิดดี การคิดตามจริง ที่เป็นไปได้ คือการคิดอย่างพอดี ซึ่งก็เป็นหลักการเดียวกับการพูดดี และการกระทำดี ที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องกันไปนั่นเอง นอกจากนี้การคิดให้อภัย การคิดเพื่อที่จะขอโทษ การคิดที่ไม่เป็นการไปเบียดเบียนผู้อื่นก็ถือว่าเป็นการคิดที่ดีเช่นกัน หากผู้ที่กำลังจะตายคิดได้อย่างนี้ก็จะพบว่าสิ่งดีๆจะเข้ามาหามากขึ้น ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ อารมณ์ที่ดีๆ กำลังใจดีๆที่เกิดขึ้นจากภายใน และความเข้าใจสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น เพราะเดิมมีความคิดต่อเรื่องบางเรื่องทางด้านไม่ดีเท่านั้น แต่พอคิดดีต่อเรื่องราวเดิมๆนั้นบ้างก็ทำให้เห็นเรื่องนั้นในหลายแง่มุมมากขึ้น เข้าใจตนเองและผู้อื่นมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

ต่อมาคือการพูดดี หมายถึง ผู้ที่เดิมคิดดีอยู่เวลาจะพูดอะไรก็เป็นประโยชน์ พูดแล้วเกิดความสุขต่อตนเองและผู้คนรอบข้าง ไม่พูดโกหก ไม่พูดหยาบคาย ส่อเสียด หรือเพ้อเจ้อไร้สาระเสียเวลา คำพูดจึงน่าเชื่อถือ ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ได้ยินได้ฟังเกิดความหวัง เกิดกำลังใจ เกิดความมุ่งมั่นที่ดี จะขอให้ผู้อื่นทำกิจสิ่งใดแทนตนก็เป็นผลสำเร็จ นอกจากนี้การพูดที่ไม่ยืดเยื้อเด็ดขาด ยังเป็นส่วนสำคัญที่บอกถึงการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว ไม่ลังเล ไม่ขี้ขลาดหรือกังวลจนเกินพอดี ผู้ดูแลจะเกิดความเชื่อมั่นพร้อมที่จะช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถให้สมตามที่ผู้พูดตั้งใจไว้ เช่น กรณีการทำพินัยกรรมชีวิต ว่าต้องการการยื้อชีวิตหรือไม่อย่างไรในเวลาที่ความตายมาถึง นอกจากนี้การพูดที่ดีคือการพูดเตือนสติ ผู้ดูแล คนที่เป็นที่รัก ที่น่าจะมีโอกาสใช้ชีวิตต่อไปให้อยู่ในความไม่ประมาท ใช้คุณธรรมไปสร้างกรรมที่เกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่นด้วยก่อนเวลาของตนจะมาถึง และที่สำคัญคือความเป็นอยู่อย่างพอเพียง เช่น การใช้ชีวิตโดยการพึ่งพาธรรมชาติให้ดี มีการสร้างธรรมชาติทดแทนให้มีใช้เพียงพอต่อมนุษย์ยุคต่อๆไป

การได้ดีก่อนตายข้อสุดท้าย คือเกิดจากการกระทำดี ได้แก่การเป็นตัวอย่างที่ดีต่อผู้ดูแล หรือคนในครอบครัว โดยมาก การเจ็บป่วยที่มีอาการรุนแรง เรื้อรังจะมีส่วนทำให้เกิดข้อจำกัดของการกระทำดี เช่น อาการปวดมาก หรือบวมมาก ต้องนอนอยู่บนเตียงตลอดวัน การรับประทานอาหารน้อยลงเพราะร่างกายปฏิเสธอาหารใหม่ ไม่หิวเหมือนคนปกติ การนอนการตื่นเปลี่ยนไปโดยอาจจะนอนหลับมากขึ้น นานขึ้นจนเป็นที่กังวลของผู้ดูแล โรคบางชนิดก็ทำให้ความสามารถในการสื่อสารแย่ลง เป็นต้น แล้วจะเป็นตัวอย่างที่ดีได้อย่างไร คำตอบคือ การเป็นตัวอย่างที่ดีด้วยการอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ดีๆถือเป็นการกระทำที่ดีเยี่ยม พูดง่ายๆเกิดอะไรขึ้นก็พยายามอยู่กับสิ่งนั้นด้วยความสงบ ความอดทนอดกลั้น ความเข้าใจ ไม่ต้องทุรนทุราย สังเกตดูความเปลี่ยนแปลงอยู่อย่างปล่อยวาง สร้างสติระลึกรู้อยู่เสมอว่าสิ่งใดๆก็ไม่เที่ยง เกิดขึ้นมาแล้วก็ผ่านไป เอาความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแบบฝึกหัดการปล่อยวาง ไม่ต้องไปมีปฏิกิริยาตอบโต้กับความทุกข์ทางกายด้วยความไม่ชอบไม่พอใจ จนเกิดความทุกข์ทางจิตใจเพิ่มขึ้น หรือแม้แต่ความรู้สึกสุขที่อาจจะผ่านมาเป็นครั้งคราวก็อย่าไปมีปฏิกิริยาต่อมันว่าชอบ หรือพอใจ อยากให้อยู่นานๆ พึ่งทำใจไว้ว่าสิ่งนี้ก็ไม่เที่ยง เดี๋ยวก็ผ่านไปเช่นกัน เวลาความรู้สึกนั้นหายไปจริงๆ ก็จะเข้าใจว่ามันเป็นไปอย่างนั้นจริงๆ การกระทำดีเช่นนี้จะเป็นตัวอย่างสอนผู้คนรอบข้างให้เกิดความศรัทธาในการฝึกฝนตนเองบ้าง ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากในชีวิต ไม่คิดประมาทในความรู้สึกต่างๆ ไม่เผลอติดใจในความสุข ดังคำกล่าวของท่าน พระพรหมคุณาภรณ์ ว่า “อย่าเอาทุกข์ทับถมตน ตอนที่ไม่เป็นทุกข์ พึงแสวงหาสุขที่ชอบธรรม และแม้แต่สุขที่ชอบธรรมก็อย่าลุ่มหลงมัวเมา”  ผู้ดูแลรวมถึงแพทย์ พยาบาล ก็จะมีกำลังใจทำหน้าที่ เห็นผู้ป่วยเป็นครู นอกเหนือจากผู้ป่วยที่ทำหน้าที่เป็นผู้ป่วยแล้วยังเป็นอาจารย์ของแพทย์ พยาบาลอีก โดยผู้ป่วยรู้สึกอย่างไรขอให้บอก ขอให้สื่อสารออกมาให้ตรงตามนั้น ไม่ปิดบัง แต่ผู้ป่วยเองไม่จำเป็นต้องแสดงอาการที่ทุกข์ทรมานตามนั้น เพื่อรักษาสมดุลของตนเองให้ดี เป็นการเตรียมพร้อมต่อ การได้ดีขณะตาย นั่นเอง

        การได้ดีขณะตาย หมายถึง การมีสติตาย การไม่หลงตาย การตายแบบรู้ว่าตาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยากหากยังไม่ได้ดีก่อนตาย โดยเฉพาะส่วนสุดท้ายคือ การกระทำดี ที่เป็นการสงบจิตสงบใจ ส่งผลให้เกิดการสงบกาย ต่ออาการทั้งหลายที่ทุกข์ทรมาน ฝึกปฏิบัติจนเกิดการปล่อยวางได้คล่องแคล่ว ไม่ทุรนทุราย เมื่อความตายมาถึงก็ทำการปิดสวิตช์ร่างกายลงอย่างมีสติ ไม่ต้องเกิดอาการใดๆ ให้รู้สึกใดๆอีกต่อไป ในทางพุทธก็คือการแยกจากของ “จิต” ออกจาก “กาย” หรือเป็น “การดับ” ของจิตใช้ในกรณีที่ผู้นั้นฝึกจิตมาดีมาก เรียกท่านผู้นั้นว่า พระอรหันต์ และแน่นอนว่าการได้ดีขณะตายนี้ ก็คือการปิด สวิตช์แบบง่ายๆ ไม่ลำบาก ไม่มีสิ่งรบกวนให้ปิดไม่ได้ เช่น ไม่มีใครมาปั๊มหัวใจ ให้ยา เพื่อยื้อดึงจนเกิดความทรมานอีกโดยไม่ได้ตั้งใจไว้ หรืออาการของโรคทำให้จิตใจเศร้าหมอง ติดอยู่ในความทุกข์ทรมาน ความโกรธ หรือความกลัว เป็นต้น หากได้ดีขณะตายย่อมเชื่อได้ว่า การได้ดีหลังจากตายแล้วก็เป็นไปได้ไม่ยาก

                การได้ดีหลังจากตายแล้ว หมายถึง ความรู้สึกดีของผู้ดูแล ผู้ที่อยู่ต่อได้ดีเพราะไม่รู้สึกติดค้างกับผู้ตายเนื่องจากเห็น หรือรับรู้ว่าผู้ตายไปดี ไปสงบ มีสติตาย และจิตวิญญาณของผู้ตายน่าจะได้ดีหลังจากตายไปแล้ว ด้วยจริง เช่น ไปสุคติภูมิ หรือ นิพพาน ตามความเชื่อของพุทธ หรือ ไปอยู่กับพระผู้เป็นเจ้า กลับไปรวมกับพระผู้เป็นเจ้า ตามความเชื่อของศาสนาอื่นๆ ทำให้หมดห่วงกังวล ร่างของผู้ตายก็อาจจะสามารถพัฒนาต่อเป็น “อาจารย์ใหญ่” ต่อแพทย์ พยาบาลได้อีกเช่นกัน หรือนำไปบำเพ็ญกุศลตามที่ต่างๆ ให้เกิดการสร้างมรณะสติต่อผู้ที่มีชีวิตอยู่ต่ออีกมากมาย สิ่งเหล่านี้คือการได้ดีหลังจากตายแล้วนั่นเอง

                ดังนั้น “การตายดี” จึงสามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริงหากผู้ดูแลและผู้ที่ถูกดูแล ได้เรียนรู้และฝึกฝนการมีสติอยู่เสมอ ไม่ปล่อยชีวิตหลงเพลิดเพลินไปในสิ่งที่เป็นอกุศล หมั่นทำแต่สิ่งที่ดีเป็นบุญเป็นกุศล ขออนุโมทนา

หมายเลขบันทึก: 423877เขียนเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2011 12:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:35 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดี ครับ

ขอบคุณบันทึกฉบับนี้ มากนะครับ

การตายดีที่มองได้ครอบคลุมทั้งตัวเราและคนข้างตัวของเราด้วย

ให้ดอกไม้ไว้ด้วยนะครับ

  • การตายดี เริ่มจากการคิดดี พูดดี ทำดี
    ย่อมตายดีแน่แท้
  • ขอบพระคุณค่ะ

ขอบคุณสำหรับ ความรู้ที่ได้ถ่ายทอด อันนี้เข้ากับเคส เสียดายที่คนตายไม่ได้อ่าน เสียดายที่คนตายไม่ได้รู้ ^^

หัวใจที่ยังเต้นอยู่ ยังสูบฉีดเลือดเลี้ยงร่างกายนี้ ลมหายใจก็เช่นกัน ยังคงหล่อเลี้ยงจิตใจ

หยุดหัวใจ หมดชีวิต หยุดหายใจ หมดความคิด

ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความเห็นครับ

ขออนุญาต นำคำพูดของคุณหมอ รศ.นพ. ฉันชาย สิทธิพันธุ๋
"หายไว ตายอยู่ เพิ่มคำว่า อยู่สบาย" นะคะ ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท