มีเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาในหมู่ของคนขี้เมา มีครอบครัวหนึ่งเลี้ยงลิงกับลาไว้อย่างละตัวเอาไว้เป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านที่น่ารัก
วันหนึ่งเจ้าของบ้านมีธุระจะเข้าเมือง แต่ก็ห่วงว่าลิงกับลาจะรื้อข้าวของเสียหาย จึงได้นำเชือกมาผูกคอและมือของลิงไว้ ส่วนลาก็ผูกขาไว้
เมื่อเจ้าของบ้านออกจากบ้านแล้ว ด้วยนิสัยของลิงที่มีความซุกซนแต่เฉลียวฉลาด มันจึงแก้เชือกที่ผูกคอและมือมันออกแถมยังช่วยแก้เชือกที่มัดขอขอลาออกด้วย เสร็จแล้วมันก็เข้าไปรื้อข้าวของในบ้านจนพังเสียหายทั้งบ้านเลยด้วยความสนุกสนานของมัน ส่วนเจ้าลาก็ยืนงงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้า
ฝ่ายเจ้าของเมื่อทำธุระเสร็จแล้วก็กลับบ้าน ลิงก็ตาไวเห็นเจ้าของเดินกลับมาแต่ไกล มันจึงนำเชือกมาผู้คอและมือของมันไว้อย่างเดิม เพราะมันรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เมื่อเจ้าของบ้านมาถึงก็ต้องตกใจ เห็นข้าวของถูกรื้อเสียหายอย่างหนัก มองมาที่ลิงเห็นเชือกยังอยู่ดี แต่ที่ลากลับไม่เห็นเชือกมัดขาแต่อย่าง จึงคิดว่าลาเป็นผู้กระทำ จึงนำไม้อันใหญ่มาทุบตีลาอย่างรุนแรง ลาร้องด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่สามารถทำอะไรได้
จากเรื่องข้างต้น เราจะพบเห็นพฤติกรรมของคนในองค์กรของเราเป็นแบบนี้เสมอ ๆ นับแต่เพื่อนร่วมงานจนถึงผู้นำหน่วยงาน ลิงกับลาเปรียบเหมือนผู้ร่วมงานที่มีความเอารัดเอาเปรียบกัน เอาตัวรอดไปวัน ๆ ดังเช่นลิงที่ชอบเล่นสนุกสนานจนเกิดความเสียหายแต่เมื่อรู้ว่าทำผิดก็กลับโยนความผิดให้ลาทั้งที่ลามิได้กระทำ เหมือนคนซื่อที่ถูกคนหลอกให้ทำงานอยู่เรื่อย ๆ แต่ไม่มีปากเสียงแต่อย่างใด
ส่วนเจ้าของลากับลิงก็เหมือนผู้นำขององค์กรที่ไม่มีความเป็นผู้นำรอบด้าน ด้วยมองแต่ภายนอกพบข้าวของพังและลาไม่มีเชือกมัดขาไว้ก็ตัดสินใจในทันทีว่าลาเป็นผู้กระทำ ผู้นำแบบนี้จะนำพาให้องค์กรตกต่ำไปเรื่อย ๆ เพราะชอบแต่ฟังลูกน้องที่ทำงานเอาหน้าเหมือนลิง ส่วนผู้ที่ทำงานอย่างซื่อตรง ไม่ชอบการเสนอหน้าก็ลำบากต่อไป แล้วเราจะอยากให้มีผู้นำแบบนี้ไหม........
ไม่มีความเห็น