วันว่าง วันอาทิตย์ ผมมีโอกาสได้อยู่บ้านว่างๆ สบายๆ
วันเบาๆแบบนี้ ก็หยิบหนังสือมาอ่านบ้าง เดินไปมาในสวนบ้างสลับกันไป
ผมได้อ่านจุลสารเล่มหนึ่ง เป็นจุลสารของวิทยาลัยชุมชน "ต้นกล้าชุมชน" ท้ายเล่ม มีนิทานเรื่องหนึ่ง อ่านแล้ว ...ได้ข้อคิด ดีๆ เลยนำมาฝากครับ (สำหรับวันเบาๆ)....
คุณครูโรงเรียนสอนเด็กอนุบาลแห่งหนึ่ง ตัดสินใจที่จะให้เด็กนักเรียนในชั้นของเธอเล่นเกม
ดังนั้นเธอจึงบอกให้นักเรียนแต่ละคนนำมันฝรั่งใส่ถุงพลาสติก บนหัวมันฝรั่งแต่ละหัวเธอให้นักเรียนเขียน ชื่อคนที่รังเกียจไว้
เมื่อถึงวันกำหนด เด็กๆทุกคน ก็นำหัวฝรั่งที่มีชื่อคนที่เขารังเกียจติดตัวมา
บางคนมีมัน ๒ หัว
บางคนมีมัน ๓ หัว...และ
บางคนมีมันตั้ง ๕ หัว
จากนั้นคุณครูได้สั่งให้เด็กนักเรียนนำมันฝรั่งของตนเอง ใส่ถุงถือติดตัวไปทุกๆแห่ง(แม้กระทั่งเข้าห้องน้ำ) เป็นระยะเวลา ๑ อาทิตย์
พวกเด็กนักเรียนก็เริ่มบ่นถึงกลิ่นที่ไม่สู้จะดีที่โชยมาจากหัวมันฝรั่งที่เริ่มเน่า
นอกจากนั้น เด็กที่มีหัวมันฝรั่ง ๕ หัวก็ยิ่งบ่นที่ต้องถือถุงหนักกว่าคนอื่น กลิ่นเหฒ็นแรงกว่าคนอื่น
พวกเด็กนักเรียน จึงได้รู้สึกปลดปล่อยเพราะเกมจบลงแล้ว
คุณครูถามว่า "พวกเธอรู้สึกอย่างไรกับการที่ต้องถือมันฝรั่งติดตัวอยู่ ๑ อาทิตย์"
พวกนักเรียนระบายความรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจออกมา และบ่นถึงความยากลำบากที่พวกเขาต้องเจอจากการที่ต้องถือมันฝรั่งที่ทั้งหนัก และส่งกลิ่นเหม็นเน่า...
คุณครูกล่าวว่า"นี่เป็นเหมือนสถานการณ์จริงๆเมื่อเราต้องแบก เก็บความเกลียดชังผู้อื่นไว้ในใจ
มลพิษของความเกลียดชังจะกัดกร่อนในเรา และติดตัวเราในทุกๆที่ ที่เราไป ถ้าขนาดที่เรายังทนไม่ได้กับกลิ่นเน่าเหม็นของมันฝรั่งในช่วง ๑ อาทิตย์ ลองคิดดูว่ามันจะเป็นเช่นไร ถ้าเราแบกเก็บความเกลียดชังไว้ในใจตลอดชั่วชีวิต...?
สอนให้เราโยนทิ้งความเกลียดชังผู้อื่น ออกไปจากใจ
เพื่อที่ว่าคุณไม่ต้องแบกรับบาปนี้ไปตลอดชั่วชีวิต
ให้อภัยผู้อื่น เป็นทัศนคติที่ดีที่สุดที่ควรยึดถือไว้
รักชื่นชมผู้อื่นแม้คุณจะไม่ชอบพวกเขา
<p> </p>
การเปรียบเทียบดังกล่าวอธิบายความเกลียดชังได้ดีมากเลยค่ะ จะขอนำไปใช้ในชั้นเรียนบ้างค่ะ ขอบคุณค่ะสำหรับบันทึกดีๆ
ได้ข้อคิดดีๆ อีกอย่างค่ะ
สอนแบบนี้ก็ดีนะคะ
เด็กได้เห็นภาพจริง
เรียนรู้จริง
เป็นเชิงเปรียบเทียบได้ดีค่ะ
เป็นรูปธรรมดี
เรียน คุณจตุพร
ความเกลียด ส่วนหนึ่งมาจากความโกรธ
ผมขอคำนำหนังสือ "ทำยังไงถึงหายโกรธมา" ต่อยอดให้นิดนึงนะครับ
ตอนนี้กำลังไดเอ็ตอยู่ ผมจะพยายามไม่แบกมันฝรั่งแล้วครับ ถ้ามีมากๆ จะทิ้งก็เสียดาย คงต้องนำไปขายถูกๆ ให้ที่ชอบกินมันฝรั่งครับ ฮ่า
คุณ d.1
มีเรื่องเล่าดีๆในชั้นเรียน...นำมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับและผมยินดีมากคับ ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
ขอบคุณมากครับ
อาจารย์ ดร.ขจิต
คาดว่านิทานเรื่องนี้...เป็นภาษาอังกฤษ ครับเพราะใช้ "มันฝรั่ง..."
เมืองไทยน่าจะใช้ "มันแกว" น่าจะดีมั้ยครับ
พี่สิงห์ป่าสัก
ผมชอบที่พี่เขียนว่า "มันเป็นปัญหาของเขา ไม่ใช่ปัญหาของเรา"
แต่ยังไงก็ตาม ก็ต้องพยายามพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆบางทีก็ยึดติดอยู่มาก(ผมนะ)
ขอบคุณครับ
คุณจันทร์เมามาย
ขอบคุณมากครับ...สำหรับ เนื้อหาต่อยอด...
เยี่ยมไปเลยครับ!!!!
บางทีผมก็มีบ้างที่แบกมันฝรั่ง..แต่ก็ค่อยๆพัฒนาตนเองไปครับ
เป็นนิทานสอนใจที่ลุ่มลึกมาก ๆ เลยครับอาจารย์จตุพร
อย่างไรถ้ามีนิทานดี ๆ แบบนี้อย่าลืมมาเล่าแลกเปลี่ยนกันอีกนะครับ
อาจารย์ปภังกร
เสาร์อาทิตย์ ไม่เห็นบันทึกของอาจารย์เลย...วันจันทร์ก็มาพร้อมบันทึกดีๆ กำลังอ่านๆอยู่ครับ
..........
ส่วนนิทานสอนใจ ข้างต้นผมอ่านแล้ว ดูมีประโยชน์เลยเอามาฝากมิตรรักแฟนเพลงใน Gotoknow