แพะเกษตรกร


การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของ ป่าในประเทศกำลังพัฒนา REDD

แพะเกษตรกร

          แพะที่เกษตรกรเลี้ยงคือแพะพันธุ์เนื้อและพันธุ์นมเป็นหลักใหญ่ แต่แพะที่จะกล่าวคือแพะรับบาปที่รัฐและองค์กรและขบวนการของรัฐ ทั้งในและนอกประเทศ ได้จัดทำแผนและสร้างข้อกฎหมายไว้เกี่ยวกับ “โลกร้อน” หลายประเทศทั่วโลกที่มีเศรษฐกิจใหญ่ๆ เรียกกันอย่างทีรู้รู้ว่า “จี20” ประเทศมหาอำนาจทั้งหลายนี้ทำอะไรบ้าง ก็มีโรงงานอุตสาหกรรมหนักมากมาย มีการผลิตอุตสาหกรรมหนักหลายประเภท โรงงานอุตสาหกรรมเหล่านั้นล้วนเป็นตัวการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งสิ้น แต่กลบเกลื่อนข่าวด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจไปในเรื่องอื่นๆ บ้างก็โทษกันไปมาว่าคนนั้นปล่อยมากกว่าตน เกี่ยงงอนกันให้คนนั้นหยุดก่อน คนนี้ปล่อยให้น้อยๆ ลง ตนจะได้ลดการปล่อยลงบ้าง สุดท้ายไม่มีใครจะยอมใครก็มาลงที่ชาวบ้านชาวนาว่าเป็นตัวการที่ทำให้โลกนี้ร้อนขึ้นมา

          การสร้างกติกาโลกฉบับใหม่เพื่อการแก้ไขจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของ ป่าในประเทศกำลังพัฒนา หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Reducing Emission from Deforestation and Degradation in Developing Countries (REDD) เป็นอีกประเด็นที่มีการเจรจาของประเทศต่างๆ อย่างเข้มข้น เพราะจากการศึกษาของ UNFCCC พบว่า การทำลายป่าปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก คิดเป็นร้อยละ 20 ของการปลดปล่อยทั้งโลก ซึ่งหัวใจสำคัญการแก้ปัญหาโลกร้อนต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อรักษา ระดับของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย

          ทำไมต้องมาลงที่ประเทศกำลังพัฒนาด้วย ก็เพราะประเทศกำลังพัฒนานั้นยังไม่กล้าอ้าปากเท่าไรนักและประเทศกำลังพัฒนากำลังรอเงินสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่จะทุ่มลงมาให้ แล้วพอทำไปไม่ได้ผลเท่าที่หวัง เขาก็จะเล่นงานเอาทีหลัง นักวิชาการทั้งหลายทำงานวิจัยกันหลายคนหลายหน่วยงาน ดูแลเรื่องของชาวบ้านชาวนาบ้างว่า ผลของ REDD มันกระทบกระเทือนไปถึงพวกเขาหรือไม่ เราชาวบ้านมองว่าการกระทำของพวกมหาอำนาจ เอาเปรียบเรามากเกินไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะชาวบ้านขาดโอกาสในหลายๆด้าน

          การกล่าวอ้างว่าชาวนาชาวสวน รวมถึงเกษตรกรอื่นๆ ทำให้โลกร้อน เพราะการทำนาจะทำให้เกิดก๊าซมีเทนในน้ำตม การเลี้ยงปศุสัตว์ก็ปล่อยก๊าซมีเทนออกมาจำนวนมากจากมูลสัตว์ ทั้งชาวนาทั้งเกษตรกรเลี้ยงปศุสัตว์เป็นผู้ปล่อยก๊าซมีเทนมาทำลายโลก ฟังดูน่าขัน ขี้หมูกี่คอก ขี้วัวกี่คอกจะรวมก๊าซมีเทนได้สักตัน ประเทศมหาอำนาจเขาคำนวณมาให้ได้มากมาย แต่ไม่เห็นบอกเลยว่า ที่ปล่อยออกมาจากโรงงานอุตสาหกรรมของพวกตนนั้นมากน้อยเท่าไร

          ป่าไม้หดหายไปเท่านั้นเท่านี้ หลายฝ่ายมาไล่เบี้ยกับพวกชาวบ้านชาวนา ชาวบ้านโค่นต้นไม้ด้วยมีดด้วยขวาน ถึงแม้จะด้วยเครื่องเลื่อยยนต์ก็ตาม เขาก็เอาไปใช้ประโยชน์สร้างบ้านสร้างเรือน พวกนายทุนทั้งหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศนั่นแหละคือตัวการในการทำลาย เพราะพวกนี้ต้องการแต่เงินและอำนาจ พวกนายทุนจ้างวานชาวบ้าน ใช้เครื่องมือหนักเข้าช่วยจัดการ เร็วและได้จำนวนคราวละมากๆ ป่าไม้ที่ช่วยซับเอาคาร์บอนไว้ เมื่อไม่มีต้นไม้คาร์บอนก็ล้นหลาม คาร์บอนนี้มันมาจากไหน เท่าที่รู้มาจากตำราก็มาจาก ปิโตเลียมไง การกลั่นปิโตรเลียมครั้งๆหนึ่งได้อะไรมาบ้าง เรียนกันมาตั้งแต่ประถมว่า ได้แก็สโซลีน ดีเซล น้ำมันเตา ยางมะตอยในขั้นท้ายสุด สารประกอบพวกนี้ล้วนมีองค์ประกอบ ไฮโดรเจน(H) และคาร์บอน(C) เมื่อเราใช้รถยนต์การปล่อยคาร์บอน ในรูปแบบ คาร์บอนมอนอกไซด์ และรูปแบบคาร์บอนไดอ็อกไซด์ ออกมาคราวละมากๆ มากกว่าที่เราคิดมากนัก

ฉะนั้นเรื่องโลกร้อนต้องพิจารณาด้วยความถ่องแท้เที่ยงธรรม วู่วามผลีผลามดั่งคดี “บุกรุกทำลายพื้นที่อุทยานแห่งชาติ” คดีนางกำจาย ชัยทอง เครือข่ายชุมชนรักษ์เทือกเขาบรรทัด จังหวัดตรัง ซึ่งถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการตัดไม้ยางพาราในที่ตนเอง กว่า ๑ ล้านบาท

เกษตรกรจึงตกเป็นแพะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะกฎหมายและอำนาจอยู่ในมือรัฐและองค์กรของรัฐ

กุสลา ธัมมา...

 

คำสำคัญ (Tags): #redd
หมายเลขบันทึก: 416483เขียนเมื่อ 26 ธันวาคม 2010 01:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2014 01:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

... คดี “บุกรุกทำลายพื้นที่อุทยานแห่งชาติ” คดีนางกำจาย ชัยทอง เครือข่ายชุมชนรักษ์เทือกเขาบรรทัด จังหวัดตรัง ซึ่งถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการตัดไม้ยางพาราในที่ตนเอง กว่า ๑ ล้านบาท ...

Would you be so kind to provide more facts on the above [court] case?

I also blame 'money mongers' for destruction of Thai forests. But as far as evidence goes, it can be said that 'there is no evidence' [no proof to link money mongers to forest destruction; no official governmental data supports 'our' accusations; and no money to support real 'forest regeneration']. ;(

สภาทนายความ

7/89 อาคาร 10 ถนนราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

เบอร์โทรติดต่อ 0-2629-1430 (ระบบอัตโนมัติ)

เบอร์ต่อ สำนักงานภายในสภาทนายความ

ติดต่อ โอเปอร์เรเตอร์ 101

ติดต่อ สำนักงานธุรการ 102 หรือ 103

ติดต่อ สำนักทะเบียนทนายความ 104 หรือ 105

ติดต่อ สำนักงานมรรยาททนายความ 106 หรือ 107

ติดต่อ สำนักงานอบรมวิชาว่าความ 108 หรือ 109

ติดต่อ สำนักงานช่วยเหลือประชาชนทางด้านกฎหมาย 111, 112 หรือ 113

http://www.lawyerscouncil.or.th/source/index.php?option=com_ckforms&view=ckforms&id=2&Itemid=39

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท