ใครกันแน่ที่อยากจะเรียนหมอ


ชีวิตเจ้าของเหตุใดจึงลิขิตเองไม่ได้

 วันนี้ติดภาระกิจตั้งแต่เช้า เพราะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เบิกโรง งานของ HACC คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ด้วยหลักสูตร HA001V2011

 หลังจากเสร็จสิ้นการเรียนรู้เรื่อง Basic Quality for HA แถมด้วย SHA ที่เคยได้รับรู้ จาก อาจารย์ หมอวราวุฒิ เพื่อนเก่า JJ ว่าหลักการที่แท้จริง ของ SHA คือ Sustainable Development คือ การพัฒนาที่ยั่งยืน

 เดินเข้าแผนกหลังทานอาหารกลางวัน พบกับ พี่พี่พยาบาลสองท่านระดับ ผตก และ หัวหน้าตึก กำลัง คุยกัน เรื่อง "ใหญ่จริงๆ" คือ "ลูกชายของพี่เขา(หัวหน้าตึก) สอบติด วิศวะ ทั้งที่ ขอนแก่น และ ลาดกระบัง"

 ท่านแม่ไม่อยากให้ลูก(ชาย)ไปไกลๆ อยากให้เรียน ขอนแก่น

 ป้าป้า ว่า ควรไป ลาดกระบัง เพราะจะได้เป็นตัวของตัวเองเสียที ไม่อย่างนั้นไม่ได้โต เป็นลูกแหง่ตลอดเวลา

 คุยไปคุยมา ลามไปถึงบรรดา ลูก อาจารย์หมอหลายๆท่าน

 ความมีอยู่ว่า "คุณลูกๆ อยากเรียนที่ตนเองชอบ คือ ไม่อยากเรียน หมอ ว่า อย่างนั้น เถอะ"

 แต่อิทธิพล หรือ ความปรารถนาดี ของท่านพ่อ และ ท่านแม่ ที่เป็นหมอ อยากเป็น หมอ เหมือน ท่าน อะ

 โอ้ ชีวิต "ลิขิต เอง ไม่ได้นิ"

 คิดทวนความหลัง เอ โชคดี ที่พ่ออาจิตไม่ได้บังคับให้เรียนอาชีพที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลนิ

JJ2010 ฅนสานฝัน

หมายเลขบันทึก: 413525เขียนเมื่อ 13 ธันวาคม 2010 16:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม 2013 09:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  • เทอมที่แล้ว...สอนนักศึกษา เจอคนหนึ่งไม่อยากเป็นครู แต่อยากเปนทหาร แถมมาเรียนครูอุบาลอีกต่างหาก...เทอมนี้ก้อเจออีกหนึ่ง
  • เพราะพ่อแม่หลายคนอยากให้ลูกเรียนครู  บอกว่าอีกไม่กี่ปีครูจะเกษียณอายุกันเยอะ เด็กเลยแห่มาเรียนครูมากมาย  ทั้งที่ไม่อยากเป็นครู

ก็พบนักเรียนหลายคนครับที่อยากเรียนสาขาวิชาอื่น

แต่เนื่องจาก คุณพ่อหมอ และคุณแม่หมอ

ท่านเกรงว่าจะ "ไร้อนาคต" ก็ เลย ต้องเรียน หมอ

ตามที่ท่านๆ ปรารถนา

เรียน อ.พิชชา เป็นครูที่ดี ความดี เกิดแก่ประเทศชาติ ครับ ให้กำลังใจ น้องน้อง ที่ต้องการเป็นครูที่ดีของเด็กๆ

เรียน ท่านอาจารย์แฟรงค์ หลายครั้ง ที่ JJ แอบมองหน้า ลูกอาจารย์หมอหลายๆท่าน ดูแล้วรู้สึกแปลกๆครับ ในใจลึกๆ คงจะ.....

โอ้..ชีวิตลิขิตเองไม่ได้เพราะติดบ่วงบุพการี อิๆๆๆ

โชคดีที่ไม่เคยลิขิตชีวิตลูก  จนเขาเรียนจบทำงานตามใจชอบเลยรอดพ้นคำกล่าวหาที่ว่า....เป็นเพราะแม่นั่นแหละ

เรียน krugui แม่และพ่อ รวมทั้งแม่หมอพ่อหมอ ทุกท่าน หวังดีครับ

  • เพียงแต่ว่า "ชีวิต ของเด็กแต่ละท่าน เขาต้อง สร้างตำนานแห่งชีวิต ของเขาเอง"
  • หากเรา หยุดคิดสักนิด ว่าเขา ถนัด และ ชอบอะไร สนับสนุนเกื้อกูล
  • นั่นแหละ
  • "จะเป็น คุณพ่อคุณแม่ ที่ประเสริฐ ครับ"

ขอบคุณค่ะ..คิดถึงอดีตของตัวเองเหมือนอย่างเรื่องนี้เลยค่ะ..พ่อ-แม่ อยากให้เรียนหมอ แต่ตัวเองกลัวเลือดและ "ผี"..โชคดีที่สอบติดแขนงอื่นที่ทำให้มีความสุขจนถึงวันนี้ค่ะ..

ปัญหาคือประสบการณ์ของเด็กก่อนที่จะได้เลือกว่าจะ "เป็น" อะไรนั้นจำกัดมาก เพราะความที่ไม่ค่อยได้เจอะเจอจริงๆว่า "ชีวิตในอาชีพ" แต่ละอาชีพนั้นเป็นอย่างไร

หมอที่เด็กได้เจอตามคลินิก หรือแม้แต่หมอ specialist ที่ นศพ.ได้เจอตอนเรียนแพทย์ ก็ไม่ได้เห็น "ชีิวิตจริง"​ของหมอ หรือของ specialist ที่แท้จริง เพราะเราติด classroom มากไป จนอาจจะลืมไปว่า การเรียนในบริบทจริง จึงจะสื่อและทำให้ได้สัมผัส นำไปสู่การตัดสินใจจริงๆว่าอยากจะเป็น อยากจะทำหรือไม่

หลักสูตรที่เราเรียนมาแต่ต้น "ตัดบริบท" ทิ้งไปเยอะ

เราไม่ได้เห็นชีวิตครูที่ต้องออกข้อสอบ ออกแบบบทเรียน ตรวจข้อสอบ ตัดเกรด เห็นแต่อีกด้านหนึ่ง นี่ขนาดเป็นอาชีพที่ใกล้ชิดเด็กมากที่สุดแล้วนะ ส่วนอาชีพอื่นๆก็ยิ่งผิวเผินมากย่ิงขึ้น

ผมก็มีแต่เห็นใจนักเรียนแพทย์ที่ค้นพบว่างานคลิินิก (ปีสี่) นั้น ตนเองไม่ชอบเลย ไม่ชอบฟังเรื่องคนไข้ เรื่องความทุกข์ เรื่องการไร้ทางออก เรื่องที่ตนเองไม่เห็นทุกข์แล้วคนอื่นทุกข์ เรื่องที่ต้องฟังมากกว่าพูด ฯลฯ แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ขาดความกล้า หรือต้นทุนอื่นๆเพียงพอที่จะเปลี่ยนไปทำอะไรที่ชอบจริงๆ ก็ทนเรียน และปรับเปลี่ยนงานที่ทำไปให้ใกล้เคียงกับสิ่งที่ตนเองพอทนได้แทน

เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา การเรียนแทนที่จะเปลี่ยนคน กลับกลายเป็นคนเปลี่ยนวิชาชีพแทน

น่ากลัว

เรียน ท่านพี่นงนาท ติดตามเรื่องราวพี่ทาง Blog น่าชื่นชมครับ นี่แหละ ชีวิต จริง

เรียน ท่านอาจารย์ Phoenix เราติดสอนหนังสือ มากกว่า สอน ฅ ฅน ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท