คู่มือทางเลือกหลายๆแบบที่จะช่วยในการลดการนำเข้าแบบหวานเกินมีมาให้หลายแบบแล้วแต่ว่าใครอยากใช้แบบไหนก่อนเชิญเลยค่ะ
ลดหวานแบบที่ 1. :เหมาะกับคนที่ทาน ข้าวแป้งเกินมากๆ ส่วนใหญ่พบในคนจีน เราแนะนำให้ลดหวานโดยการแลกข้าว 1 ส่วนกับผักหรือผลไม้ 1 ส่วนซึ่งจะให้พลังงานน้อยกว่ากลุ่มข้าวแป้งและจะทานได้อิ่มเท่าเดิม โดยผักทานได้ไม่อั้นถ้าไม่มีน้ำมันปน การกะปริมาณผลไม้ 1 ส่วนถ้าเป็นลูกขนาดเท่า 1 มือกำ ถ้าเป็นชิ้นตัด 6-8 ชิ้น คำ 6 ชิ้นสำหรับพวกหวานมาก 8-10 ชิ้นสำหรับพวกหวานน้อย จะให้ดีแนะนำให้ทานข้าวแป้งที่มีใยอหารเช่นข้าวซ้อมมือ
ลดหวานแบบที่ 2. :เน้นอาหารที่ต้องเคี้ยว และให้เคี้ยว 10ครั้งต่อคำ การเคี้ยวอาหารให้ละเอียดจะทำให้ปริมาตรอาหารเพิ่มกระเพาะอาหารยืดออกเริ่มอิ่มแลหยุดกิน นอกจากนี้อาหารที่ถูกย่อยละเอียดเมื่อมาถึงลำไส้เล็กยังช่วยกระตุ้นทั้งเส้นประสาท วากัสที่ผนังลำไส้และที่เยื่อบุลำไส้หลั่ง CCK ออกมาทำให้กระเพาะอาหารยืดขยายออกและส่งอาหารจากกระเพาะอาหารมาลำไส้ช้าลง เพ่มเวลาในการย่อยนานขึ้น ทำให้ BS เข้ามาในเลือดช้าลง
ลดหวานแบบที่ 3. :การเติมน้ำเปล่าลดความหวานจากอาหาร ใช้หลักมื้อใหญ่ดื่มคู่อาหาร 1 แก้ว(250cc) ทานจุบจิบก็เติมเพื่อล้างปากไปด้วย ในคนที่ชอบหวานอย่างขนมเค้กหรือผลไม้ ขนมไทยยังตัดใจไม่ได้ก็ให้ทานขนมหวานคำนึงเติมน้ำตามคำนึง ซึ่งวิธีนี้เป็นการตัดรสหวานที่ได้ผล เพราะจะอิ่มก่อนแต่ก็ได้กินสิ่งที่ชอบ
ลดหวานแบบที่ 4. :ปรับการทานให้รสชาติอ่อนหวานลง โดยลดการปรุงเติมความหวาน ทั้งในอาหารและเครื่องดื่ม อาจปรับลดความหวานลงทีละน้อย
ลดหวานแบบที่ 5. :ทาน 3 มื้อตรงเวลา มื้อเย็นเป็นอาหารเบาๆ ส่วนใหญ่มักจะทานมื้อเย็นปริมาณมากแล้วพักผ่อนทำให้ BSสะสมในเลือดสูง มื้อเช้า-กลางวันควรทานให้พอดีกับกิจกรรมอาจเลือกอาหารแบบ 1+2+3 เลย
ลดหวานแบบที่ 6. :ก่อนนอน 3 ชม.ไม่ควรดื่มหรือทานอาหารจุบจิบ การกินแล้วนอนมีน้ำตาลสะสมสูง
ลดหวานแบบที่ 7. :หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำจากสีขาว 3 ประเภท คือ น้ำตาลทรายขาว แป้งสีขาว (ทำขนม) เมล็ดข้าวสีขาวหรือข้าวจ้าว(ขนมขบเคี้ยวต่างๆ)
ลดหวานแบบที่ 8. :อย่าเสียดายของเหลือด้วยการต้องกินให้หมด ให้นึกเสียว่าของเหล่านั้นหมดประโยชน์กับเราแล้วจะดีกว่า
เล่าเรื่องโดย: ยุวดี มหาชัยราชัน