สายลมกับทุ่งหญ้า


บางครั้งบางทีไม่มีเหตุผลอะไรสำคัญมากกว่าความสุข ความพึงพอใจ แม้จะเหนื่อยแต่ก็มีความสุขเข้ามาแทรกปน แม้จะท้อบ้างระหว่างทางแต่ยังมีความรื่นรมย์ให้เห็น ชีวิตก็เหมือนกันหากเราพอจะเห็นประภาคารที่เป็นจุดมุ่งอยู่บ้างแล้ว การรุดไปข้างหน้าจึงเต็มไปด้วยพละกำลังและชีวิตชีวา

ลมหนาวที่พัดหอบเอาน้ำใจของคนไทยหลังกระเเสน้ำเริ่มลดระดับลง เป็นลมหนาวที่ทำหน้าที่ประจำตามฤดูกาล แต่ปีนี้ผมรู้สึกว่าลมหนาวแฝงความอบอุ่น แผ่ซ่านสู่คนไทยที่แสดงความรักต่อกันและกันยามวิกฤติ

ก่อนฤดูหนาวไม่นานนักผมมีโอกาสเดินทางไปร่วมเรียนรู้กับคุณครูที่โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา เป็นโรงเรียนเอกชนในชนบทของ อ.ลำปลายมาศ ผมจินตนาการไม่ออกว่า โรงเรียนจะมีสภาพอย่างไร? มีการจัดการเรียนการสอนอย่างไร? แต่พอทราบบ้างจากหนังสือบางเล่มที่ “ครูวิเชียร” ครูใหญ่แห่งลำปลายมาศถ่ายทอดผ่าน ความตื่นเต้นกับการเดินทางไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน บวกกับความตื่นเต้นที่จะได้ร่วมเรียนรู้กับครูทั้งหมด โดยผมทำหน้าที่คิดกิจกรรมขึ้นมา ทุกอย่างท้าทายไปหมด และทุกอย่างแปลกใหม่สำหรับผมเสมอ...

แต่ความแปลกใหม่ และไม่คุ้นชิน ทำให้ผมมีพลังเสมอ เก็บเอาความประหวั่นพรั่นพรึงเก็บไว้ลึกๆ ส่วนหนึ่งคือ พลังที่อยากเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ

“ตาไม่รู้หรอก เพราะหนทางแต่ละสายนำเราไปสู่ที่ต่างกัน แต่หลานไม่ต้องห่วงตรงนั้นหรอก หนทางจะนำเราไปเองขอเพียงทำสิ่งที่เราควรทำวันนี้ให้ดีที่สุด”

ในครั้งนั้นกิจกรรมก็เสร็จสิ้นไปพร้อมกับความประทับใจ ไม่มีอะไรน่ากังวลไปมากกว่าสิ่งที่เราคิดไปเอง ทุกอย่างล้วนมีวาระและมีแห่งที่ของมัน เพียงแต่เราเข้าไปชื่นชมด้วยใจ พลังแห่งความ ปีติยินดีก็พร้อมจะเผยปรากฏสำหรับเรา

“หมอกอันมืดมัวได้สลายลงไปแล้ว แสงสีทองพาดบนแผ่นฟ้าผืนใหญ่เหมือนผ้าแพรอันวิจิตรงดงาม สองตาหลานกำลังย่ำไปบนคันนาเพื่อกลับบ้าน กายนำหน้าตาคำบนคันนาที่มีหญ้าขึ้นสูง พยายามปัดป่ายหญ้าสูงๆนั้นให้ล้มราบลงด้วยเท้าอันเปลือยเปล่า ใบและลำหญ้าที่หักได้ทิ่มหนังเท้าทำให้รู้สึกเจ็บเหมือนกัน แต่เขารู้สึกฮึกเหิมและสุขใจที่ได้ทำอย่างนั้น” 

 

บางครั้งบางทีไม่มีเหตุผลอะไรสำคัญมากกว่าความสุข ความพึงพอใจ แม้จะเหนื่อยแต่ก็มีความสุขเข้ามาแทรกปน เเละแม้จะท้อบ้างระหว่างทางแต่ยังมีความรื่นรมย์ให้เห็น ชีวิตก็เหมือนกันหากเราพอจะเห็นประภาคารที่เป็นจุดมุ่งอยู่บ้างแล้ว การรุดไปข้างหน้าจึงเต็มไปด้วยพละกำลังและชีวิตชีวา ผมกำลังจะบอกถึงบรรยากาศในกิจกรรมระหว่างผมกับคุณครูที่ลำปลายมาศ ในวันนั้นกิจกรรมของเราเริ่มตั้งแต่เช้า เราไม่ได้พูดถึงเป้าหมายกันเลย แต่ผมคิดว่าในการมารวมกันเพื่อพูดคุย ทุกเรื่องล้วนเชื่อมโยงไปสู่ประเด็น “ความสุขกับการเรียนรู้”  หากชีวิตคือการเรียนรู้ ดังนั้นชีวิตก็ต้องมีความสุขเพียงพอที่จะเรียนรู้ แม้กระทั่งชีวิตครูที่มีหน้าที่เอื้อกระบวนการเรียนรู้ให้กับเด็ก หากเขาตระหนักเรื่อง “ความสุข” ผมคิดว่าเป็นหัวใจของความรู้และอนาคตของสังคมไปด้วย

“หลานได้กลิ่นต้นข้าวไหม ลองสูดดมเข้าลึกๆสิ” 

“ผมได้กลิ่น” 

“เหมือนกลิ่นตอนหน้าแล้งไหม” 

“ผมจำไม่ได้” 

“เราก็ต้องเฝ้าสังเกตและจดจำสิ บางทีกลิ่นจะบอกอดีตและอนาคตของเรา” 

... 

“แต่ผมยังไม่ได้กลิ่นอนาคตเลยครับ” 

กายยังไม่เข้าใจกลิ่น กับอนาคตอยู่ดี แต่เขาชอบฤดูฝนที่มีสีเขียวเต็มไปหมด 

หากผมเปรียบอนาคตเหมือนกลิ่น ก็คงเป็นกลิ่นที่ล่องลอยมาจากที่ใดสักแห่ง กลิ่นจะเข้มข้นมากขึ้นเมื่อปัจจุบันได้ทำหน้าที่ของมันอย่างดีที่สุด กลิ่นอนาคตที่หอมหวานที่ลำปลายมาศ ผมคิดว่าคือ การสร้างปัญญาเพื่อการสร้างอนาคตของเด็ก หรือแม้กระทั่งภูมิปัญญาของมนุษยชาติ นี่หากผมไม่กล่าวเกินเลยไป...เพราะคือความจริง

ผมเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในอีกวันหลังจากที่ครูใหญ่และคณะครูเหนี่ยวรั้งไม่ให้กลับตามกำหนด ผมอยากบอกทุกคนว่า “ผมกำลังตามกลิ่นอนาคตเหมือนกัน...” ในเป้ใบเขื่องมีหนังสือซุกอยู่หลายเล่ม หนึ่งในนั้น เป็นหนังสือที่ผมหยิบอ่านตั้งแต่รถเริ่มเคลื่อนออกจากลำปลายมาศ ...เรื่องราวธรรมดาที่ถูกเล่าผ่านงานเขียน ภายใต้ชื่อ “สายลมกับทุ่งหญ้า” ผมไม่คิดว่าหนังสือเล่มเล็กจะตรึงอารมณ์ผมทั้งหมดให้จดจ่อกับเรื่องราวที่ร้อยเรียง

“สายลมคือลมหายใจแห่งท้องทุ่ง ลมหายใจแม้เพียงแผ่วเบา...แต่ก็หมายถึง...การมีชีวิต


จากลำปลายมาศ ถึงเมืองหลวงเอกนคร แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานพอสมควร ผมใช้เวลาอ่านและครุ่นคิดผ่านวาทกรรมง่ายๆแต่แฝงด้วยปรัชญาที่สามารถซึมซับได้จากหนังสือเล่มหนึ่ง...ผมพลิกหน้า พลิกหลังปิดหนังสืออยู่หลายครั้งเพื่อใช้จินตนาการเชื่อมความจริงกับปรัชญาผ่านเรื่องราว เด็กชายที่ชื่อกายกับตาของเขา

ชีวิตที่งดงามเรียบง่ายผ่านท้องทุ่ง ฉากชีวิตที่ส่วนหนึ่งผมมีความรู้สึกร่วมด้วย ชีวิตของกาย กับการเดินไปข้างหน้า กับตา ของเขา ...ทำให้ผมเรียนรู้ว่าทุกช่วงเวลามีมิติของการเรียนรู้ ธรรมชาติเป็นเสมือนห้องเรียนห้องใหญ่ มีปรัชญามากมายซ่อนแฝงในนั้น หากเรานิ่งพอที่จะไขรหัสที่ลุ่มลึก...

ผมยอมรับว่า หลายคราที่ประโยคธรรมดาที่ตาพูดกับกาย ผมก้มหน้านิ่งปาดน้ำตาที่รื้นๆ ที่เอ่อท้นออกมาอย่างไม่รู้ตัว

 

“...พลังอันยิ่งใหญ่ของคนเกิดจากความมุ่งหวังในบางสิ่งบางอย่างและการศรัทธาต่อความมุ่งหวังนั้น”ตาคำวางมืออันเหี่ยวย่นที่ไหล่กาย “มันยากสำหรับหลาน เพราะความมุ่งหวัง และความศรัทธาต่อความมุ่งหวังมันไม่มีตัวตน”

“เวลาไม่เหมือนสิ่งของ ไม่ว่าเราจะใช้หรือไม่ใช้มันก็จะหมดไประหว่างที่รออะไรสักอย่าง ก็ไม่ควรปล่อยมันให้หมดไปอย่างเปล่าประโยชน์” ตาคำเคยย้ำเตือนกาย 

“ถ้าติดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อๆไปก็จะผิดด้วย หลานต้องตั้งใจทำสิ่งต่างๆในครั้งแรกให้ดี เมื่อไปโรงเรียนวันแรกก็ต้องตั้งใจทำให้ดีเช่นกัน”


ถึงตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมเป็นหลานชายตัวน้อยของตาคำขึ้นมาในทันที...

ขอบคุณครับตา..

 


 

“สายลมกับทุ่งหญ้า”

วิเชียร ไชยบัง,สำนักพิมพ์โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา

ราคา ๙๕ บาท

สำนักพิมพ์โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา

๑๖๒ หมู่ ๑๓ ต.โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ๓๑๑๓๐

โทร ๐ ๔๔๖๖ ๑๕๖๔-๖๖ แฟกซ์ ๐ ๔๔๖๖ ๑๕๔

www.lpmp.org

หมายเลขบันทึก: 408587เขียนเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2010 08:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 13:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)

แว่บ..มาอ่านพลังแห่งอนาคต และความหวัง ..ชอบจังค่ะ

"ไม่มีเหตุผลอะไรสำคัญมากกว่าความสุข ความพึงพอใจ แม้จะเหนื่อยแต่ก็มีความสุขเข้ามาแทรกปน แม้จะท้อบ้างระหว่างทางแต่ยังมีความรื่นรมย์ให้เห็น ชีวิตก็เหมือนกันหากเราพอจะเห็นประภาคารที่เป็นจุดมุ่งอยู่บ้างแล้ว การรุดไปข้างหน้าจึงเต็มไปด้วยพละกำลังและชีวิตชีวา"

"มันยากสำหรับหลาน เพราะความมุ่งหวังและความศรัธาต่อความมุ่งหวังมันไม่มีตัวตน"

ขอให้ทุกวันเป็นวันที่ดีที่สุดนะคะ

..ขอบคุณค่ะ..^_^

ละเอียดอ่อนมากๆครับขอบคุณคุณเอกมากๆครับ

อ่านแล้วเหมือนได้เติมพลังแห่งความสุขมากๆครับ

ฝากขอบพระคุณคุณครูใหญ่วิเชียร ไชยบัง เป็นอย่างสูงครับ

สำหรับการสร้างสรรค์วรรณกรรมที่ทรงคุณค่า

กระผมได้มีโอกาสสัมผัสกลิ่นดอกข้าวที่เชียงใหม่ช่างหอมติดตรึงใจ

(กลิ่นคล้ายๆใบเตยเลยครับ แต่ไม่เหมือน)

คิดถึงคราใดทำให้หัวใจมีพลังขึ้นเยอะเลยครับ

โอกาสต่อไปจะไปเรียนรู้พลังของความมุ่งหวังและศรัทธาแห่งลำปลายมาศบ้างครับ

ขอบคุณครับพี่สีตะวัน

ผมเขียนบันทึกนี้ใช้เวลา ๗ นาที เมื่อตั้งใจเขียน ก็เขียนไปตามอารมณ์

จริงๆผมเก็บเรื่องนี้ไว้มานานพอสมควร

ไม่มีโอกาสเขียนสักที

วันนี้จึงมีโอกาสได้เเลกเปลี่ยนกับพี่ๆครับ

สวัสดีครับ ครู ว่าที่ ร.ต. วุฒิชัย สังข์พงษ์

ผมมีเรื่องราวอีกมาเลยครับสำหรับ "ลำปลายมาศ" เเละมีหลายเรื่องที่จะเขียนถึงครูใหญ่ที่ผมชื่นชมท่านเป็นพิเศษครับ

หนังสือเล่มนี้อ่านเเล้วดีมากครับครูวุฒิชัย 

ผมมีหนังสือ "โรงเรียนนอกกะลา" อยู่จำนวนหนึ่ง ผมจะส่งให้ครูดีไหมครับ พร้อมกับหนังสือของผม "ถอดบทเรียนนอกกรอบ"

ครูช่วยส่งที่อยู่มาให้ผมผ่าน e-mail ด้วยครับ

เป็นเนื้อหาที่น่าสนใจมากคะ พี่เอก อ่านแล้วเห็นภาพ

ต้องขอบคุณคุณเอกมากค่ะ ที่พามากพบกับสิ่งที่ละเอียดอ่อน

ทำให้ถึงเพลง ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน ค่ะ

เพลงนี้ฟังดีๆมีความหมาย ละเอียดอ่อน

  • น้องเอกครับ
  • เห็นหนังสือครูวิเชียรแล้วทำให้มีพลัง
  • อยากตามไปอ่าน
  • ดูแลสุขภาพบ้างนะครับ
  • (นึกถึงวันที่เราไปนอนโรงแรมที่กำแพงเพชร แล้วมีคนลากโต๊ะชั้นบนตอนเที่ยงคืนตรงกับห้องที่เรานอนจัง
  • เวรกรรม...)

ครูเอ >  เพลง ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน เป็นเพลงที่ผมชอบเพลงหนึ่งครับ

  • อ่านแล้ว รู้สึกดีจังเลยนะคะ ทำให้กลับมานึกถึงเราตัวเองว่าปัจจุบันเอื้อการเรียนรู้ให้เด็กมากพอหรือยัง
  • ถ้าเราตั้งเป้าหมายอยู่ที่เด็ก ถึงจะเหนื่อยบ้างแต่ถ้าทำให้เขาได้เรียนรู้ในปัจจุบัน และรับรู้กลิ่นอายของอนาคต ถึงแม้หนทางจะยาวไกล   ความสุขของครูและศิษย์ มีมาไม่ขาดสายโดยที่เราไม่ต้องคาดหวังไว้เลยค่ะ
  • ขอบคุณที่ทำให้มีพลังค่ะ

เชื่อเสมอว่า ความพยายามไม่สูญเปล่า

ครูสำนักนอกกะลา

ครู NU 11

ผมรู้สึกดี ที่ผู้อ่านรู้สึกดีไปด้วย

บางทีเรื่องราวที่เรียบง่าย เเต่ทรงพลัง เมื่อเรานำเสนอจากสิ่งที่อยู่ในใจ 

 

ครู pantippa 

ขอบคุณครับ สำหรับความตั้งใจที่ดีของครูสำนักนอกกะลา

ขอฝากกำลังใจให้ครูใหญ่ เเละ น้องๆครูทุกท่านครับ

ผมรู้จักกายหลานตาคำด้วยครับ..

ครูใหญ่เฉลยบอกวันประชุมครับ..

เป็นชื่อแทนตัวละครดำเนินเรื่องครับ เพราะดวงตาของเขาแปลงประกายให้ครูใหญ่เห็น..

ขอบคุณพี่เอกมากครับที่แบ่งปันเรื่องดีๆ เสมอมาครับ

ครูป้อมครับ (ราชิต สุพร)

ผมคิดว่า "กาย" คือ "ครูใหญ่วิเชียร" นะครับเมื่ออ่านตามท้องเรื่องเเล้ว หนังสือเล่มนี้ นอกจากที่เป็นวรรณกรรมเยาวชนเเล้ว ผมคิดว่าผู้ใหญ่ก็ควรอ่านด้วยครับ เรื่องราวของ ตา กับ กาย แทรกปรัชญาธรรมชาติ ผ่านท้องุท่งที่ ตา พร่ำสอนกาย ลึกซึ้งจริงๆ

ผมอ่านสองสามรอบเเล้ว

ผมเลยขออนุญาติเขียนหนังสือเล่มนี้เเนะนำในคอลัมภ์วารสารฉบับหนึ่งด้วยครับ

ป้อมสบายดีนะครับ? มีโอกาสผมคงได้ไปเยี่ยมที่ลำปลายมาศอีก กำลังหาทางชวนครูใหญ่ไปร่วมเป็นวิทยากรในเร็วๆนี้ ท่าทางครูใหญ่จะคิวไม่ค่อยว่างเท่าไหร่..

มีหนังสือปาฐกถาของ ดร.อุทัย ดุลยเกษม ที่ผมกำลังนั่งเขียนเพิ่มเติมอีกหน่อย จะเป็นเรื่องราวของ โรงเรียนลำปลายมาศ คาดว่า งานปาฐกถาปีหน้าที่กรุงเทพฯ เราจะได้อ่านหนังสือเล่มนี้กันครับ :)

"ลำปลายมาศพัฒนา" ความหวังเพื่อความเป็นไทของการศึกษา

งานปาฐกถาที่ กรุงเทพมหานคร ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ผมขอสรุปสาระสำคัญของวิธีคิด เเละอุดมการณ์ความเชื่อพื้นฐานในการจัดการศึกษาที่โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา "มุ่งสู่การพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์" ดังนี้ครับ

  • ให้ความสำคัญ เข้าใจพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กตามช่วงวัย
  • หัวใจสำคัญก็คือ การสร้างกระบวนการเรียนรู้ ให้เเก่ผู้เรียนอย่างบูรณาการ
  • ให้ความสำคัญกับการพัฒนาครู "ครูต้องมีต้องมีคุณภาพ" มีคุณภาพในที่นี้คือ เข้าใจ ตระหนักถึงกระบวนการเรียนรู้ที่อิสระ ให้ความสำคัญกับประสบการณ์เชิงประจักษ์ เน้น "กระบวนการเรียนรู้" มากกว่า "การเรียนรู้"
  • เชื่อมั่นในศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียม เชื่อว่า ทุกคนมีสิทธ์ที่จะเรียนรู้ เเละทุกคนสามารถเรียนรู้ได้
  • กระบวนการเรียนรู้ ที่ผู้ปกครองเเละเด็ก เรียนรู้ร่วมกัน
  • เรียนรู้วัฒนธรรมที่หลากหลาย ผ่านทุนทางสังคมที่รายล้อมเด็ก บูรณาการบนฐานวัฒนธรรม

ต้องขอบคุณ ครูวิเชียร ไชยบัง ที่ท่านให้โอกาสในการเรียนรู้ และสร้างเเรงบันดาลใจผ่านการบอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่ลำปลายมาศพัฒนา...

ทั้งหมดคือ ความหวังที่ดูมีชีวิตชีวา สู่ความเป็นไท ของระบบการศึกษา

ได้เข้าไปเรียนรู้โรงเรียนนอกกะลา ทางอินเตอร์น็ตบ้างแล้วครับ

ยากจะหาคำบรรยายครับ ขอบคุณครับ ที่แนะนำให้ได้พบกับสิ่งที่ดีงาม

จะรออ่านครับผม..

กาย เป็นเด็กนักเรียนชั้น ป.๕ ปัจจุบัน.. แต่เรื่องราวส่วนใหญ่เป็นเรื่องของครูใหญ่ตอนเป็นเด็กน้อย สะท้อนออกมาเป็นเรื่องราวดีๆ ให้เราทั้งหลายครับผมพี่เอก

รู้สึกว่าคิวงานครูใหญ่ยาวๆๆ เยียดเลยครับ หาเวลาไปเล่นกีฬา(ตีกอล์ฟ)กับผมไม่มีเลยครับ

ทางชาวครูนอกกะลาจะรออ่านหนังสือเล่มนี้จากพี่เอกนะครับผม...

ผมส่งหนังสือให้ ครู   วุฒิชัย สังข์พงษ์   ๒ เล่มนะครับ

  • โรงเรียนนอกกะลา ๑ เล่ม
  • ถอดบทเรียน(นอก)กรอบ ๑ เล่ม
ตอนนี้ ...คาดว่าคงถึงเเล้วนะครับ

 

  • ชอบวิธีนำเสนอของคุณเอกในบันทึกนี้ครับ
  • อ่านเสร็จนึกถึงคำพูดเหล่านี้ สูงสุดกลับคืนสู่สามัญ ไร้กระบวนท่าเป็นสุดยอด..อันที่จริงเรื่องยากๆทั้งหลาย ก็ร้อยเรียงมาจากเรื่องง่ายๆนั่นเอง บางเรื่องเมื่อพิจารณาให้ดี เราจึงอาจทึ่งกับเรื่องง่ายๆ..
  • น่าสนใจกับการจัดการของที่นี่ ส่วนตัวพอรู้จักโรงเรียนลำปลายมาศบ้างเท่านั้นเองครับ
  • ขอบคุณครับ
  • ขอบคุณเรื่องราวที่ดีถายทอดด้วยภาษาที่สวยงาม
  • ช่างมีพลัง...ด้วยพลังแห่งความสุขแห่งการเรียนรู้ 
  • ความสุขกับกลิ่นในอดีต......ยังติดตรึงอยู่ในใจ

 

น้องป้อม>ราชิต สุพรครับ :)

 

ผมยังจำท่าทางของน้องป้อมที่โรงอาหารนอกกะลาในเช้าวันเเรกที่พบกัน เป็นน้องชายที่มีบุคลิกที่นิ่งเเละสุขุมมากครับ...

ผมเข้าใจเอาเองนะครับว่า "กาย" คือ เงาของครูใหญ่ เเละส่วนหนึ่งนักเขียนเองก็ใช้ผลึกประสบการณ์ชีวิตส่วนตัวมาถ่ายทอดออกมาเป็นงานวรรณกรรมชั้นยอด สิ่งที่ผมค้นพบในหนังสือเล่มนี้คือ ความง่ายงาม รวมถึงปรัชญาที่เราเรียนรู้ได้เสมอๆผ่านธรรมชาติ

ผมคิดถึงน้องป้อม เเละคณะครูทุกท่านที่ สำนักนอกกะลาครับ :)

ครูธนิตย์ สุวรรณเจริญ

ขอบคุณครับ บันทึกนี้ผมนำเสนออีกแห่งในวารสารเล่มหนึ่งเป็นคอลัมภ์ "หนังสือชวนอ่าน"ครับ พยายามเขียนให้มีรูปแบบที่เเตกต่างกันไป เพื่อให้ผู้อ่านรู้สึกว่าได้อ่านในเเนวที่ไม่จำเจครับ

พี่ ✿อุ้มบุญ✿

ดีใจที่ได้พบเจอพี่ที่ งาน KM แห่งชาติปีนี้นะครับ...

พี่เป็นคนร่าเริงเเละคุยสนุก มีรอยยิ้มพิมพ์ใจตลอดเวลา ขอให้กำลังใจพี่อุ้มบุญในการทำงานนะครับ

เเล้วเราเจอกันในงาน SHA ในเดือน ธค.ที่จะถึงนี้นะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท