อัศจรรย์จริงหนอ โดยคนไม่ติดวัด


หอมแบบยิ่งดมยิ่งชื่นใจ รู้สึกว่าจะหาดอกไม้ชนิดไหนมาเปรียบไม่ได้เลย

กลิ่นศีล 

พระพุทธภาษิต
น ปุปฺผคนฺโธ ปฏิวาตเมติ
น จนฺทนํ ตครมลฺลิกา วา
สตญฺจ คนฺโธ ปฏิวาตเมติ
สพฺพา ทิสา สปฺปุริโส ปวายติ
จนฺทนํ ตครํ วาปิ อุปฺปลํ อถ วสฺสิกี
เอเตสํ คนฺธชาตานํ สีลคนฺโธ อนุตฺตโร


คำแปล
กลิ่นดอกไม้ ทวนลมไม่ได้, กลิ่นจันทน์, กฤษณา กระลำพักก็ทวนลมไม่ได้ ส่วนกลิ่นของ สัตบุรุษไปทวนลมได้ สัตบุรุษฟุ้งไปได้ทุกทิศ บรรดากลิ่นหอมทั้งหลายเช่นกลิ่นของไม้จันทน์ กฤษณา อุบล และมะลิ เป็นต้น กลิ่นแห่งศีลเป็นเยี่ยม

อธิบายความ
ไม้หอมมีหลายชนิด บางชนิดหอมที่ดอก บางชนิดหอมที่ลำต้น (เช่น จันทน์) บางชนิดหอมที่ราก ความหอมเหล่านั้นไปได้ตามลม ทวนลมไม่ได้ และหอมในขอบเขตเพียงเล็กน้อย คือหอมไปได้ไม่ไกลนัก เมื่อไม่มีลมพัดต้องหยิบมาดมจึงจะหอม แม้ความหอมของดอกแคฝอยในชั้นดาวดึงส์ของพวกเทพก็หอมไปได้ตามลมเพียง 100 โยชน์เท่านั้น แต่กลิ่นศีลของ สัตบุรุษหอมไปได้ไกลทั่วโลก และหอมอยู่ได้นานนับพันปี หรือหมื่นปี ดูกลิ่นศีลของพระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่าง รวมทั้งกลิ่นศีลและเกียรติคุณของคนดีอื่นๆ อันพวกเรายังต้องศึกษาประวัติและผลงานของเขาอยู่จนบัดนี้ คนเหล่านั้นมีชีวิตอยู่ก่อนพวกเราถึง 2,000-3,000 ปี แต่กลิ่นศีล กลิ่นแห่งความดีของท่าน ก็ยังฟุ้งตลบอยู่ เพราะฉะนั้น พระศาสดาจึงตรัสว่าบรรดากลิ่นทั้งหลาย กลิ่นศีลเป็นเยี่ยม

พระพุทธเจ้าตรัสพระพุทธพจน์เพราะทรงปรารภปัญหาของพระอานนท์ มีเรื่องย่อดังนี้
เรื่องปัญหาของพระอานนท์เถระ
วันหนึ่งพระอานนท์เถระอยู่ในที่หลีกเร้น (ที่สงัด) ในเวลาเย็น คิดว่า พระพุทธเจ้าเคยทรงแสดงกลิ่นของไม้ไว้ 3 อย่างคือ กลิ่นที่เกิดจากดอก เกิดจากแก่น และเกิดจากราก กลิ่นเหล่านั้นฟุ้งไปตามลมได้เท่านั้น ฟุ้งไปทวนลมไม่ได้ กลิ่นอะไรหนอที่ฟุ้งไปทวนลมได้
ท่านเข้าเฝ้าพระศาสดาทูลถามข้อสงสัยนั้น พระศาสดาตรัสตอบว่า กลิ่นศีลฟุ้งไปได้ทั้งตามลมและทวนลม โดยใจความพระ พุทธพจน์ดังนี้


"อานนท์! หญิงหรือชายก็ตาม ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ว่าเป็นที่พึ่ง เว้นจากปาณาติบาต... สุราเมรัย เป็นผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม ปราศจากความตระหนี่อันเป็นมลทิน มีอัธยาศัยน้อมไปในทางเสียสละ คนจนพอขอได้ คนเช่นนั้นย่อมได้รับสรรเสริญ จากสมณพราหมณ์ที่เป็นบัณฑิตทั้งหลาย กลิ่นแห่งความดีของเขาย่อมฟุ้งไปได้ทั้งตามลมและทวนลม..." ดังนี้แล้วตรัสพระคาถาว่า

"น ปุปฺผคนโธ ปฏิวาตเมติ" เป็น อาทิมีนัยดังอธิบายมาแล้วแต่ต้น

                                                      

 

 

อัศจรรย์จริงหนอ   

โดย คนไม่ติดวัด

 

ต่อไปนี้ขอเล่าเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 2520

ข้าพเจ้าเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ครั้งหนึ่งในชีวิตในรั้วโดมนี้ ข้าพเจ้าได้ป่วยเป็นโรคดีซ่านเฉียบพลัน อาการคือตัวหลือง ตาเหลือง และรับประทานอะไรก็ไม่ได้

เพราะทานแล้วอาเจียนออกหมด ร่วมกับอาการอื่น ๆ ซึ่งทำให้หมดแรงและหายใจแทบไม่ได้ มันหอบหนัก

ไม่ว่าจะหายใจเข้าหรือหายใจออก รู้ตัวขณะนั้นว่า นี้เป็นอาการให้รู้ว่าถ้าหายใจเข้าไม่ได้ เราคงตาย

ถ้าหายใจออกไม่ได้เราก็ตายเหมือนกัน ความตายอยู่เพียงเส้นยาแดงที่ลมหายใจนี้เอง ธรรมนี้สอนใจทันที

คุณพ่อรีบส่งโรงพยาบาลด่วน

ข้าพเจ้าได้อยู่ที่ห้อง ไอซียู เพียงสองสามคืน แล้วย้ายมาห้องพิเศษ ตั้งแต่คืนแรกจนถึงคืนที่แปด

ข้าพเจ้าพบเรื่องอัศจรรย์ของโลกทิพย์หลายเรื่อง แต่ขออนุญาตที่จะไม่เล่าเรื่องเหล่านั้น

เพราะหาหลักฐานไม่ได้

แต่จะเล่าคืนที่แปดซึ่งมีเรื่องสำคัญและเป็นหลักฐานยืนยันใด้ กล่าวคือ

ประมาณตีห้าของเช้านั้น ข้าพเจ้ารู้สึกตัวตื่นขึ้นพบว่าแสงไฟบนเพดานกระพริบ ๆ หลายครั้งเหมือนหลอดจะขาด

ข้าพเจ้าจึงเพ่งมอง ด้วยจิตอันเป็นสมาธิ และทันใดนั้นก็ได้เห็นว่าแสงไฟที่กระพริบนั้นได้เปลี่ยนจากสีนวลเหลืองกลายเป็นสีขาวนวลจ้า แต่ไม่แสบตา สว่างมากขึ้นมาทันที ทั้งห้องขาวสะอาด สว่างมาก

มีกลิ่นหอมใกล้เข้ามาทุกที หอมมากเหลือเกิน ไม่หอมฉุนอย่างน้ำหอมที่มีขายทั่วไป

แต่หอมแบบยิ่งดมยิ่งชื่นใจ รู้สึกว่าจะหาดอกไม้ชนิดไหนมาเปรียบไม่ได้เลย

ข้าพเจ้าได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดเหมือนมีคนมานั่งเก้าอี้ เป็นเก้าอี้ที่พับได้ จะมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดเวลาใครลงนั่งหรือลุกขึ้น

เป็นเก้าอี้หลายตัวที่เมื่อคืนวาน เพื่อน ๆ ทั้งในคณะและนอกคณะ ต่างมาเยี่ยมจนดึกแล้วไม่ได้พับเก็บขึ้น ถูกปล่อยให้

พิงกำแพง อยู่อย่างนั้น

แล้วตามด้วยเสียงย๊วบลงบนเบาะโซฟาที่ถัดออกไป

เสียงที่ได้ยินจึงเหมือนการ นั่งลงเป็นลำดับ ไม่ได้นั่งพร้อมกัน แสดงว่ามีหลายคน!

ด้วยประสบการณ์ ข้าพเจ้ารู้ว่า ไม่ธรรมดาแน่

จึงรีบลุกขึ้นนั่งในท่านั่งพับเพียบพนมมือขึ้นทันที

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเล็ก ๆ เหมือนระฆังกังวานกล่าวขึ้นมา

เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ

ข้าพเจ้าตอบว่า ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ

อีกเสียงหนึ่งก็ อืมมม (เหมือนเสียงในลำคอ)

อีกเสียงหนึ่งก็คุยเรื่อง.....

อีกเสียงหนึ่งก็กล่าวขึ้นว่า สงสัยหรือจ๊ะว่ากลิ่นหอมนี้เป็นกลิ่นของอะไร

นี้ เป็นกลิ่นของศีล กลิ่นของศีลย่อมหอมทวนลม หอมฟุ้งไปไกล

แล้วอีกเสียงหนึ่งก็บอกว่า พยาบาลกำลังจะมาที่ห้องนี้ เราต้องรีบไปกันแล้วล่ะจ้ะ

อีกเสียงหนึ่งก็พูดว่า อยากกินอะไรเช้านี้ไหม

ข้าพเจ้าเห็นเป็นโอกาสที่จะพิสูจน์ว่า ที่ข้าพเจ้าได้ยินขณะนี้ไม่ใช่หูฝาด ไม่ใช่จิตหลอก

จึงพูดตอบไปว่า อยากกินราดหน้าผัดกุ้งเจ้าค่ะ

แล้วก็มีเสียงอืมมม

เสียงยวบยาบเอี๊ยดอาดก็ดังขึ้นตามกันอย่างเป็นระเบียบ

แสงไฟบนเพดานกระพริบถี่ ๆ อีกครั้ง แล้วสว่างเป็นแสงนวลเหลืองตามปกติ

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูแล้วประตูก็ถูกเปิดพรวดทันที

โอ้! คนไข้ตื่นแล้ว ตื่นเช้าจังเลยนะคะ

พยาบาลคนแรกทักขึ้น อีกคนก็บอกว่า คนไข้คนนี้ดีจัง ตื่นขึ้นมาสวดมนต์แต่เช้า

ข้าพเจ้าจึงนึกขำ เพราะหันมาดูตัวเอง ก็เห็นตนเองยังพนมมือนั่งพับเพียบอยู่เลย

พยาบาลก็ขอให้ข้าพเจ้าไปนั่งหน้าระเบียงสักครู่เพื่อให้เขาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและตบหมอนตบฝุ่น

สักครู่เดียว ก็มีคนเข็นรถอาหารซึ่งต้องแจกตามห้อง ข้าพเจ้าตื่นเต้นมากและรีบลุกขึ้นมาดูถาดที่จะต้องส่งห้องที่ข้าพเจ้าพัก

มองไปทุกถาดจะมีห้าถ้วย

แต่มีถาดหนึ่งมีหกถ้วย และมีป้ายหมายเลขห้องที่ข้าพเจ้าพัก จึง อดใจไม่ไหวที่จะพิสูจน์

รีบเปิดดูทุกถ้วย ถ้วยที่หกนั้นเอง ท่านคงรู้ว่าข้าพเจ้าจะตื่นเต้นดีใจสักเพียงใด เพราะเป็นราดหน้าผัดกุ้งจริง ๆ

และได้รีบถามออกไปว่า ใครสั่งราดหน้าผัดกุ้งให้ห้องนี้คะ

คนเข็นรถอาหาร ก็ตอบว่า ไม่รู้ค่ะ คนครัวให้ดิฉันยกขึ้นมา ดิฉันก็ยกมา ถ้าคุณไม่ได้สั่งแล้วใครจะสั่งได้ล่ะคะ

โดนคำถามนี้เลยต้องเงียบ เพราะพูดไปก็มากเรื่องเปล่า ๆ

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ข้าพเจ้านั่งลงกล่าวกราบขอบพระคุณผู้เมตตาทั้งหลายทุกคนทุกดวงจิตที่มาเยี่ยมให้กำลังใจ

และสั่งอาหารมื้อพิเศษให้ข้าพเจ้าได้รับประทาน

อาหารมือนั้นพิเศษจริง ๆ เพราะทานจนหมด รสชาดดีมาก และเมื่อทานจนหมดก็รู็สึกทันทีได้เลยว่าหายแล้ว

เดินไปบอกหมอว่าขอกลับบ้านเพราะหายป่วยแล้ว

แพทย์ที่ประจำตึกไม่อนุญาต แต่บอกให้ข้าพเจ้ารอจนกว่าแพทย์ประจำคนไข้จะมาตรวจและอนญาตเอง

ซึ่งต้องรอถึงตอนเย็น

เมื่อแพทย์มาตรวจก็พูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ว่า ดูดีขึ้นเร็วมากทั้งที่สองวันที่แล้วหมอยังคิดว่าต้องให้ข้าพเจ้าพักป่วยต่ออีกสักหนึ่งหรือสองสัปดาห์!

แต่หลังจากตรวจคราวนั้น ก็ได้อนุญาตให้กลับได้ และแซวข้าพเจ้าว่า สงสัยได้ยาดี หมายถึงเพื่อนมาเยี่ยมกันเยอะคนไข้จึงได้กำลังใจดี ข้าพเจ้าก็ยอมรับว่า ค่ะ

แต่ไม่ได้บอกว่า เพื่อนที่คุณหมอกล่าวถึงนั้น ได้หมายรวมเอากัลยาณมิตรผู้มียศ มีศิริ มีรัศมีแห่งบุญเหล่านั้นด้วย

ข้าพเจ้ารู้จักคำว่ากลิ่นของศีล ก็คราวนี้เอง เมื่อได้อ่านพระไตรปิฏกในเวลาต่อมา ก็ได้พบคำพูดนี้ได้ปรากฏในตำราพระไตรปิฏกจริง

กลิ่นของศีลย่อมหวนลม หอมฟุ้งไปไกล และโชคดียิ่งขึ้นทีได้กลิ่นของศีลว่ามีจริง

ยิ่งกว่านั้นก็ได้หลักฐานว่าโลกทิพย์มีจริงอย่างรูปธรรม คือการได้รับประทานอาหารตามที่เล่ามา

ประสบการณ์นี้เป็นเพียงประสบการณ์หนึ่งที่เป็นพื้นฐานให้ข้าพเจ้าเริ่มรักษาศีลแปด กับหลวงตาวัดบวรนิเวศน์ฯ

แทบทุกครั้งที่มีเวลาพักชั่วโมงเรียนที่ธรรมศาสตร์ และเป็นพื้นฐานสำคัญให้ข้าพเจ้าเริ่มปฏิบัติธรรมมากขึ้น

และปฏิบัติมาตลอดถึงทุกวันนี้

บุญคือความสุข บุญคือการให้ การรักษาศีล การปฏิบัติธรรม

 


ที่มา กลิ่นศิล  http://www.dhammamongkol.com/content/view.php?id=0147

หมายเลขบันทึก: 406884เขียนเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2010 03:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 พฤษภาคม 2012 10:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ใช่แล้วครับ กลิ่นของศีลนั้นหอมหวล

เพราะว่าไม่เบียดเบียนผู้อื่น ทางกายกรรม วจีกรรม

ศีลจึงหอมหวลมาก ขอรับ

กลิ่นของศีลย่อมหวนลม หอมฟุ้งไปไกล และโชคดียิ่งขึ้นทีได้กลิ่นของศีลว่ามีจริง

สาธุ  สาธุ  สาธุ  ขอบพระคุณค่ะ..

ส่วนใหญ่คนธรรมดาจะเกิดขึ้นช่วงเวลาก่อนจะหลับหรือก่อนตื่นนอน จะอยู่ในช่วงอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นนั่นเองคือจิตกำลังจะปล่อยวางนั่นเอง แต่จะบังคับให้เกิดหรือไม่เกิดไม่ได้ แต่จะฝึกให้เห็นก็ทำได้ ถ้าจะฝึกถึงขั้นจะง่ายเหมือนเปิดปิดทีวีนั่นเอง แต่ก็ไม่ง่าย แต่ก้ฝึกได้พัฒนาได้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท