รัสเซียเคลียร์ใจ ตอนที่ 8 – เข้าชมพระราชวังเครมลิน
จุดแรกที่ไกด์โอก้าพาไปก็คือพระราชวังเครมลิน ใช้เวลายืนอยู่ในคิวนานเกินครึ่งชั่วโมง (ระหว่างนั้นผมก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เพราะฟ้าสวยมาก) กว่าจะผ่านการตรวจ (อย่างเข้มข้น) เข้าไปได้ก็ปาเข้าไปบ่ายสามโมง สิ่งแรกที่เข้าไปชมก็คือพิพิธภัณฑ์อาร์เมอร์รี่ เป็นที่เก็บสมบัติล้ำค่าของกษัตริย์รัสเซีย เนื่องจากในนั้นมีคนมากมายหลายกลุ่ม จึงต้องใส่หูฟังกันโดยที่ไกด์ของแต่ละกลุ่มก็พูดกับทัวร์ของตัวเอง ไกด์โอก้าพูดสลับกับไกด์ไทย ไกด์โอก้ามีสำเนียงภาษาอังกฤษที่ฟังยากเห็นใจคนที่ฟังไม่รู้เรื่องเหมือนกันเพราะไกด์ไทยไม่ได้แปลให้ทุกตัวอักษร แปลเพียงสรุปประเด็นให้เท่านั้น ของที่วางโชว์ส่วนใหญ่เป็นพวกเครื่องประดับเพชนนิลจินดา ของมีค่าสูงสุดก็คือ ไข่ฟาเบอร์เช่ ในนั้นทำให้ได้เห็นถึงความฟุ้งเฟ้อของราชวงศ์รัสเซียในสมัยนั้น
เดินชมอยู่ในนั้นนานมากเหมือนกัน จนผมต้องเร่งไกด์ว่าน่าจะออกมากันได้แล้ว ซึ่งพอออกมาก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้คือท้องฟ้าที่เคยสวยงาม (สีฟ้าเข้มมีเมฆขาว) ก็เปลี่ยนไปเป็นสีขาวทึมๆ เพราะพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าแล้ว รู้สึกหงุดหงิดใจ (ไปเสียเวลาอยู่ข้างในตั้งนานทำไม) ทำให้ต้องรีบถ่ายรูปก่อนที่ฟ้าจะมืดไปกว่านี้ เดินไปถ่ายรูป ได้ยินไกด์ไทยชี้บอกว่านี่คือโบสถ์อัสสัมชัญ ก็แค่ถ่ายรูปไว้ ไม่ได้เข้าไปชมข้างใน ต่อมาก็เห็นระฆังพระเจ้าซาร์ซึ่งเป็นระฆังใบใหญ่ที่สุดของเครมลิน (ตามโปรแกรมทัวร์บอกไว้ว่า พาชมหอระฆังพระเจ้าอีวาน มันอยู่ตรงไหนหว่า ไม่เห็นไกด์ไทยบอกเลย) ตอนนั้นรีบเร่งมาก มาถ่ายรูปที่ปืนใหญ่พระเจ้าซาร์ แล้วเดินออกมาข้างนอก ระหว่างที่คอยคนอื่นออกมานั้น นายทหารคนหนึ่งในคณะทัวร์ของเราก็ถามว่าทำไมไม่เข้าไปยังโบสถ์อัสสัมชัญ ไกด์ไทยก็บอกว่าเราออกมาข้างนอกแล้ว หากจะเข้าไปใหม่ก็ต้องเสียเวลาไปเข้าคิวอีก แล้วจะทำให้ไปจตุรัสแดง (ซึ่งมีมหาวิหารเซนต์บาซิล) ไม่ทัน
โบสถ์เซนต์บาซิลเมื่อท้องฟ้าไม่เป็นใจ เทียบกับรูป (ข้างบน) ที่ถ่ายก่อนรูปนี้สองชั่วโมงไม่ได้เลย
ตกลงกว่าคณะจะพร้อมกันและไปยังมหาวิหารเซนต์บาซิล (ซึ่งเป็น Highlight ของกรุงมอสโคว์) ท้องฟ้าก็หมดสวยแล้ว ผมถ่ายรูปไปอย่างอารมณ์ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ถึงไกด์ไทยจะบอกว่าพวกเราโชคดีนะที่ไม่มีฝน แต่ผมก็ยังคงไม่สบอารมณ์อยู่ดี และที่จตุรัสแดงนี่ก็ไม่ได้แวะเข้าชมอะไรเลย เพราะต้องรีบออกเดินทางต่อไปเพื่อไปเข้าชมการแสดงละครสัตว์ที่อยู่ไกลออกไป ระหว่างทางก็แวะทานอาหารเย็น (ร้านจีนอีกตามเคย) ก่อนจะถึงโรงละครไกด์ไทยก็แจกตั๋วละครสัตว์ซึ่งครั้งนี้มีหมายเลขที่นั่งกำกับ เมื่อไปถึงหน้าโรงละคร ไกด์ไทยบอกว่าหลังจากจบการแสดงนัดกันว่าให้มาพบกันที่ตรงไหน แล้วก็พาพวกเราเข้าไปข้างใน ซึ่งไม่นานการแสดงก็เริ่มขึ้น คนเต็มไปหมด พวกเราได้ที่นั่งที่ค่อนข้างแย่ อยู่ค่อนข้างสูง เห็นการแสดงอยู่ข้างล่างไกลๆ ส่วนไกด์ทั้งสองคนหายหัวไปนั่งที่ไหนก็ไม่รู้ (คิดว่าคงไม่ได้นั่งที่แย่ๆ เหมือนที่พวกลูกทัวร์นั่งกัน) การแสดงละครสัตว์ที่ประโคมโฆษณากันว่าดีเหลือเกินนั้น ผมว่าถ้าเทียบกับโชว์ภูเก็ตแฟนตาซีของเราของไทยดีกว่าเป็นไหนๆ ลองสังเกตคนในคณะเราพบว่าหลายคนนอนหลับ ในระหว่างที่มีการแสดงเจ้าหน้าที่ของโรงละครจะคอยดูว่ามีใครฝ่าฝืนกฎห้ามถ่ายรูปบ้าง หากเขาเห็นใครกำลังถ่ายรูปเขาก็จะเอาปากกาเลเซอร์ส่องไปแล้วทำภาษาใบ้ว่าห้ามถ่านรูป (ทำมือกากบาท) ที่ผมไม่หลับก็เพราะมัวแต่เล่นโปลิสจับขโมยกับป้า (เจ้าหน้าที่) คนนั้น พอป้าหันไปทางอื่นผมก็แอบถ่าย ทำให้สนุกไปกับภารกิจนั้นมากกว่าการดูละครสัตว์เสียอีก
หลังจากการแสดงจบก็นั่งรถกลับมาถึงโรงแรมสี่ทุ่มกว่า (ไกด์ไทยเคยสัญญากับเราสามคนตอนที่ซื้อทัวร์ว่าวันที่ไปพักมอสโคว์จะพาพวกเรานั่งรถไฟใต้ดินเข้าไปในเมืองมอสโคว์ แต่ปรากฏว่าพอมาถึงจริงๆ ไกด์ไทยกลับมาบอกว่าไกด์โอก้าเตือนว่าอย่าออกไปเลยมันอันตราย ซึ่งเราก็โอเค เพราะจริงๆ ก็เริ่มง่วงนอนแล้วเหมือนกัน แต่ที่รู้สึกผิดหวังก็ตรงที่สิ่งต่างๆ ที่สัญญาไว้ตั้งแต่ตอนซื้อทัวร์ ไม่เป็นจริงตามคุยไว้เลย) ลืมเล่าว่าตอนออกจากโรงละครสัตว์จะกลับมาโรงแรมก็ต้องมายืนคอยรถกันอีกพักใหญ่ๆๆ ตามแบบฉบับของทัวร์คณะนี้คือคนต้องรอรถ ยืนหนาวสั่นกันอยู่ริมถนนนั่นแหละ คืนนี้กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปห้าทุ่มกว่า พรุ่งนี้ไกด์บอกว่าใช้สูตร 7-8-9
ความเห็น (3)
สถานที่โอ่โถง สวยงามดีค่ะ
- ชอบรูปภาพพระราชวังสวยจังค่ะ
- อยากไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง
- ขอบคุณที่ได้เรียนรู้กับท่านอาจารย์ค่ะ
ทิวทัศน์สวยดี อากาศหนาวดีครับ