๒๓. เยือนถิ่นมังกร : เฉินตู-ศูนย์วิจัยหมีแพนด้า-อุทยานหวงหลง (ตอนที่ ๑)


ช่วงนี้เป็นช่วงใบไม้กำลังเปลี่ยนสี เป็นช่วงที่สวยที่สุดแห่งปี

 

        ตุลาคม เป็นช่วงที่เริ่มปีงบประมาณใหม่ เป็นช่วงเวลาที่ผู้เขียนเห็นว่าเป็นช่วงที่ดีที่จะได้ charge battery  ของตัวเองสักที จึงได้นัดกับเพื่อน ๆ  ไปเที่ยว เฉินตู – จิ่วจ้ายโกว –หวงหลง- ง้อไบ๊- เล่อซ่าน ในวันที่ 20 – 27 ตุลาคม 2553 ซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เปลี่ยนสี เป็นช่วงที่สวยที่สุดแห่งปี 

         เช้าวันที่ 20 ตุลาคม 2553  เวลา 10 โมงกว่า ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่เมืองเฉินตู (Chengdu) เมืองหลวงของมณฑลเสฉวน ใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง  เวลาที่จีนจะเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง

 

        เพื่อน ๆ  ที่ไปด้วยกัน  

     

      

        ทีมใหญ่ที่ไปด้วยกันทั้งหมด 16  คน  (หายไป 1 คน  หลบกล้องค่ะ)

     

 

        ถึงเมืองเฉินตู  สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกได้แก่ ศูนย์วิจัยหมีแพนด้า ซึ่งมีบริเวณกว้างขวางมาก ต้องนั่งรถไป หมีแพนด้าอยู่กันอย่างเป็นธรรมชาติ  มีลูกหมีแพนด้าเกิดใหม่ 2  ตัว  อายุ  2  เดือน ให้ทุกคนดูผ่านทางกระจก ห้ามถ่ายรูป 

       

        

      

      นอกจากหมีแพนด้าแล้ว ยังมีแรคคูน ซึ่งภาษาอังกฤษเขียนว่า  red panda พวกเราเข้าใจผิดกันคิดว่าเป็นหมีแพนด้าสีแดง ยังสงสัยว่ามีด้วยหรือ ไกด์จีนชื่อ “สมุทร” บอกว่าไม่ใช่ เป็นตัวแรคคูน เลยขำกันยกใหญ่

        

 

               คืนนี้พักที่เมืองเหมียนหยาง

 

    21   ตุลาคม 2553  เมืองเหมียนหยาง – อุทยานหวงหลง

   

       วันนี้ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 (เวลาจีน ไทยจะเป็นเวลาตี 3)  รถออกจากโรงแรมเวลา 5.00 น. อาหารเช้ากินกันบนรถ ระหว่างทางก็จอดให้เข้าห้องน้ำ คนละ  1 หยวน เรื่องราคาไม่มีปัญหาค่ะ แต่เรื่องสถานที่แย่มาก คนไทยไม่ชิน เรื่องส้วมเป็นเรื่องที่เป็นปัญหาสำหรับคนไทยตลอด

 

          ทิวทัศน์ระหว่างทาง รูปขวามือบนเป็นห้องน้ำค่ะ  ทางคดเคี้ยว หักศอก  ด้านหนึ่งเป็นแม่น้ำ/เหว อีกด้านเป็นภูเขา

       

 

        ถึงอุทยานหวงหลง (Houng Long) ซึ่งเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ เวลาประมาณ 11.30 น.  ทานอาหารเที่ยงที่ภัตราคารหน้าทางเข้าอุทยาน ระยะทางที่จะขึ้นไป ไป-กลับประมาณ 7 กิโลเมตร  มีทางเป็นชั้น ๆ  ขึ้นไป ทางสะดวกแต่เนื่องจากเป็นที่สูงทำให้มีออกซิเจนน้อย บางคนต้องซื้อออกซิเจนไว้ใช้ระหว่างทาง ซื้อที่ภัตราคารก็ได้แต่ราคาจะแพง 15 หยวน หากซื้อระหว่างทางซึ่งมีขายเป็นระยะ  ๆ   ราคาเพียง  1  หยวน ทัวร์ให้เวลาเดิน 4 ชั่วโมง   ปรากฏว่าบางคนเดินไม่ไหวกลับกันก่อน ส่วนผู้เขียนและเพื่อนอีก 2 คน เป็นผู้ที่เดินได้ไกลที่สุด ประมาณ 1.5 กิโลเมตร โดยไม่มีใครใช้ออกซิเจนเลย  ต้องเดินช้า ๆ  หายใจลึก ๆ  เห็นว่าไม่ไหวก็เลยลง  ใช้เวลาทั้งหมดเกือบ  4  ชั่วโมง  ใครที่ไม่อยากเดินขึ้นจะไปโดย Cable Car ก็ได้ แล้วเดินลงเอง  แต่สมุทร ไกด์จีนบอกว่า ระยะทางจะมากกว่าเดิมเพราะต้องเดินจากสถานี Cable Car 3 กิโลเมตร เพื่อที่จะเดินลงอีก 3 กิโลเมตร  สู้เดินขึ้นไปเองไม่ได้

  

       ทิวทัศน์ที่สวยงานของอุทยานหวงหลง

        

           

 

      

 

     ช่วงแรก ๆ  ก็เดินกันสี่คนค่ะ  

    ช่วงนี้เหลือเพียง 3 คน ยังสู้ ๆ  นั่งพักระหว่างเดินกลับ

   

ระหว่างทางจะมีห้องน้ำและที่ขายออกซิเจนกระป๋อง มีเป็นระยะ ๆ

   

      อุทยานหวงหลงสวยมาก  แต่สมุทรบอกว่า จิ่วไจ้โกว ที่จะไปในวันพรุ่งนี้สวยกว่า  ก็ต้องพิสูจน์กันละค่ะ

          คืนนี้นอนที่โรงแรมใกล้กับอุทยานจิ่วไจ้โกว หลายคนปวดหัวเพราะอากาศเปลี่ยน แถมยังเดินขึ้นที่สูงอีก  ทำให้ต้องกินยาและนอนกันตั้งแต่หัวค่ำ  วอร์มร่างกายไว้สำหรับความสดชื่นในวันพรุ่งนี้ค่ะ

 ตอนที่ 2  จิ่วไจ้โกว

ตอนที่  3  หลวงพ่อโตเล่อซาน

ตอนที่ 4  ยอดเขาจินติ่ง วัดเป่ากว๋อ โชว์เปลี่ยนหน้ากาก

 

                                      สวัสดีค่ะ

หมายเลขบันทึก: 405630เขียนเมื่อ 31 ตุลาคม 2010 17:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 12:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

คุณหนุ่ย

ภาพสวย แปลกตาดี

ขอบคุณมาก

  • Ico32  สวัสดีค่ะ คุณเกษตรยะลา
  • บ้านเราไม่มีใบไม้เปลี่ยนสี ไม่มีฤดูหนาว
  • เลยต้องไปดูหน่อย
  • ขอบคุณที่เข้ามาชมค่ะ
  • ไม่รู้ทีว่าเป็นยังงี้
  • รู้งี้ตามไปด้วยดีกว่า
  • เสียดายจัง
  • Ico32  หนูแอน
  • ยังมีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติของจีนอีกเยอะ
  • หยอดเงินใส่กระปุกออมสินไว้  คราวหน้าไปด้วยกัน...

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท