จากการพูดคุยกับคุณครูคนหนึ่ง ผมได้ Tacit knowledge ที่มากมาย และ ได้พูดคุยเรื่องดีๆ ที่จะนำมาเขียนบันทึกให้ทุกท่านได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้
คุณครู เล่าเรื่องแผนการเรียนการสอน “แบบรับภาษาเขา ภาษาเรา” ซึ่งย้อนไป สมัยที่คุณครูทำงานปีแรกๆ (ประมาณปี ๓๗) และสอนนักเรียนกลุ่มชาติพันธุ์บนดอย มีแผนการเรียนการสอนที่น่าสนใจที่คุณครูได้นำไปใช้ในพื้นที่ คือ “แผนการเรียนแบบรับภาษา”
แค่ชื่อก็น่าสนใจแล้วนะครับ มาดูรายละเอียดกัน
แผนการสอนนี้ใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้แก่เด็กปฐมวัย มีเนื้อหาเกี่ยวกับการใช้ภาษา ...ครับ ก็คือ สอนภาษาโดยใช้วิธีการเทียบเคียงภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์ กับภาษาไทยกลาง ...แล้ว ทำอย่างนี้เพื่ออะไร? อาจารย์ Handy ท่านลุกถามขึ้นมา...ทันใด!!!
ผมก็ขอเรียนดังนี้ครับ...เพื่อ(ผ่านคำบอกเล่าของครู)
· ให้การเรียนการสอนภาษาสนุก สนาน ไม่น่าเบื่อ เพราะมีการเทียบเคียงภาษาชนเผ่ากับภาษาไทยกลาง เด็กๆจะสนุกเพราะเป็นภาษาของเขา
· เมื่อเด็กสนุกสนาน เด็กไม่เบื่อ กระบวนการเรียนรู้ก็เกิดขึ้น อย่างเป็นธรรมชาติ
· ได้การมีส่วนร่วม ได้ความผูกพันกับชาวบ้าน เพราะครูต้องออกไปเก็บข้อมูล คำศัพท์จากชาวบ้าน ถือโอกาสไปเยี่ยมบ้านนักเรียนด้วย
· เด็กๆ และชุมชน มีความภาคภูมิในในอัตลักษณ์ของชาติพันธุ์ (อันนี้สำคัญมาก)
· ลดช่องว่างของ เชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม
ลองมาดูตัวอย่างการเทียบเคียงภาษาไทยกลาง กับ ภาษาลีซอ กันดูนะครับ (ใช้คำง่ายๆ สำหรับเด็กปฐมวัยกลุ่มชาติพันธุ์)
ขอบคุณ = โปโม๊ะ
พ่อ= อาปะ
แม่ = อามะ
กินข้าว= หยะหย่า
ครูผู้หญิง = ครูมะ
ครูผู้ชาย = ครูผะ
ในกระบวนการเรียนการสอนแบบนี้ เด็กๆน้อยบนดอยสูงก็ได้เรียนภาษา โดยแผนการสอนแบบ “รับภาษา” ภาษาเขา+ภาษาเรา รวมเป็น “ภาษาของเรา” ครับ และพัฒนาเป็นสื่อท้องถิ่นเพื่อใช้ในโรงเรียนต่อไปเห็นมั้ยครับ ว่า นวัตกรรมดีๆ(Innovation) ในวงการศึกษามีมากมาย แต่น่าเสียดาย คุณครูบอกว่า แผนการสอนแบบนี้ที่แม่ฮ่องสอน `ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว”
แต่ผมคุยกับครูว่า ถึงจะถูกยกเลิก แต่หากใช้ได้ดี มีประโยชน์แบบที่ครูเล่ามา ก็ควรจะส่งเสริมให้ครูที่อยู่ในระบบ นอกระบบ ได้เรียนรู้กระบวนการแบบนี้และนำไปใช้ด้วย
...มองเป้าหมายที่เดียวกันคือ “การสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน” ที่สำคัญ ประเด็นหนึ่งที่เหมาะสมกับสภาวะปัจจุบัน ก็คือ “ความสมานฉันท์” ครับ...
(เรื่องแบบนี้ละเอียดอ่อนนะครับ)
อาจารย์ขจิต
ขอบคุณมากครับ ผมว่าเราทำเป็นพจนานุกรม ชนเผ่า-กลุ่มชาติพันธุ์ เทียบเคียงหลายๆภาษา ท่าจะน่าสนใจดีนะครับ
จากภาษาราชการสู่ชาติพันธุ์ลีซอกระโดดไปที่อีสานเด้อ
ขอบคุณ = โปโม๊ะ = ขอบใจ(ขอบออกมาจากใจจริงๆ)
พ่อ= อาปะ = อีพ่อ(ผู้ชายที่อีสานก็นิยมใช้อี อีไม่อาจใช้แยกเพศได้)
แม่ = อามะ= อีแม่ (อีไม่ใช้คำหยาบในภาษาอีสาน)
กินข้าว= หยะหย่า= กินหงาย กินสวย กินแล้ง(แยกมื้อการกินให้ด้วยนะครับ)
ครูผู้หญิง =ครูมะ= คูแม่ยิง(ไม่มี ร นะคับคำว่าแม่ในคำนี้แยกเพศหมายถึงผู้หญิง)
ครูผู้ชาย = ครูผะ =คูพ่อซาย(ออกเสียง ซ นะคับไม่มี ร เหมียนกัน
เย้ สนุกจังความหลากหลายเนี่ย
คุณออต
มาแรงและน่าสนใจครับ เรื่อง ภาษา
ผมสนใจภาษาอีสานครับ เพราะไม่แตกต่างจากภาษาเหนือของผมเท่าไหร่
นี่ก็หมายความว่า...ผมไปทำงานภาคอีสานได้ใช่มั้ย???
ผมวางแผน(หากโชคดี) อาจได้ไปทำงานโซนทางโน้นครับ(ที่ไหนจะเฉลยอีกที)
ยินดีต้อนฮับเด้อ มาซ่อยกันเฮ็ดให้อีสานเจริญทั้งกายภาพ สังคม วัฒนธรรมและจิตวิญญาณ
สวัสดีค่ะน้องเอก..
ขอบคุณมากค่ะ...ถ้า...comment หนักๆนะคะ
เป็นบันทึกเก่าๆของผมที่ครูอ้อยตามมาจนพบ
ดีใจจังครับ...
ผมเองได้เรียนรู้จากผู้ที่อยู่ในวงการการศึกษามากครับ คิดว่าประสบการร์ที่ทำงานการพัฒนาเป็นคนที่ได้โอกาสดีๆเสมอๆครับ
มุ่งเน้นนักเรียน..ต้องสำเร็จแน่ จะตามไปอ่านครับ ครูอ้อย