อ.นุ
วัชรชัย วิริยะสุทธิวงศ์

การทำบุญมี ๓ แบบ


"บุญ"มีความหมายสำคัญชั้นสูงสุดว่า "เครื่องชำระล้างบาป"
เปรียบเหมือนกับว่า...
เราใช้น้ำอาบล้างตัวเราให้สะอาด
คนบางพวก ใช้น้ำโคลนอาบ เพราะไม่มีน้ำสะอาดจะอาบ
อีกพวกหนึ่ง ใช้น้ำที่ละลายด้วยเครื่องหอมต่างๆอาบ
และพวกสุดท้ายใช้สบู่และน้ำที่สะอาด
าบ


คนที่อาบน้ำโคลน อาบเสร็จแล้วก็ยังมีโคลนติดอยู่ที่ตัว
คนที่อาบน้ำหอม อาบเสร็จแล้วก็ยังมีเยื่อของเครื่องหอมติดอยู่ที่เนื้อที่ตัว
คนที่อาบน้ำสะอาด อาบเสร็จแล้วไม่มีอะไรติดอยู่ที่เนื้อที่ตัว เป็นเนื้อตัวที่สะอาด

เมื่อเปรียบการอาบน้ำล้างตัวด้วยการทำบุญ
การทำบุญนั้นมี 3 แบบ...
ทำบุญเหมือนกับน้ำโคลน ก็คือ
พวกที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาทำบุญให้+ทาน ฆ่าวัวฆ่าไก่ เลี้ยงสุรายาเมา
ทำการตามประสาคนเห็นแก่ปากแก่ท้อง เห็นแต่เรื่องกินเป็นใหญ่
แล้วก็ฆ่าสัตว์ทำบุญ หรือทำบุญเอาหน้า ทำเพื่ออวดคน เป็นการค้ากำไร
บุญนี้เหมือนกับน้ำโคลน คนนั้นได้ผลเหมือนอาบน้ำโคลน

คนอีกพวกหนึ่ง ทำบุญด้วยอุปาทานยึดมั่นถือมั่นในบุญ เมาบุญ เมาสวรรค์วิมาน
ถ้าทำบุญด้วยความคิดอย่างนั้น ก็เหมือนกับอาบน้ำที่เจอด้วยแป้งปูนของหอม

อีกพวกหนึ่ง ทำบุญเพื่อจะละเสีย
ซึ่งความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดว่าเป็นตัวเราหรือของเรา
ทำเพื่อให้กิเลสหมดไปจากสันดาน อย่างนี้เหมือนคนอาบน้ำสะอาด
ได้เนื้อตัวที่สะอาด

*********

ท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ ได้เปรียบเทียบบุญไว้ 3 แบบคือ

  1. อาบน้ำด้วยโคลน  เป็นการทำบุญที่เจือด้วยบาป คราบสกปรก เช่น ฆ่าสัตว์ชีวิต เพื่อทำบุญ มีเลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้ง แถมท้ายด้วยการทะเลาะวิวาท อุปมาดั่งคนอาบน้ำด้วยโคลน ทำอย่างไรก็มีคราบกลิ่นเน่าเหม็นติดตัวอยู่ตลอดเวลา เนื้อตัวก็ไม่สะอาดสักที
  2. อาบน้ำด้วยน้ำหอม  เป็นการทำบุญที่แฝงด้วยการยึดติด ทำบุญแล้วหวังผลในสวรรค์ชั้นฟ้า ยึดติดแต่สวรรค์ วิมาน เป็นการทำบุญเพราะเมาดี หลงดี และอวดดี อุปมาดั่งอาบน้ำด้วยน้ำหอมเจือด้วยแป้งอบ อาบเสร็จก็มีกลิ่นติดตัวคละคลุ้ง ก็ยังถือว่าไม่สะอาดอยู่ดี
  3. อาบน้ำสะอาด  คือการทำบุญด้วยใจสงบ ไม่ยึดติดนรก-สวรรค์ ไม่ได้ทำบุญแบบค้ากำไรเกินควร แต่ทำบุญเพื่อสร้างกุศลกรรม อุปมาดั่งอาบน้ำด้วยน้ำสะอาด เมื่ออาบแล้วผู้อาบย่อมสดชื่น เย็นกายสบายตัว...
หมายเลขบันทึก: 403789เขียนเมื่อ 21 ตุลาคม 2010 01:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (28)

ขอบคุณอาจารย์มากค่ะกับสาระดีๆที่นำมาฝากเช้านี้

จะได้รู้ว่าเราควรทำบุญแบบใดจึงจะเหมาะสมที่สุด

ครับคุณครู...

ท่านอาจารย์พุทธทาส ท่านได้แจกแจงการทำบุญไว้...
ให้พวกเราพิจารณาตนเองได้อย่างเข้าใจง่ายๆ ว่า..
เรากำลังทำบุญกันแบบไหน?

ขอบคุณครับIco32

สวัสดีครับท่านอาจารย์ นุ

ทำบุญให้ทานแบบมุสลิม คือการทำบุญที่"มือขวาให้ มือซ้ายไม่รู้"ครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์

วันนี้วันออกพรรษา

ขอบคุณมากค่ะสำหรับความรู้ ข้อคิด หลักธรรมที่นำมาฝาก

ขอบคุณครับ ท่านวอญ่า-ผู้เฒ่าIco32

ลึกซึ้งมากครับ...มือขวาให้ มือซ้ายไม่รู้ 

ธรรมสวัสดีครับ คุณถาวรIco32 

อาจารย์ครับ

    ในวงการผม ที่เห็นมาก คือ  คนที่อาบน้ำหอม ครับ  ประมาณว่าไปปฏิบัติธรรมที่นั่น ที่นี่มา  แล้วก็เอามาเที่ยวคุยว่าตัวเองเก่งเรื่องการปฏิบัติธรรม

ครับ ท่านรองฯIco32

ส่วนใหญ่ คนเกือบทุกวงการ มักจะชอบอาบน้ำหอมกันครับ

ท่านอาจารย์พุทธทาส...ท่านได้ให้สติเราไว้..
ให้พิจารณาว่าเราทำบุญกันแบบไหน จะได้อะไร

และคุณดินป่า จีวัน ก็นำมาถ่ายทอดเป็นบทเพลง
ให้เราได้เข้าถึงธรรม..ของอาจารย์พุทธทาสได้อย่างง่ายๆ สบายๆ

ขอบคุณครับ


ขอบคุณอาจารย์มากครับ สำหรับเรื่องบุญ สบายดีนะครับ ไปทำบุญที่ไหนมาบ้างครับ

สวัสดีครับ อาจารย์Ico32

สบายดีครับอาจารย์
วันออกพรรษา..มีโอกาสพาครอบครัวไปทำบุญที่...เสถียรธรรมสถานครับ
ขอบคุณครับ 

  • สวัสดีครับ
  • แวะมาเยี่ยมเยียน
  • ขอบคุณบันทึกดีๆ ที่มีมาแบ่งปันครับ
  • บันทึกดีดีนี้เป็นสิ่งเตือนสติได้อย่างดี
  • ขอบพระคุณยิ่ง

ขอบคุณครับ คุณสิงห์ป่าสักIco32

ที่แวะมาเยี่ยมชมครับ..

ยินดีครับ คุณอุ้มบุญIco32

ท่านอาจารย์พุทธทาสทิ้งมรดกทางธรรมไว้...
เตือนใจพวกเรา..ได้อย่างชัดเจน ครบถ้วน ทุกกระบวนความจริง..เลยครับ

ขอบคุณครับ

เจริญพร โยม อ.นุ

บางคนเมาบุญ บ้าบุญกันโยมอาจารย์

เจริญพร

สาธุ..กราบนมัสการพระคุณเจ้าIco32ครับ

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณสำหรับบันทึกดีดีค่ะ สาธุ สาธุ

ด้วยความยินดีครับ คุณกอหญ้าIco32

ขอบคุณครับ

บันทึกนี้ดีมากๆ ครับ ขอบคุณนะครับ อ.นุ

ไม่ค่อยได้ไปว้ดแต่ชอบทำทานให้ผู้อื่นซะเป็นส่วนใหญ่

ขอบคุณที่แบ่งปันบันทึกดีดีให้อ่านค่ะ

สวัสดีค่ะ ขอชื่นชมอาจารย์ค่ะ

และบุญก็มี 3 แบบถึงจะเรียกว่าบุญครับ (เอามาจากหลวงพ่อพุทธทาสเหมือนกัน)

ทาน ศีล และสมาธิภาวนา เมื่อทำครบ 3 อย่างนี้ถึงจะเรียกได้ว่าบุญ หรือ ปุญฺญ เครื่องชำระจิตใจให้หมดจด

แต่ในปัจจุบันไปวัดไหนก็กลายเป็นบุญคือการบริจาคทาน ยิ่งทานเยอะได้บุญเยอะ แต่เราก็ไม่รู้ว่าที่บริจาคเยอะ ๆ นี่ไปไหนหมด กลายเป็นวัตถุสิ่งของไปเสียสิ้น

อยากให้มีคนสนใจเยอะ ๆ ครับ ขอบคุณมากที่ช่วยหาสิ่งดี ๆ มากระตุ้นเตือนกันครับ

ขออนุโมทนาและขอบคุณ คุณโยธินินIco48 เช่นกันครับ

การทำบุญที่แท้จริงนั้น...พระพุทธองค์ทรงสอนว่า..
ยิ่งทำ ยิ่งให้ ยิ่งช่วยให้ละตัวตน ช่วยให้ละกิเลส (ความโลภ ความหลง)

ทำดี ดี  ไม่ใช่ ทำดี เพื่อหวังจะได้ดี หรือยิ่งติดดี...

แต่ปัจจุบัน เป็นอย่างที่ท่านอาจารย์พุทธทาสสอนไว้
คนไทยส่วนใหญ่จะทำบุญแบบแฝงด้วยการยึดติด (โดยไม่รู้ตัว)

ทำบุญแล้วหวังผลในสวรรค์ชั้นฟ้า ยึดติดแต่สวรรค์วิมาน 
อุปมาดั่งการอาบน้ำที่เจือด้วยน้ำหอมแป้งอบ
อาบเสร็จก็มีกลิ่นติดตัวคละคลุ้ง...  

ขอบคุณครับ...

แวะมาทักทายค่ะ..อาจารย์

ขอบคุณสำหรับคำสอนดีๆค่ะ

มีอาจารย์ดี ลูกศิษย์ ต้องดีตามแน่นอนค่ะ

ขอบคุณครับ คุณอรปภาIco48

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท