ชีวิตคนทุกคนเกิดมาแล้ว...ดำรงชีวิตในสังคมและตั้งเป้าหมายในชีวิตว่าจะทำอะไร... จะเป็นอะไร... มีเป้าหมายในชีวิตและก็ทำตามที่เราหวังเอาไว้ โดยอาจกำหนดเวลาในการก้าวไปสู่เป้าหมายนั้นๆ ได้ การกระทำอาจได้ตามที่หวังไว้หรืออาจไม่ได้ตามที่เราหวังไว้ก็ตาม...ก็ยังกล่าวได้ว่าเรายังล่วงรู้ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถล่วงรู้และกำหนดเวลาให้เกิดขึ้นตามที่หวังไว้ได้เลยว่า... ก็คือ...ความตาย... มนุษย์ทุกคนเกิดมาแล้วล้วนต้องตายไม่มีใครเป็น...อมตะ...
หลายครั้งที่เราต้องสูญเสียญาติสนิทมิตรสหายไปโดยไม่มีทางหวนกลับคืนมาอีก ทำให้เราต่างรู้สึกเสียใจและอาลัยเป็นอย่างยิ่ง ดิฉันคิดว่าทุกท่านก็คงเป็นเช่นเดียวกัน การสูญเสียแต่ละครั้งนอกจากจะนำมาซึ่งความเสียใจแล้ว บางครั้งยังมีส่วนที่เป็นความทุกตามมามากมาย ทั้งภาระหน้าที่ หนี้สิน และอื่นๆ.....อีกมากนัก...ครั้งนี้ก็เป็นการสูญเสียครั้งหนึ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจของดิฉันมาก เนื่องจากดิฉันต้องมาสูญเสียบุคคลที่ดิฉันนับถือไปอีกท่านหนึ่ง
ขอเล่าความเป็นมานิดหนึ่งค่ะ ดิฉันเองประสบการณ์ทำงานยังน้อยมาก ผันตัวเองจากนักศึกษาวิทยาศาสตร์ทางทะเล ที่จบมาทำงานวิจัยอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นก็กลับมาอยู่บ้าน ออกเร่ร่อนหางานทำในกรุงเทพจนได้งานตามที่หวังไว้ แต่พบว่ามันไม่ใช่สำหรับตัวเอง จึงหันหลังให้กับสิ่งเหล่านั้นแล้วกลับมายังบ้านเกิด ลองหันหน้าเข้าทำงานในสถานศึกษาตามคำแนะนำของผู้ใหญ่หลายท่าน พบว่าในโรงเรียนไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่ตัวเองคิด มีอะไรที่เราคาดไม่ถึงทำไห้เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย ทำงานอาชีพนี้มาได้ปีกว่าแล้ว ถ้านับตามเวลาที่ทำงานก็เป็น 1 ปีการศึกษา ด้วยภาระหน้าที่เจ้าหน้าที่ธุรการโรงเรียน รับผิดชอบงาน 2 โรงเรียน 2 ระดับ ทั้งโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ทำให้เรียนรู้ได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน ไม่ทันได้เปิดเทอมใหม่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 ก็ต้องพบกับการสูญเสียคนสำคัญไปคนหนึ่ง ท่านเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมที่ดิฉันทำงานอยู่ ตลอดเวลาที่ทำงานกับท่านได้อะไรจากท่าหลายอย่าง แม้นบางครั้งดิฉันอาจไม่เข้าใจในคำพูดหรือการกระทำของท่าน แต่เมื่อนำคำเหล่านั้นกลับมาคิดก็จะพบว่าท่านต้องการสื่อถึงอะไร...ซึ่งเรามักคาดไม่ถึงเสมอ...และเป็นสิ่งที่สำคัญ
ที่นำเรื่องนี้มาเล่าให้ทุกท่านฟัง...ไม่ใช่เป็นการระบายความเครียด..ไร้สาระ..แต่อย่างใดหรอกนะค่ะ แต่มีสิ่งหนึ่งที่อยากถ่ายทอดจากท่านผู้ล่วงลับแล้วและไม่มีทางหวนกลับมา ท่านเคยย้ำไว้เสมอและพูดกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาทุกคนที่โรงเรียน ว่า "การทำงานต้องทำให้เต็มที่ ทุ่มเทกับงาน แม้นว่าบางครั้งงานที่เราได้รับมอบหมายมาเราอาจไม่เคยทำมาก่อน แต่มันก็ไม่ยากเกินการเรียนรู้ของเราหรอก ถ้าทำไม่ได้ก็ถามซิ ถูกนายด่าบ้างเป็นเรื่องปกติ อย่าทำงานเพื่อเอาหน้า ทำดีเข้าไว้ซักวันก็ต้องมีคนเห็นความดี การทำดีจะทำให้เราได้ดีในที่สุด" เป็นข้อคิดที่ดีมากและจำติดใจมาจนถึงทุกวันนี้
ดิฉันคิดว่าคนเราแม้นเกิดมาครั้งหนึ่งต้องตายลง...หากไม่ได้ทำอะไรให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นเลย เมื่อตายไปเค้าเอาไปเผาไฟเป็นควันลอยขึ้นฟ้าอย่างเดียว และก็ถูกลบไปจากโลกนี้ตลอดกาล แต่ถ้าหากบุคคลผู้นั้นตลอดชีวิตทำในสิ่งที่ดี เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น แม้นตายไปแล้วความดีงามที่ทำไว้ก็ยังคงอยู่ และยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำของทุกคน ...ตายไปแต่ตัว...แต่ความดีงามที่ทำไว้ยังคงอยู่เป็นอมตะไปตลอดกาล..
ฝากบทกลอนที่ท่านชื่นชอบเพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่ท่าน
วาทะพุทธทาส
สวัสดีครับคุณ จันทร์ แห่งกระบี่
นำวาทีท่านพุทธทาส มาเตือนใจ
อมตะวาจาที่ยิ่งใหญ่
สอนคนไทยไม่ให้หลงในดงอบาย....
(คนพัทลุงโดยภรรยา คนพังงาโดยกำเหนิด)ยินดีลปรร.ครับครู
อนิจจัง ทุกสิ่งมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย
แต่ความดีจะยั่งยืนเป็นนิรันดร์ ครับ
ดีจ้า...
เข้าใจ..หัวอกเดียวกัน..สู้..สู้..นะจ๊ะ
จะเก็บเอาสิ่งเหล่านี้ไปเป็นเครื่องเตือนสติเช่นกัน..
ขอบคุณทุกท่านค่ะ.....ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น