ในยามที่ฝนยังไม่รู้เบื่อที่จะสาดสายเป็นระยะๆ ผมเองก็ไม่รู้เบื่อที่จะเดินทาง เพราะการเดินทางคือการเติมเต็มกำลังใจให้กับตัวเอง
ในทุกครั้งของการเดินทาง หากไม่นับหัวใจอันเสรีของตัวเองแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือหนังสือและกล้องถ่ายรูป โดยเฉพาะอย่างหลังนั้น สารภาพว่าขาดไม่ได้จริงๆ ส่วนหนังสือนั้น หากบังเอิญไม่สามารถฉวยหยิบติดมือไปด้วย ก็ยังพอได้แวะจับจ่ายซื้อหาในร้านหนังสือระหว่างการสัญจรได้บ้าง
หลายต่อหลายครั้งของการเดินทาง ผมมักหลบเร้นไปคนเดียว รวมถึงการเลือกที่จะขับรถไปเอง เพราะมันทำให้เรารู้สึกได้ว่า เราเป็นนายของตัวเอง พร้อมๆ กับการทึกทักเอาเองว่าตัวเองก็เป็นนายของกาลเวลาไปด้วยเหมือนกัน อยากแวะตรงไหนก็แวะได้ อยากจอดข้างทางเพื่อนั่งดูดอกหญ้าและทุ่งนา ก็สามารถทำได้อย่างเสรี โดยไม่ต้องพะวงว่าจะเร่งรีบ หรือเกรงใจเพื่อนร่วมทาง ...
แปลกอยู่เหมือนกัน ผมเป็นคนแผ่นดินที่ราบสูงที่ไม่ได้หลงรักทะเลเอาซะเลย ตรงกันข้าม กลับหลงรักภูเขาและแม่น้ำอย่างจับจิตจับใจ ผมไม่รู้หรอกว่าเพราะเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น ทั้งที่สังคมรอบข้าง กลับหลงรักทะเลอย่างไม่รู้จบ
ไม่รู้สิ, ผมชอบใช้เวลาอยู่กับภูเขา สายน้ำ หรือแม้แต่ท้องทุ่งหลากฤดู เพราะมันช่วยให้ผมได้ยินเสียงของกายและใจตัวเองอย่างชัดถ้อยชัดคำ บางครั้งโชคดีหน่อยก็มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าของพื้นที่เหล่านั้นอย่างเป็นสุข แน่ล่ะ ทุกที่มีเรื่องเล่าเสมอ และชีวิตของคนเราก็เติบโตมาจากเรื่องเล่าด้วยกันทั้งนั้น และนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมเชื่อและศรัทธาเสมอมา
ระยะหลัง ผมเริ่มสนใจหนังสือประเภทความเรียงและสารคดีมากขึ้นทุกขณะ ชอบดูภาพและเรื่องราวที่โลดแล่นอยู่ในกระดาษแต่ละแผ่น ภาพและตัวหนังสือคือสิ่งมหัศจรรย์สำหรับผม บ่อยครั้งอดอิจฉาเจ้าของภาพและเจ้าของเรื่องราวในหนังสือไม่ได้ จนแอบฝันคนเดียวบ้าๆ บอๆ ว่าสักวันหนึ่งเราก็อยากเป็นเช่นนั้นบ้าง
ปลายฝนต้นหนาวดูเหมือนเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ทุกขณะ ปีนี้ฝนอาจดูล่าช้าไปมาก ทำให้สีสันของท้องทุ่งเลื่อนไหลไปโดยปริยาย กระนั้น ผมก็ยังมองว่าไม่ว่าเร็วหรือช้าธรรมชาติก็งดงามและมีสีสันเสมอ..
คล้ายกับผมกำลังเรียนรู้จากธรรมชาติว่า ชีวิตของคนเราก็มีฤดูกาลของมันเอง ชีวิตมีครรลองของมันเอง ในความเหงาก็เป็นสีสันของชีวิต ในความสุขก็เป็นสีสันของชีวิต สำคัญอยู่ที่ว่า เราเข้มแข็งที่จะรอคอยในแต่ละฤดูกาลสักกี่มากน้อย หรือเราเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตในแต่ละฤดูกาลอย่างไร !
....
25-26 สิงหา 53
พิษณุโลก-สุโขทัย
คุณพนัสครับ
ผมเองก็มีชีวิตที่โลดเเล่นไม่หยุดเลย เเละเดินทางไปในทุกที่ เสียดายเหมือนกันครับหากว่า การเดินทางของผมนั้นไม่ได้บันทึกเอาไว้
ผมคิดเสมอว่า การเดินทางน่าจะเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับคนอื่นๆด้วย ดังนั้น การบันทึก จารจำเรื่องราวดีๆ ก็น่าจะเป็นอีกภารกิจหนึ่งของผม เเต่ช่วงหลังก็ทำได้น้อยลงมากครับ
คุณพนัสครับ ขอโทรกลับมาหาผมด้วยครับ..
ความงามและการเห็นคุณค่าของสรรพสิ่ง เป็นสิ่งที่ประจักษ์ให้โลกเห็นว่าเราเข้าใจความหมายของเสี่ยวชีวิตอันงดงาม..
ขอบคุณนะครับ พี่ที่ มมส.
สวัสดีครับ คุณเอกจตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
ตอนนี้มีหลายเรื่องตกค้าง ผมไม่มีเวลา ไม่มีพลัง หรือจังหวะพอที่จะขีดๆ เขียนๆ ได้เลย สิ่งเหล่านี้มันคือเรื่องราวการใช้ชีวิตของตัวเอง ซึ่งถ้าไม่คิดว่าจะมีประโยชน์กับใครๆ แล้ว ผมก็สรุปเองว่า อย่างน้อยก็บันทึกเรื่องราวตัวเองไว้ให้ลูกๆ ได้อ่าน เผื่อบางที เขาอาจได้อะไรจากภาพและถ้อยคำของเราบ้าง..กระมัง
...
คิดถึง และเป็นกำลังใจให้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง นะครับ
สวัสดีครับ คุณราชิต สุพร
ตกลง ยังไม่แน่ใจนักว่าเราเคยได้พบเจอกันมาบ้างหรือยัง...
สักวัน คงได้เจอตัวจริงกันกระมัง ครับ..
การพบและพราก คือ ความงดงามของชีวิต..
ขอบคุณครับ
+ สวัสดีค่ะ...
+ ปิดเทอมนี้เด็ก ๆ ทั้งสองคงเรียนรู้ชีวิตกันหนุกหนาน...ฝากความคิดถึงด้วยค่ะ
+ โดนส่วนตัว ชอบทั้งภูเขา แม่น้ำ และทะเลค่ะ...
+ ภาพเช่นนี้แถวบ้านเคยมีในอดีตที่ตนเองยังเยาว์ค่ะ...
+ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วค่ะ...มีแต่สวนยางขึ้นแทนค่ะ...เปลี่ยนทุ่งนาเป็นป่ายาง(ยางพารา)ค่ะ
+ ตอนสอนที่ปัตตานี...ทุกปีต้องนำเด็กไปดำนา พอถึงฤดูเก็บเกี่ยวก็พาไปเกี่ยวข้าวที่ดำนี้แหละค่ะ...ยังจำตอนที่เด็กๆ เกลือกกลิ้งในขี้โคลนได้เลยค่ะ
สำคัญอยู่ที่ว่า เราเข้มแข็งที่จะรอคอยในแต่ละฤดูกาลสักกี่มากน้อย หรือเราเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตในแต่ละฤดูกาลอย่างไร !
+ ขอบคุณมากค่ะ
+ ยังหาไฟล์ภาพที่เด็ก ๆ เล่นขี้โคลนไม่เจอค่ะ...เอามาแจมเท่านี้ก่อนนนะค่ะ
สวัสดีค่ะ...
แวะมาชมความงามและสีสันแห่งท้องทุ่งค่ะ...
การเดินทาง ไม่ว่าครั้งใด ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เสมอ ทั้งเรื่องของโลกภายนอกและโลกภายในใจเราเอง
ฤดูกาลของชีวิตยังคงหมุนเวียนไปตามครรลอง สีสันของชีวิตมีอยู่มากมาย เรามีอิสระที่จะเลือกนำสีใดมาแต่งแต้มให้กับชีวิต
ขอบคุณนะคะ ^v^
สวัสดีค่ะ...อ.แผ่นดิน
*** แวะมาชมความงามของท้องทุ่งนาที่มองมิรู้เบื่อ ชอบเหมือนอ.แผ่นดิน
*** ทะเลลมแรง ดูอ้างว้าง เหยียบทรายก็ไม่สบายเท้า ไม่ชอบกลิ่นอายของทะเล
*** ชอบบึงข้างๆทุ่งนา แมงปอและดอกหญ้า...ที่หวังว่าจะได้เห็นในบันทึกนี้อีกนะคะ
ท้องนาคือความอยู่รอดของประเทศเรา
อดีตที่เคยร่ำเรียนมาเป็นเช่นนั้น
แต่ปัจจุบันกำลังห่างหายไปทีละหลายร้อยไร่
ชาวนาหนีความลำบากเพราะรัฐไม่เหลียวแลอิย่างจริงใจหรือไร
หรือ......................
เป็นเรื่องที่น่าเรียนรู้
พี่อยากทำนาเป็นนะ....บางทีเราอาจได้สัจธรรรมด้วยตัวเราเอง
ไม่ใช่จากตำรา หรืออื่นใด...ถ้าเป็นไปได้ช่วยเขียนเรื่องราว
เกี่ยวกับท้องนาให้อ่านด้วยนะคะ หนาวนี้พี่เองก็จะพยายามเรียนรู้เรื่องนาเกลือ
จะได้มาแลกเปลี่ยนกับนาข้าว
ชอบวิวท้องนาที่เขียวขจีแบบนี้มากๆค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะ..ฤดูกาลและสีสันของชีวิต ผันแปรไม่หยุดนิ่ง..ทิ้งไว้แต่ความทรงจำ... กงล้อแห่งกาลเวลา ยังคงขับเคลื่อนไปข้างหน้า สู่จุดหมายปลายทางที่หวังไว้นะคะ..
สวัสดีคะ อาจารย์แผ่นดิน ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมทักทายพี่สุนะคะ คิดถึงเสมอคะ เรื่องการเลี้ยงหลานก็ดูแลเหมือนเลี้ยงลูก อดหลับอดนอน ให้นม เหมือนแม่ทั่วไปคะ ก็สละเวลาตั้งใจที่จะยอมรับความลำบากแล้ว ก็ต้องทน ไม่ใช่ทนหรอกคะ ถือว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำ เลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้เกิดมา ได้รับความอบอุ่น ไม่น้อยหน้าเด็กทั่วไป เลี้ยงแต่แรกเกิด ตอนนี้ก็ย่างเข้าเดือนที่ 10 แล้วคะ กำลังจะหัดตั้งไข่ เลี้ยงด้วยนมกล่อง ป่านนี้ฟันยังไม่ขึ้นเลยคะ แคลเซี่ยมไม่มี
-เป็นจริงคะโลกของเด็ก เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เราก็นั่งดูอยู่ใกล้ๆ คอยดูความเปลี่ยนแปลงการพัฒนา การเจริญเติบโตแม้จะยากลำบาก ก็ยิ้มสู้คะลูกๆๆหลานๆๆ
-วันนี้มาดู คนชอบธรรมชาติและชอบเป็นนายตนเอง มีความอิสระในความรู้สึก ตัวตน การเดินทาง ดูภาพแล้วก็โล่งใจ สบายใจ เหมือนภาพท้องทุ่ง ที่สวยงาม และโล่งสุดลูกหูลูกตา ไร้สิ่งมาขวางกั้นความรู้สึกสบายๆๆๆของวันที่ให้อิสระตนเองคะ สบายตา สบายใจ สบายความรู้สึกคะ
-ฝีมือภาพถ่ายเยี่ยมมากเลยคะ ท้องทุ่งนากว้างใหญ่ มีต้นตาล ขึ้นเต็มไปหมด แล้วยังสามารถเก็บภาพกลุ่มต้นตาล ที่สูงเทียมภูเขาข้างหน้า ดอกหญ้า ที่โดดเด่น ชูดอกโดดๆๆ เหมือนอิสระจริงๆๆ และดอกหางนกยูงสีชมพู พี่สุเคยเห็นแต่สีแสด สีชมพูสวยดีนะคะ
-สมัยเป็นเด็ก พี่สุก็ชอบอ่านหนังสือมากเข้าห้องสมุดประจำ แต่พอโตมาก็ว่างเว้น มาเล่นแต่คอมนี่แหละคะ
-อาจารย์แผ่นดินสมแล้วคะ ที่เป็นหนอนหนังสือ ชอบอ่าน จดจำ แอบอิจฉาเขา ไม่ต้องอิจฉาหรอกคะ สำนวนอาจารย์สุดยอดเช่นกันคะ
-เรื่องฝน มาช้ามาล่า ก็จริง แต่ยามมา นำน้ำท่วมแจกพี่น้องเราไปหลายจังหวัด แต่ก็ยังดี ที่มันยังมา ดีกว่าให้ชาวเกษตรกรส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะชาวอีสาน ไม่ได้ดำนาคะ ก็ยังดีที่มันทำหน้าที่หมุนเวียนไปตามฤดูกาลอยู่ เหมือนคนแหละคะ หน้าที่ต้องรับผิดชอบตนเอง ยากลำบากก็ต้องทำหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปตามครรลองชีวิตเช่นกันคะ
-วันนี้ อากาศที่บ้านเย็นคะ ครึ้มๆๆฝน ตกพอปรอยๆๆ เหมือนจะเตือนว่าฤดูหนาวใกล้จะมาเยือนแล้วนะ เราจะต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
-คนเขียนบท เขียนน้อยๆๆโดนใจผู้อ่าน แต่ พี่สุเม้นท์อ่านแล้วเขียนยาวกว่าผู้เขียนอีก มันเป็นนิสัย ของการพิมพ์เร็วไปพร้อมกับความคิดคะ มันลื่นไหลไป ถ้าหยุดชะงัก ก็สะดุดความคิดคะ คงจะเข้าที่พี่สุพูดนะคะ พี่สุเป็นคนพิมพ์เร็วพร้อมๆๆกับความคิดคะ คิดอะไรก็พิมพ์ออกมาทันทีคะ เหมือนนิสัยนักเขียนไหมคะ แต่ไม่คิดจะเป็นนักเขียนแบบอาจารย์นะคะ
-ไปหละคะ ความรู้สึกอิสระ เหงาๆๆ บ้างๆแต่สบาย ๆๆๆใช่ไหมคะ
-ชอบมากเลยภาพท้องทุ่งนา วิถีชีวิตแบบไทยๆๆคะ
ชอบใจจังกับคำว่า....ความเหงาก็เป็นสีสันของชีวิตได้..
คงถูกใจและโดนใจกับใครหลายคนที่ขี้เหงาและชอบบ่นว่า เหงาๆๆๆๆ
เราสามารถแต่งแต้มให้ชีวิตของเราเป็นแบบไหนหรือสีไหนก็ได้
ธรรมชาติจะช่วยกล่อมเกลาให้มันลงตัวเอง....
สวัสดีค่ะ แวะมาเยี่ยมค่ะ
นานแล้วนะค่ะที่ไม่ได้ทักทายกัน
ทุกคนใฝ่หาชีวิตที่สงบ สุข ขอให้ความสุขนะค่ะ
เห็นท้องทุ่งแล้วอยากเดินทางบ้าง เดินทางไปไหนก็ได้ที่มีความสุข การเดินทงคือการเรียนรู้ครับ
เห็นท้องทุ่งแล้วอยากเดินทางบ้าง เดินทางไปไหนก็ได้ที่มีความสุข การเดินทงคือการเรียนรู้ครับ
...สวัสดีค่ะ..คุณแผ่นดินกับสีสรรค์ของธรรมชาติและ..ความฝันไฝ่สรรค์สร้าง..สีสันความสุขในชีวิตแม้จะเหงาบ้าง(ก็คงบางครั้ง..ดอกนะคะ)...ยายธีค่ะ
ชีวิตมีครรลองของมันเอง ในความเหงาก็เป็นสีสันของชีวิต ในความสุขก็เป็นสีสันของชีวิต สำคัญอยู่ที่ว่า เราเข้มแข็งที่จะรอคอยในแต่ละฤดูกาลสักกี่มากน้อย หรือเราเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตในแต่ละฤดูกาลอย่างไร !
ชื่นชอบค่ะ ขอบคุณที่นำข้อคิดเตือนใจมาฝากค่ะ
สวัสดีครับท่านอาจารย์ แผ่นดิน
สีสันต์รรมชาติ ความงามในวิถีบันทึกเรื่องราวตามรอยเท้า
อีกร้อยปีข้างหน้าอาจไม่มีให้เห็น
เหมือนทะเลสาบหน้าบ้านผม
อีกร้อยปีข้างหน้าคำว่าเลสาบคงหายไปในพัทลุง
มีลางบอกเหตุให้กังวล ทรัพยากร
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์
ได้ชมภาพท้องนาและภาพตอนที่กำลังปักดำนาทำให้นึกถึงตอนเด็ก ๆ ที่ดิฉันเคยช่วยคุณตาปักดำแต่พอสักพักต้นข้าวก็ลอยตามหลังขึ้นมาค่ะคุณตาบอกว่าพอแล้วต้นข้าวหักเสียหายหมดแล้ว แต่ดิฉันก็ไม่หยุดนะคะแล้วก็ถามคุณตาว่าจะต้องทำยังไงคะต้นข้าวถึงจะไม่ลอยคุณตาก็บอกว่าเวลาจับต้นข้าวรากต้องให้เสมอกันแล้วปักลงไปให้ถึงโคลนจนแน่ใจว่าแน่นแล้วถึงยกมือขึ้น สรุปดิฉันทำสำเร็จค่ะอาจารย์และคุณตาก็ยอมให้ช่วยต่อไปค่ะ
สวัสดีค่ะ อ.แผ่นดิน
ทุกครั้งที่เข้าบล็อก และอยากเห็นสีสันธรรมชาติที่หาดูยาก จะมาอ่านบล็อก อ.แผ่นดินเสมอค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ
อ่านบันทึกของอาจารย์แผ่นดิน คารมคมคาย แต่หนักหน่วง ตอกย้ำ
ความรู้สึกรักและหวงแหนแผ่นดินเกิด มองเห็นความงามได้แม้กระทั่งดอกหญ้า...
ชอบเขียนหนังสือก็เขียนเลยค่ะ เอาลงบันทึกแล้ว Krudala จะเป็นแฟนคลับคน
แรกเลยค่ะ
ฝากภาพแห่งความสุขในเวอร์ชั่น Krudala ค่ะ