รองศาสตราจารย์ศิริพงศ์ พยอมแย้ม เป็นอาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ท่านเป็นผู้ร่วมบุกเบิกสาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษาขึ้นที่คณะศึกษาศาสตร์ รวมทั้งเคยดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าภาควิชาและเป็นคณบดี คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งนอกจากท่านจะเป็นผู้ที่ทำให้ความเป็นสาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา ของมหาวิทยาลัยศิลปากร มีความเป็นเอกลักษณ์และเพิ่มความแตกต่างหลากหลายให้กับสาขาวิชาชีพดังกล่าวซึ่งมีอยู่มากกว่า ๒๐ แห่งในมหาวิทยาลัยต่างๆของประเทศแล้ว ท่านเป็นนักการศึกษาและครูสร้างคนที่มีบทบาทมากท่านหนึ่งของวงการเทคโน
ผมได้เรียนรู้การทำงานเหมือนเป็นลูกศิษย์นอกห้องเรียนของอาจารย์มาอย่างยาวนานมากกว่า ๒๐ ปี เมื่อครั้งที่ท่านเป็นคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ผมเป็นหัวหน้าฝ่ายเผยแพร่และพัฒนาสื่อสาธารณสุข ของสถาบันพัฒนาการสาธารณสุขอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดลและอยากได้อาจารย์นักวิชาการด้านสื่อและเทคโนโลยีการศึกษามาเป็นกรรมการวิชาการให้กับมหาวิทยาลัย ทั้งการประกวดสื่อสุขภาพ การจัดเวทีประชุมวิชาการด้านสื่อของมหาวิทยาลัย ซึ่งผมและหมู่เพื่อนชาวมหิดลได้ร่วมกันริเริ่มและจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นเวทีส่งเสริมการพัฒนางานทางด้านนี้ให้มีส่วนร่วมในการทำงานสุขภาพระดับเข้าถึงวิถีชีวิตประชาชนได้มากยิ่งๆขึ้น
อาจารย์ รวมทั้งอีกหลายท่าน เช่น รองศาสตราจารย์ ดร.ประศักดิ์ หอมสนิท นายกสมาคมนักฝึกอบรมแห่งประเทศไทยและอาจารย์เทคโนจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์พูน เกษจำรัส ศิลปินแห่งชาติ อดีตครูของคนเพาะช่าง วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ และนายกสมาคมนักถ่ายภาพสมัครเล่นแแห่งประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิวัฒน์ กุลจันทร์ ครูเพาะช่างและอดีตนายกสมาคมนักถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ได้มาช่วยเป็นกำลังวิชาการ ทำให้ได้ประสบการณ์กับความเป็นมืออาชีพแถวหน้าของประเทศ รวมทั้งเป็นกำลังสติปัญญาให้แก่มหาวิทยาลัยมหิดลและที่ทำงานเดิมของผม อันได้แก่สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน ทำให้งานด้านสื่อทางด้านสุขภาพมีเวทีพัฒนางานให้มีบทบาทส่งเสริมสนับสนุนงานพัฒนาสุขภาพและงานในสาขาอื่นๆอย่างแพร่หลาย
คนในวงการทำสื่อเฉพาะกิจของประเทศที่ประสบความสำเร็จ รวมทั้งผู้นำการพัฒนาในสาขาอื่นๆที่มีทักษะบูรณาการด้านสื่อ เช่น แพทย์ นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย ครูอาจารย์ จำนวนไม่น้อยที่ได้ค้นพบความเป็นเลิศในตนเองอีกด้านหนึ่งจากเวทีดังกล่าวนี้ ซึ่งกล่าวได้ว่า อาจารย์ร่วมเป็นผู้บุกเบิกและร่วมเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จที่เกิดขึ้น ที่พวกเราตัวเล็กๆได้พยายามเดินข้ามมหาวิทยาลัยและบุกเบิกการทำงานในส่วนเสี้ยวเล็กๆให้แก่สังคมระดับประเทศดังกล่าว ขึ้นมาด้วยกัน
อาจารย์ทำให้ผมได้มีโอกาสร่วมงานและได้ใช้วิชาความรู้ในทุกสาขาที่ได้ร่ำเรียนมาให้กับนักเทคโนโลยีการศึกษาซึ่งเป็นกลุ่มคนอีกสาขาหนึ่งที่ผมเห็นความสำคัญ ทั้งทางด้านศิลปะ สื่อและเทคโนโลยีการศึกษา รวมทั้งทางประชากรศึกษาและสังคม ตลอดจนประสบการณ์จากการวิจัยและการทำงานสังคมหลายวาระ ได้ไปสอน ประชุมวิชาการ ดูแลวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาปริญญาโทและเอกในสาขาเทคโนโลยีการศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งผมกับอาจารย์ รวมทั้ง อาจารย์สมหญิง : รองศาสตราจารย์สมหญิง เจริญจิตรกรรม และ รองศาสตราจารย์ ดร.โยธิน แสวงดี แห่งสถาบันวิจัยประชากรและสังคม คุณหมอ ดร.ถวัลย์ พบลาภ สสจ.นครปฐมและอ่างทอง และนายแพทย์วัฒนา เทียมปฐม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และอีกหลายท่านได้ร่วมกันบุกเบิกสนับสนุนงานวิจัยวิทยานิพนธ์ทางเทคโนโลยีการศึกษาให้ไปเชื่อมโยงกับการทำงานสุขภาพชุมชนและผสมผสานกับงานวิจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งในอนาคตเชื่อว่าจะเปิดมิติใหม่ๆให้กับงานวิจัยทางการศึกษาสาขาเทคโนโลยีการศึกษาในมิติอื่นๆที่ขยายออกจากการเรียนการสอนในห้องเรียนไปสู่การศึกษาเรียนรู้ในชุมชนและในวิถีชีวิต [คลิ๊กดูงานวิทยานิพนธ์สาขาเทคโนโลยีการศึกษาแนวนี้ที่ได้ทุนและได้รางวัล] สามารถก้าวทันเพื่อร่วมมือกับบทบาทของงานสาขาอื่นๆและร่วมกันจัดการความจำเป็นต่างๆได้อย่างทัดเทียมกับความเป็นไปรอบข้างได้มากยิ่งๆขึ้น ผมนั้นมีความดีใจมากยิ่งกว่าการได้ทำงานอย่างทั่วๆไป เนื่องจากเหมือนกับได้ทำหน้าที่ถ่ายทอดบทเรียนหลายอย่างจากพรมแดนอื่นๆให้กับแวดวงวิชาชีพเดียวกัน ร่วมสานความร่วมมือให้พลังจากสาขาวิชาเทคโนฯกับหลากสาขาได้มีช่องทางส่งเสริมเกื้อหนุนกันเพื่อมุ่งสู่จุดหมายทางสังคมได้ดียิ่งๆขึ้น
ผมพอจะกล่าวได้ว่า สำหรับงานของสาขาเทคโนฯมหาวิทยาลัยศิลปากรแล้ว ผมกระตือรือร้นที่จะได้ร่วมทำกับอาจารย์และทีมอาจารย์ทุกอย่าง ทั้งด้วยความเคารพนับถือความเป็นครูด้วยจิตวิญญาณของอาจารย์ที่มีต่อผู้อื่น รวมทั้งชอบความเป็นนักวิชาการศึกษาและนักวิชาการเทคโนโลยีทางการศึกษาที่มุ่งเชื่อมโยงกับสังคมในแนวทางใหม่ๆโดยผสมผสานกับภูมิปัญญาทางสังคม สิ่งแวดล้อม การพัฒนาคุณภาพชีวิต และความเป็นชุมชนด้วย ซึ่งก็เป็นการได้เดินเสริมกำลังให้กับความริเริ่มสิ่งดีแก่สังคมในอีกมิติหนึ่งที่เป็นผลดีต่อภารกิจของมหาวิทยาลัยมหิดลซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครปฐมเช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยศิลปากรไปด้วย วิถีวิชาการอันหนักแน่นและการมุ่งให้เกิดสิ่งดีด้วยวิถีคิดอันกว้างขวางของอาจารย์ เป็นกำลังฝ่าข้ามข้อจำกัดหลายอย่างที่มักเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของโดยทั่วไป
ในส่วนของมหาวิทยาลัยมหิดลนั้น ผมก็ขออาสาเชื่อมโยงและประสานงานกับอาจารย์ รวมทั้งทีมอาจารย์และนักวิจัยของมหาวิทยาลัยศิลปากรที่เป็นทีมอาจารย์ มาร่วมเป็นเครือข่ายการวิจัยในหลายโอกาสกับมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งอาจารย์ อาจารย์สมหญิง และอาจารย์ท่านอื่นๆของสาขาเทคโนฯศิลปากร ก็ได้สะท้อนประสบการณ์ให้ทราบอยู่เสมอว่าทำให้สามารถนำเอาบทเรียนและความเป็นจริงของสังคมหลายอย่างไปพัฒนาการศึกษา พัฒนากิจกรรมการเรียนการสอน รวมทั้งพัฒนาการวิจัยทั้งของกลุ่มอาจารย์และการทำวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา โดยเฉพาะการเกิดเครือข่ายวิทยาการและสามารถเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดมากขึ้นกับการทำงานสุขภาพและมิติอื่นๆที่สืบเนื่องจากการได้ทำวิจัยและเรียนรู้ในพื้นที่ด้วยกัน ซึ่งเชื่อว่าได้เป็นบทเรียนนำร่องที่จะทำให้มีแนวอ้างอิงสำหรับสร้างสรรค์บทบาทงานวิชาการที่บูรณาการกันในแนวทางใหม่ๆอีกแง่มุมหนึ่งของมหาวิทยาลัยมหิดลกับมหาวิทยาลัยศิลปากร ในหมู่คนที่สนใจในอนาคต
ผมจึงไม่เพียงได้ร่วมทำสิ่งดีแก่สังคมกับอาจารย์ไปพอสมควรบ้างเท่านั้น แต่การได้นำเอาสิ่งที่ครูบาอาจารย์ได้ถ่ายทอดและอบรมสั่งสอนมาใช้ทำงานแก่ผู้อื่นได้เกินกว่าที่จะคิดหวังไว้ก่อนเสียอีกดังที่กล่าวมานี้ ก็นับว่าเป็นกำไรชีวิตสถานเดียว อีกทั้งเป็นครั้งหนึ่งที่เหมือนกับได้ปฏิบัติตอบแทนสิ่งที่ตนเองได้รับจากผู้อื่น ทำให้ได้ความปลอดโปร่งใจและมีกำลังชีวิตมากยิ่งๆขึ้นไปด้วยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็เนื่องด้วยอาจารย์นั่นเองที่ทำให้ผมได้มีโอกาสอันดียิ่งนี้
เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง หลังจากที่ผมได้รู้จักและทำงานคลุกคลีอยู่กับอาจารย์มากว่า ๑๕ ปีไปแล้ว ผมจึงเพิ่งจะได้ทราบว่าอาจารย์เป็นคนเรียนทางศิลปะมาก่อน โดยเรียนจบโรงเรียนช่างศิลป์ ก่อนที่จะไปจบบ้านสมเด็จและวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตรในสาขาเทคโนโลยีการศึกษารุ่นแรกๆ อาจารย์ยังคงทำงานต่อเนื่อง อีกทั้งเล่นดนตรีไทย โดยเฉพาะสีซออู้ ซึ่งการพรมนิ้วและลีลาการสบัดโยนเสียงต่อเนื่องจากโน๊ตตัวหนึ่งไปยังอีกตัวหนึ่งอย่างพลิ้วไหวอ่อนโยนนั้นเป็นท่วงทำนองการเล่นของคนที่เล่นจนอยู่มือ ซึ่งบ่งบอกถึงการผสมกลมกลืนอย่างแนบแน่นอยู่กับชีวิตและการงานของอาจารย์ ในมุมการอยู่กับตนเองนั้น อาจารย์หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและไฟชีวิตด้วยพลังศิลปะ
ยิ่งไปกว่านั้น อาจารย์กลับใช่ใครอื่น กลับเป็นเพื่อนกับครูศิลปะที่เพาะช่างของผม คือ ศาสตรเมธีปัญญา เพ็ชรชู หรือที่พวกเราเรียกว่าอาจารย์ปัญญา รวมทั้งวงจรชีวิตของอาจารย์ก็อยู่ในกลุ่มคนของวงการศิลปะแทบจะทุกสาขา ซึ่งเมื่อกล่าวถึงทีไรก็เป็นคนในวงการที่ผมรู้จักอยู่หลายคน ตั้งแต่นั้นมา หากผมได้ไปศิลปากร สิ่งแรกที่ผมมักจะนึกถึงเลยก็คือต้องขอไปไหว้คารวะและนั่งคุยกับอาจารย์ โดยเฉพาะเอารูปเขียน งานหนังสือ และเรื่องราวทางศิลปะ วรรณกรรม วรรณคดี พุทธศิลป์ มานั่งดูและคุยกัน ซึ่งได้ทั้งเห็นความเคลื่อนไหวทางวิชาการ ความรอบรู้ และก่อเกิดอรรถรสในการเสวนาเป็นที่สุด
กระทั่งอาจารย์และผมจะมีธรรมเนียมเยี่ยมเยือนกันอย่างหนึ่งคือ เอาหนังสือหรือผลงานมาแบ่งกันดู อาจารย์ถือหนังสือหรืองานศิลปะดีๆมาฝากผมอยู่เสมอ หรือแม้ไม่ได้เจออาจารย์ แต่เมื่ออาจารย์ได้หนังสือหรือได้ทำงานความคิดออกมาดีๆ อาจารย์ก็ไม่ลืมที่จะนึกถึงและฝากติดมือนักศึกษาหรือคนอื่นๆไปให้ผม อาจารย์มีความเป็นกัลยาณมิตรทางการเรียนรู้และให้ความเมตตาแก่ผู้อื่นอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา ผมเองนั้น เมื่ออยากแบ่งปันเรื่องศิลปะและหนังสือดีๆก็จะต้องถือติดมือไปเป็นเครื่องน้อมคารวะต่ออาจารย์ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร การได้พบอาจารย์แต่ละครั้งจึงเหมือนกับการได้เดินเข้าสู่ชุมชนแห่งการเรียนรู้และแวดวงแห่งการอ่านการศึกษาค้นคว้า โดยเฉพาะด้านพัฒนาการศึกษาและศิลปศึกษา อย่างไม่มีวันหยุดนิ่ง
อาจารย์จะให้เกียรติแก่ผมมาก ท่านมักยกย่องเชิดชูผมให้ลูกศิษย์และคนอื่นๆได้ทราบ ผมนั้น แม้นไม่ได้เป็นลูกศิษย์ลูกหาของอาจารย์โดยตรง แต่ก็เคารพนับถือเสมอเป็นครู พึงให้ความเคารพ ซึ่งด้วยความงดงามและบริสุทธิ์สดใสของอาจารย์ก็เลยทำให้ผมออกตัวไม่ได้เลยสักครั้งเพราะเกรงจะเสียความเคารพ จึงได้กำหนดรู้ในใจไปด้วยเสมอว่าเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งในการแสดงให้ทราบว่าอาจารย์มีทรรศนะต่อความเป็นผู้ที่อาจารย์ชื่นชมยินดีอย่างไร เพื่อที่ผมและคนอื่นๆจะได้พอเห็นแนวปฏิบัติสำหรับพัฒนาตนเองให้เป็นอย่างนั้นได้อยู่เสมอๆ
อาจารย์เป็นครูและเป็นคนทำงานอย่างมีอุดมคติ สุภาพ อ่อนโยน มีความเคร่งครัดและพิถีพิถันอย่างยิ่งในทุกมิติ แม่นยำในทฤษฎี และมีความรอบรู้ในศาสตร์หลายแขนง ทางด้านการศึกษานั้น อาจารย์มีความบูรณาการในตนเองสมกับที่ได้ศึกษาเรียนรู้มาอย่างครบกระบวนท่า ทั้งทางศิลปะ วิชาการศึกษา และเทคโนโลยีการศึกษา รวมทั้งเป็นผู้ศึกษาอบรมและปฏิบัติภาวนาอยู่ในวิถีชีวิต ซึ่งทำให้อาจารย์เหมือนต้นไม่ใหญ่ที่งดงาม กอปรด้วยความเมตตา อ่อนน้อม สุภาพ ละเอียดรอบคอบและเข้มงวดต่อตนเองอย่างเป็นปรกติ ทว่า ผ่อนปรนเพื่อให้โอกาสเรียนรู้และพัฒนาตนเองของผู้อื่น สอนทั้งวิชาความรู้และเป็นแบบอย่างของการทำงานอุทิศตน รวมทั้งเป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิตและวิถีปฏิบัติอย่างงดงามอยู่เสมอต่อผู้อื่น
ผมมักบอกกับน้องๆและเพื่อนร่วมงานของผมอยู่เสมอว่าอาจารย์มีแนวคิดทางวิชาการที่ลึกซึ้งและเป็นคลังประสบการณ์ที่ดีหลายอย่างมาก หากมีโอกาสก็ให้อาสาตนเองทำงานและเรียนรู้ชีวิตจิตใจการทำงานจากอาจารย์ให้ได้มากที่สุด ผมเองก็เช่นกัน ผมอยากได้มีโอกาสทำงานกับอาจารย์เพื่อเป็นหมุดหมายบนทางชีวิตตนเองที่ได้ทำสิ่งดีๆกับคนทำงานวิชาการอันงดงามอย่างอาจารย์ เพื่อเอาไว้คิดถึงตอนแก่และเมื่อทำสิ่งต่างๆไม่ไหวแล้วว่าได้มีโอกาสดีเหลือเกินที่ห้วงหนึ่งของชีวิตได้รู้จักและไม่ได้ผ่านเลยที่จะได้ทำสิ่งดีๆเก็บไว้น้อมรำลึกถึงหลายอย่างกับอาจารย์
ผมได้ไปกราบคารวะและร่วมสอบวิทยานิพนธ์นักศึกษาของอาจารย์ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา ผมได้นำหนังสือติดมือไปฝากอาจารย์เช่นเคย และอาจารย์ก็อีกเช่นกัน ก็นำหนังสือเล่มเล็กๆเล่มหนึ่งมามอบให้ผม แต่คราวนี้อาจารย์บอกว่า หนังสือเล่มนี้อาจารย์เขียนและพิมพ์เป็นเล่มเก็บไว้ ยังไม่เผยแพร่ เป็นหนังสือที่อาจารย์ทำเพื่อเตรียมไว้แจกในวาระการเกษียณอายุราชการ ซึ่งทราบว่าทางมหาวิทยาลัยศิลปากร ตลอดจนลูกศิษย์และคณาจารย์ ได้จัดให้อาจารย์ในวันนี้ วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๓
หลังเกษียณแล้ว อาจารย์ก็จะยังคงเป็นอาจารย์ของหลักสูตรศิลปศึกษา ของมหาวิทยาลัยศิลปากรซึ่งอาจารย์อีกเช่นกันที่มีส่วนในการริเริ่มและบุกเบิกเปิดขึ้นเป็นครั้งแรกในมหาวิทยาลัยศิลปากร ทั้งที่เป็นมหาวิทยาลัยศิลปะแห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดของประเทศ อาจารย์จึงสร้างมรดกทางการศึกษาขั้นสูงให้แก่ประเทศอย่างน้อยก็ ๒ สาขา ความที่อาจารย์เป็นยอดคนและยอดนักสร้างสรรค์ที่กร้าแกร่ง เข้มแข็งในวิชาการและภาวะอุดมคติแห่งตน ทว่า กลับเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตนอย่างที่สุด ผู้คนในวงการศิลปะและในวงการศึกษาก็เลยไม่ใคร่ได้สังเกตว่า อาจารย์ช่างเป็นครู นักศิลปศึกษา และนักการศึกษาที่ยิ่งใหญ่ในวงการคนหนึ่ง มากจริงๆ.
...........................................................................................................................................................................
หมายเหตุ : ขอขอบคุณภาพถ่ายจากอาจารย์ณัฐพัชร์ ทองคำ จาก http://gotoknow.org/journals/nattapach/entries/70227 เป็นอย่างมากครับ
ตะกี้เห็นในอนุทินของ อาจารย์ณัฐพัชร์ ทองคำ อยู่เช่นกันครับ
รู้จักท่านอาจารย์ศิริพงศ์ จากหนังสือด้านเทคโนโลยีการศึกษา
พึ่งทราบว่า เกษียณอายุปีนี้
ขอให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรง เป็นปรมาจารย์ด้านเทคโนโลยีการศึกษาต่อไปนาน ๆ ครับ ;)
สวัสดีครับอาจารย์ Wasawat Deemarn ครับ
สวัสดีค่ะ
เห็นหัวเรื่องบันทึกแล้วสะดุด ก็เลยเข้ามาอ่านค่ะ "เข้มงวดต่อตนเอง ผ่อนปรนต่อสหาย" เป็นคำขวัญที่ใช่เรียกร้องตัวเองของทปท.สมัยโน้น.น ค่ะ
สวัสดีครับคุณครูหลิวครับ
จุลสารน้อยเล่มนี้ เรียบเรียง
หวังเพื่อใช้เทียบเคียง ทิฐิถ้วน
ชำระเหล่าพุทธเพียง แต่เปลือก นอกเฮย
ศาสน์พุทธพิสุทธ์ล้วน เก็จแก้วแววมณี
อัญชลีนบไหว้ ไตรรัตน์
ธรรมะส่องสว่างขจัด กิเลสสิ้น
เป็นบุญที่อุบัติ ในพุทธ ยุคนา
กุศลส่งยามด่าวดิ้น สู่ฟ้าเสวยสวรรค์
ผู้เขียน : รองศาสตราจารย์ศิริพงศ์ พยอมแย้ม
อาจารย์ศิริพงศ์ ได้มอบแก่ศิษย์ทุกคนมาร่วมแสดงมุฑิตาจิตในวันนี้ค่ะ
จิตวิญญานความเป็นครู มีอยู่ทุกลมหายใจ ..
สวัสดีครับอาจารย์ณัฐพัชร์ครับ
โรงเรียนศิลปะลาซาล Lasalle College of Fine Arts อยู่บนถนนข้างที่พักย่าน Selegie ระหว่างเดินทางไปโรงละครวิคตอเรีย พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติของสิงคโปร์ซึ่งเป็นทำเนียบและสภาผู้แทนราษฎรหลังเก่า และอยู่ในบริเวณ Civic District Area กับ Sir Stamford Shaffle Landing ดูเพียงสภาพภายนอกและบรรยากาศภายนอกก็รู้สึกได้ว่าเป็นโรงเรียนศิลปะอย่างเข้ากระดูก
การเปิดโรงเรียนสอนศิลปะในย่าน Selegie มีอยู่เป็นระยะๆทั้งในแนวประเพณี แนวร่วมสมัย และในแนวโมเดิร์นอาร์ต สุดถนนด้านนี้อีกด้านหนึ่ง จะเชื่อมต่อกับถนนซึ่งมีวัดและโบสถ์ของ ๓-๔ ศาสนา รวมทั้งร้านค้าขายศิลปวัตถุ หนังสือ และเครื่องบริภัณฑ์ต่างๆ อยู่บนรายทางเดียวกัน สลับด้วยพิพิธภัณฑ์ โรงเรียนศิลปะ ร้านค้าแบกะดิน ตลอดรายทางของถนน ๒-๓ ล๊อค เรียกว่า Cultural Belt มองกายภาพโดยทั่วไปแล้วคนก็มักบอกว่าสิงคโปร์เป็นเมืองแห่งความเคร่งเครียด และทุกอย่างต้องขับเคลื่อน-หล่อเลี้ยงด้วยเงินมากไปหน่อย ทว่า เมื่อมองพื้นที่หัวใจและการจัดสรรแหล่งการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์แล้ว คึกคักหลากหลาย ตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว
Creatives Economy ที่ผสมผสานงานศิลปะและการท่องเที่ยวเชิงศึกษาเรื่องราวและการเรียนรู้ (Learning and Study Tourism) จัดวางองค์ประกอบชายหาดซึ่งมีอยู่แคบๆ ไม่สวย และไม่น่ามีสิ่งจูงใจสำหรับการไปเยือนท่องเที่ยว แต่การนำเอางานสร้างสรรค์ข้อมูล เทคโนโลยีสื่อ และวิธีการศิลปะ มาจัดวางทะเล ชายหาด และอาณาบริเวณโดยรอบ มาทำให้เป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวเรียนรู้เรื่องราว ใน Theme : Song of the Sea : Singapore Images ทุกอย่างก็กลายเป็นสิ่งดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลไปอยู่ในบรรยากาศที่ให้ประสบการณ์และความประทับใจได้อย่างผสมผสาน เนืองแน่นทุกรอบ ทั้งจากชาวต่างประเทศและคนท้องถิ่น
คนไทยอยู่ในสิงคโปร์เยอะครับ ทั้งไปทำงาน ไปท่องเที่ยว ไปศึกษาเล่าเรียน หากมีลูกศิษย์ลูกหาและหมู่มิตรผู้เคารพนับถือกับอาจารย์อยู่ด้วยก็นับว่านี่ได้เป็นสื่อช่วยให้ทุกท่านได้ทราบและได้ส่งความรำลึกถึงอาจารย์ไปด้วยอีกทางหนึ่งนะครับ.
สวัสดีค่ะ อาจารย์ ดร.วิรัตน์
จากภาพด้านบน บนเวที นั่งจากขวามาซ้าย :
๑) อาจารย์ ดร.อนิรุทธ์ สติมั่น ปัจจุบันท่านเป็นหัวหน้าภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา และ รองคณบดี คณะศึกษาศาสตร์ ค่ะ
๒) รองศาสตรจารย์สมหญิง เจริญจิตรกรรม หัวหน้าภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา ในวาระที่แล้ว ..
๓) รองศาสตราจารย์วนิดา จึงประสิทธิ์ ท่านได้เกษียณอายุราชการไปเมื่อปีที่แล้วแต่ท่านยังกลับมาช่วยดูแลลูกศิษย์ในฐานะอาจารย์พิเศษของภาควิชาเทคโนฯ
๔) ผู้ช่วยศาสตรจารย์ ดร.ฐาปนีย์ ธรรมเมธา นอกจากท่านจะเป็นอาจารย์ประจำของภาควิชาเทคโนฯ เราแล้ว ท่านยังดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการศูนย์คอมพิวเตอร์ ม.ศิลปากร และ ผู้อำนวยการ ของ มหาวิทยาลัยไซเบอร์แห่งประเทศไทย (Thailand Cyber University, TCU) ด้วยค่ะ
๕) รองศาสตราจารย์ประทิน คล้ายนาค ท่านเกษียณอายุราชการไปเมื่อปีที่แล้ว (ท่านเดินทางมาถึงงานเมื่อการปาฐกถาใกล้จะจบ) กำลังมอบของขวัญเพื่อแสดงความยินดีให้กับ ผศ.ดร.ฐาปนีย์ ธรรมเมธา ในฐานะที่อาจารย์ฐาปนีย์ได้เป็นข้าราชการดีเด่นในปีนี้ด้วยคะ ....
ขอร่วมคารวะและชื่นชม รศ.ศิริพงศ์ และคณาจารย์ทุกท่าน ผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติ และขอขอบคุณเรื่องเล่านี้ที่ทำให้ได้ทราบ spirit ที่น่ายกย่องเป็นที่ประทับใจอย่างยิ่งค่ะ..
สวัสดีครับอาจารย์ณัฐพัชร์ครับ
ขอคารวะคุณพี่นงนาทที่เข้ามาร่วมคารวะและชื่นชมท่านอาจารย์ศิริพงศ์ด้วยคนครับ
สวัสดีค่ะ พี่ครูอ้อยเล็ก
ขอทักทายด้วยคนค่ะ
ความรู้สึกที่มีต่อ "ครูพงศ์"
ถ้าใครได้สัมผัสกับท่าน ไม่ว่าจะด้วยทางวาจา หรือแม้แต่บุคลิกการวางตัวของท่าน
จะทราบเลยว่า ท่านเป็นครู จริงๆๆๆ
เพราะด้วยไมตรีอัธยาศรัย การให้ความรู้ การแนะนำ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องส่วนตัว
ล้วนแต่เป็นคำแนะนำที่สร้างสรรค์ให้คนฟังได้คิดตรึกตรอง และพบทางเดินที่มีทางออกเสมอๆๆ
แม้บางครั้งจะมีเรื่องไม่สบายใจ ท่านก็ยินดีที่จะเป็นที่ระบาย รับฟังแล้วค่อยสอดแทรกแนวทางให้
"ครู" ท่านนี้ไม่เคยที่จะหวังสิ่งตอบแทนใดๆ จากศิษย์ หวังเพียงให้ศิษย์ได้ประสบความสำเร็จในการดำรงชีวิตเท่านั้น
หากได้สัมผัสแล้วทุกท่านจะรู้สึกรักและเคารพ "ครู" คนนี้อย่างไม่ต้องมีคำถามในใจ
ศิษย์รุ่น 7 ภาคปกติ
การเป็นสภาพแวดล้อมให้ได้เรียนรู้ชีวิตและเป็นพี่เลี้ยงให้การแนะนำทั้งทางวิชาการ รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาในยามที่ต้องการหาคนที่เป็นหลักใจให้ได้นั้น จัดว่าเป็นด้านของความเป็นครูชีวิต ซึ่งหายากมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆนะครับ เห็นด้วยมากเลยครับว่า 'ครูพงศ์' มีให้แก่ลูกศิษย์อย่างเต็มที่