กฏของรถขนขยะ (The law of the garbage truck)


คนที่จัดว่าประสบความสำเร็จได้คือคนที่สามารถนำอารมณ์ที่ถูกกระทบกระทั่งนั้นให้เข้าสู่สภาวะปกติได้เร็วที่สุด

บ่อยครั้งไหมที่คุณปล่อยให้เรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเข้ามาทำให้อารมณ์สดใสของคุณบูดไปอย่างง่ายดาย บ่อยแค่ไหนที่คุณปล่อยให้อารมณ์โกรธพุ่งพล่านเมื่อคนขับรถที่ไม่มีมรรยาทตัดแซงเข้าในเลนของคุณอย่างกระทันหันในเช้าของวันที่ควรจะสดชื่น บ่อยไหมที่ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันในห้องประชุมกลายเป็นประเด็นการถกเถียงที่ทำให้คุณหัวเสียทั้งวัน กี่ครั้งที่คุณหงุดหงิดกับการรอพนักงานเสริฟมารับออเดอร์เป็นนานสองนานในค่ำคืนที่น่าจะเป็นการทานอาหารค่ำที่สุดแสนจะโรแมนติก

หากคุณไม่ใช่เทอร์มิเนเตอร์ที่สามารถคืนสู่ร่างเดิมได้ทันทีเมื่อร่างนั้นถูกทำให้บุบสลาย คุณอาจต้องใช้เวลานานหน่อยที่อารมณ์เสียนั้นจะคืนสู่สภาพปกติ เดวิด โพเลย์ (David Pollay) นักพูดนักเขียนชื่อดังชาวอเมริกันบอกว่าคนที่จัดว่าประสบความสำเร็จได้คือคนที่สามารถนำอารมณ์ที่ถูกกระทบกระทั่งนั้นให้เข้าสู่สภาวะปกติได้เร็วที่สุด เขาเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง และตั้งชื่อกฏนี้ว่า "กฏของรถขนขยะ"

วันหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว เดวิดขึ้นแทกซี่จากสถานีแกรนด์ เซ็นทรัล ใจกลางเมืองนิวยอร์ก ขณะที่แทกซี่ของเขากำลังวิ่งอยู่บนเลนขวาสุด ทันใดนั้นก็มีรถสีดำคันหนึ่งพุ่งออกมาจากที่จอดรถข้างถนนตัดหน้ารถที่เขานั่งอยู่โดยไม่ดูเลยว่ามีรถคันอื่นวิ่งมาหรือเปล่า คนขับรถแทกซี่รีบเหยียบเบรก หักพวงมาลัยหลบ ทำให้รถทีเขานั่งอยู่เสียหลักเกือบชนรถคันที่อยู่ในเลนถัดไปอย่างเฉียดฉิว เดวิดตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สิ่งทีทำให้เขาตกตะลึงมากขึ้นคือ แทนที่จะได้เห็นท่าทางที่แสดงออกถึงการขอโทษขอโพย ชายคนขับรถสีดำคันนั้นคนที่เกือบทำให้เขาได้รับอุบัติเหตุกลับส่ายหัว ด่าทอคนขับแทกซี่ด้วยสีหน้าและคำพูดที่ฟังแทบไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้นราวกับว่าสีหน้าและคำด่าทอยังถากถางไม่พอเขายังชูนิ้วกลางขึ้นมาให้ดูชมอีก และสิ่งที่ทำให้เดวิดยิ่งตะลึงยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาหันไปมองคนขับแทกซี่ของเขา คนขับแทกซี่กลับยิ้ม โบกมือให้กับชายที่ขับรถสีดำคันนั้นอย่างเป็นมิตร เขาถามคนขับแทกซี่อย่างงงงวยว่า "ทำไมคุณถึงไปโบกมือให้เขาอย่างนั้น เขาเกือบฆ่าเราแล้วเมื่อตะกี้" คนขับแทกซี่ตอบว่า

"คนทั่วไปทำตัวเหมือนรถขนขยะ รถขนขยะวิ่งไปมามีขยะอยู่เต็มรถ เขาเหล่านั้นไปไหนมาไหน แบกความสับสน ความโกรธ ความผิดหวัง อยู่เต็มหัวใจ และหากขยะเหล่านั้นเพิ่มพูนมากขึ้นเขาก็ต้องหาที่ทิ้งขยะ ถ้าเราปล่อยโอกาสให้เขา เขาก็จะทิ้งขยะนั้นไว้ที่เรา ดังนั้นหากมีใครต้องการทิ้งขยะนั้นที่เรา ก็ไม่ควรรับ แค่ยิ้มและบอกว่าขอบคุณครับแต่ผมรับไม่ได้ อวยพรให้เขารู้สึกดีขึ้น ดำเนินชีวิตของเราต่อไป เชื่อเถอะ เราจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะ"

นี่แหละคือที่มาของ กฏของรถขนขยะค่ะ...

เดวิดเริ่มถามตัวเองว่าเขาปล่อยตัวเองให้เป็นที่ทิ้งขยะของคนอื่นบ่อยไหม และเขาเอาขยะเหล่านั้นไปทิ้งให้คนอื่นรอบตัวหรือเปล่า เขาจึงเริ่มเผยแพร่กฎข้อนี้ผ่านทางการพูด การเขียนมากต่อมาก หากสนใจรายละเอียดเกี่ยวกับกฎข้อนี้ ติดตามได้จากเวปไซด์นี้ค่ะ

http://davidjpollay.typepad.com/david_j_pollay/lawofthegarbagetruck.html

เห็นไหมล่ะคะว่าแค่คำพูดของคนขับรถแทกซี่คนหนึ่ง หากคุณเปิดโอกาสให้ตัวเองนำมาไตร่ตรองด้วยปัญญา คุณก็สามารถเปลี่ยนข้อคิดนั้นให้เป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้อย่างที่เดวิสทำอยู่ ทุกวันนี้เขาเขียนหนังสือ เป็นวิทยากร นักพูดที่มีชื่อเสียง ในการสัมมนาเกี่ยวกับการสร้างความสุขในชีวิต ฯลฯ

รอย โบไมสเตอร์ (Roy Baumeister) นักวิจัยทางจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฟลอริด้าสรุปจากงานวิจัยของเขาว่าคนเราจำสิ่งเลวร้ายที่เกิดกับเราได้ดีกว่าสิ่งที่ดีๆ เรามีความสามารถที่จะบันทึกสิ่งที่ไม่ดีลงไปในหน่วยความจำมากกว่าเรื่องราวที่ดีงาม และประสบการณ์ที่ไม่ดีนั้นจะถูกกระตุ้นให้จำได้ง่ายกว่าและบ่อยกว่า ดังนั้นตามธรรมชาติหากเราเจอรถขนขยะบ่อยๆและรับเอาขยะนั้นมา ไม่นานเราก็จะจมอยู่ในกองขยะนั้นและกลายเป็นขยะชิ้นหนึ่งในสังคมในที่สุด แต่หากเราเข้าใจกฎข้อนี้และไม่ยอมให้ใครเอาขยะมาทิ้งไว้ที่เรา หรือหากมันเป็นเหตุสุดวิสัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เราก็ต้องรีบกำจัดขยะนั้นให้ออกไปจากชีวิตเราให้ไวที่สุด หากเราควบคุมชีวิตเราได้ดี เราจะสามารถสร้างช่องว่างให้สิ่งดีงามเข้ามาในชีวิตเราได้

ผู้นำที่ดีต้องพร้อมที่จะเข้าประชุมในการประชุมถัดไป หมอที่ดีต้องพร้อมที่จะเจอคนไข้รายต่อไป พนักงานขายที่ดีต้องพร้อมที่จะรับใช้แขกคนถัดไป พ่อแม่ที่ดีต้องพร้อมที่จะต้อนรับลูกกลับมาจากโรงเรียน แม้ว่าวันที่ผ่านมาหรือชั่วโมงที่ผ่านมานั้นเขาเหล่านั้นจะได้เจอกับเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์มาก็ตาม ยิ่งกับคนที่สำคัญที่เรารัก เราต้องยิ่งพร้อมที่จะอยู่กับเขาด้วยใจที่ปลอดโปร่งเต็มร้อย ดังนั้นคนที่ประสบความสำเร็จต้องไม่ปล่อยให้รถขนขยะเข้ามาทำลายความผาสุกในชีวิต ปล่อยให้รถขนขยะเหล่านั้นผ่านเราไปโดยไม่หยุดทิ้งขยะนั้นไว้กับเรา เราจะเป็นสุขมากขึ้นค่ะ

ฉันนึกถึงคำคมของมหาตมะคานที ที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า "No one can hurt me without my permission"  "ไม่มีใครทำให้ฉันเเจ็บปวดได้ ถ้าฉันไม่อนุญาติให้เขาทำ"

ขอให้วันหยุดสุดสัปดาห์นี้เป็นวันที่เราอาจใช้ในการกำจัดขยะในใจที่สะสมมาหลายวันออกไป เพื่อการสร้างช่องว่างให้ความสงบสุขที่จะผ่านเข้ามาในสัปดาห์ต่อไปค่ะ

แต่ในเวลานี้ ฉันขอฝากความเรียบง่ายที่งดงามตามธรรมชาติไว้ในช่องว่างนั้นไปพลางๆก่อนนะคะ...

หมายเลขบันทึก: 400442เขียนเมื่อ 2 ตุลาคม 2010 16:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เคยทำตัวเป็นคนรับขยะ และ รถขนขยะ

 

อ่านจบพิมพ์ส่งให้คนใกล้ชิดก่อนเป็นคนแรก

และพิมพ์ออกมาตั้งใจติดบอร์ด เผยแพร่ให้ใครหลาย ๆ คนในที่ทำงานได้อ่านกันค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณภูสุภา

ส่ง email ให้เพื่อนร่วมงานด้วยเหมือนกันค่ะเผื่อวันใดลืมตัว กลับกลายเป็นรถขนขยะจะได้มีคนช่วยเหยียบเบรคไม่ให้ไปสร้างความวุ่นวายมากไป

หวังว่าวันจันทร์ที่ผ่านไปคงสดใสดีนะคะ...

สวัสดีค่ะ คุณปริม

 จะมาขออนุญาต เอาบทความเรื่องนี้ไปลงในหนังสือ 3 อ.เพื่อสุขภาพ เป็นหนังสือที่พิมพ์เพื่อแจกพระสงฆ์ และผู้มาร่วมงาน ฉลองกุฏิ 3 หลัง ที่ meepole และสามีได้สร้างถวาย และจะมีพิธีทำบุญและมอบถวายให้กับวัดไตรธรรมาราม พระอารามหลวง ในวันที่ 12 July นี้

ในเล่มจะมีเรื่องของสุขภาพ เรื่องบทความทางธรรม และบทความที่ให้ข้อคิดเพื่อการดำรงชีวิตในเส้นทางที่ก่อให้เกิดสุขที่สงบได้ ซึ่งคัดเลือกจากที่เคยอ่านมา และเห็นว่าเรื่องที่คุณปริมแปลมานี้เป็นเรื่องหนึ่งที่มีประโยชน์มาก จึงขออนุญาตนำไปรวมในเล่มเพื่อพิมพ์แจกในครั้งนี้ด้วยนะคะ (มีการดัดแปลงบางส่วนเล็กน้อย)

และจะนำภาพงานบุญนี้มาให้อนุโมทนาค่ะ  คิดถึงนะคะ

สวัสดีค่ะคุณ Meepole ด้วยความยินดีและดีใจมากๆค่ะ และขออนุโมทนาบุญในการทำบุญของคุณ meepole ครั้งนี้ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท