โครงการสนับสนุนรองเท้าให้ผู้ป่วยเบาหวาน


การทำรองเท้าให้แก่ผู้ป่วย เบาหวาน มันเหมือนยุ่งยากในช่วงแรก แต่พอทำแล้วมันไม่ยาก อย่างที่คิด แถมยังลดงบประมาณของโรงพยาบาลอีกต่างหาก

วันนี้เป็นวันแรกที่ได้นัดผู้ป่วยเบาหวานมารับรองเท้า มีผู้ป่วยมาทั้งหมด  20 คน

 ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ตรวจคัดกรองแล้วพบว่า เป็นกลุ่ม High  risk  และ very High

  risk    ในวันที่มีคลินิกเบาหวานของสัปดาห์ที่แล้ว  และนัดมารับรองเท้าในวัน

ศุกร์นี้ ผู้ที่มีแผล และ หนังแข็ง  เราก็ทำการแช่เท้า และขูดหนังแข็ง และล้าง

แผลให้ ก่อนที่จะ ใส่รองเท้าที่ทางโรงพยาบาลมอบให้ กลับบ้าน  ทุกคนได้รับคำ

แนะนำในการดูแลสุขภาพเท้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแผล ฉันเห็นสีหน้าดีใจ  ผ่อน

คลาย ไม่เร่งรีบเหมือนวันมารับยาเบาหวาน  ผู้ที่มีแผลก็ได้รับการดูแลอย่างเต็ม

ที่ ฉันเองก็รู้สึกผ่อนคลายไม่รีบร้อน  ค่อยๆ ขูด เจ้าหนังหนาๆ คล้ายขูดเทียน

ออกให้คนไข้ วันนี้มีแผลมาทั้งหมด  3 คน แผลไม่เยอะ หลังจากขุดหนังหนาให้

แล้ว เหลือแผลคนละ ไม่ถึง 1 เซนติเมตร แต่ก่อนหน้านี้ ไม่หายซักที  ฉันได้แต่

หวังว่า เมื่อเราได้แก้ไขเรื่องการรับน้ำหนักของเท้า และลดแรงกดลงไปบนแผล

แล้ว แผลคนไข้ น่าจะหายเร็วขึ้น  ฉันได้นัดคนไข้มาอีกครั้งในวันศุกร์หน้า  (ต่อ

ไปนี้ทุกวันศุกร์จะกลายเป็นวันให้บริการคลินิกดูแลเท้า )

 สำหรับรองเท้า โรงพยาบาลของเราได้ไปดูงาน ที่โรงพยาบาลสุรินทร์  แล้วยัง

ส่งช่างไปเรียน และฝึกงานอีก 1สัปดาห์ ในการทำแผ่นรองฝ่าเท้า และทำ

รองเท้าให้ผู้ป่วยเบาหวาน เมื่อกลับมาฉันจึงได้ทำโครงการเพื่อจัดหาอุปกรณ์ใน

การทำรองเท้าให้แก่ผู้ป่วย เบาหวาน  มันเหมือนยุ่งยากในช่วงแรก แต่พอทำ

แล้วมันไม่ยาก อย่างที่คิด แถมยังลดงบประมาณของโรงพยาบาลอีกต่างหาก

ประหยัดได้เยอะพอสมควร และที่สำคัญคนไข้ ได้ประโยชน์ แน่นอน เพราะคนไข้

บ้านเราส่วนใหญ่ อย่างดี ก็รองเท้า แตะ แบบคีบ ซึ่งใส่กันจน เห็นเป็นรอยการรับ

น้ำหนัก  ไอ้เรา ตรวจเท้าแล้ว ก็แนะนำให้ผู้ป่วยใส่รองเท้าที่มันรับน้ำหนักได้ดี

คนไข้บ้านเราจะหาซื้อมาจากไหน  ไหนจะราคาของรองเท้าอีก  ราคาก็แพง   ถ้า

เราไม่ทำให้ก็คงจะเกิดปัญหาซ้ำแล้ว ซ้ำอีกอยู่อย่างนี้ ดังนั้นหลังจากส่งเจ้า

หน้าที่ไปฝึกงานมาเรียบร้อยเราจึงทำโครงการต่อ คือสนับสนุนรองเท้าให้ผู้ป่วย

เบาหวานปี 2553  มันยุ่งยากตรงทำโครงการเพื่อ

นำเงินมาใช้ในการจัดซื้ออุปกรณ์ในการจัดทำ รองเท้านี่แหละ   แต่พอพูดคุยเข้า

ใจกันกับฝ่ายบริหารแล้วก็ไม่มีปัญหา หลังจากนั้นเราก็ดำเนินการทุกอย่างเอง

เริ่มตั้งแต่ ค้นหาทางอินเตอร์เนต ในการหารองเท้าที่เหมาะสม ก็ได้ของ บริษัทกี

โต้ ประเทศไทย สำนักงานใหญ่ ก็มีการต่อรองราคา  เป็นที่น่าพอใจแล้ว เราก็สั่ง

ซื้อ โดยให้เจ้าหน้าที่พัสดุยืมเงินให้  สั่งครั้งแรก 200 คู่  ต่อมาก็เรื่องแผ่น

รองเท้า อาจารย์บุญเลี้ยงเป็นคนติดต่อให้ เป็นบริษัทของคุณจิรวัฒน์   ซึ่งเป็น

บริษัทนำเข้า เราต้องสั่งอย่างน้อย 20 แผ่น แผ่นละ 2800 บาท  รวมทั้ง

กาวอย่างดี แกลลอนละ 4500 บาท  ก็เป็นเงินเยอะพอสมควร  เมื่อเราได้วัตถุดิบ

ในการผลิตแล้ว  ช่างทำรองเท้าก็พร้อมแล้ว  ส่วนคนไข้เอง เราได้คัดกรองได้

ประมาณ พันห้าร้อยคนในปีนี้  จึงคัดมาเฉพาะกลุ่มที่เสี่ยงสูง และสูงมาก มา

ตรวจด้วยเครื่อง podoscope  ก่อนโดยนักกายภาพ แลบันทึกใน OPD card ถึง

ความผิดปกติในการรับน้ำหนักของและละคน  แล้วพยาบาลก็จะเป็นคนวัดขนาด

รองเท้าให้ผู้ป่วย  และออกใบนัดให้ผู้ป่วยมารับรองเท้าในวันศุกร์หน้า ถ้าผู้ป่วยมี

แผลหรือ เท้าบวมใหญ่ผิดปกติ เราก็จะวัดสายรองเท้าที่จะต่อเพิมให้ รวมทั้ง วาด

ตำแน่ง แผลให้ช่าง ซึ่งจะมาทำให้ในภาคบ่าย  เพราะเรายังม่สามารถดึงมาได้ทั้ง

วัน ยกเว้นวันศุกร์ ซึ่งจะได้มาอยู่ประจำด้วยกันเพราะ เผื่อว่าจะได้แก้ไขเรื่อง

ความพอดีให้กับผู้ป่วย

            และถ้าผู้ป่วยมี แผล ก็จะล้างแผลให้  รวมทั้งจัด SETให้ และนัดมาดูในวันศุกร์หน้า ถ้ามีหนังหนาก็จะขูดหนังหนาให้ ภาษาแพทย์เรียก Trim  callus 

วิธีการก็ไม่ยาก ถ้าไม่ไปอบรมมา และไม่ลองก็ไม่รู้เหมือนกัน เริ่มแรกให้ผู้ป่วย

แช่น้ำ10-15 นาที หลังจากนั้นก็ใช้ใบมีด  อาจารย์แนะนำให้ใช้เบอร์ 21  แต่ของ

เรามี เบอร์ 11 และ 15  ก็ใช้ได้เหมือนกัน หรือจะใช้อุปกรณ์ในการขูดแบบที่เขา

ขายตามห้างก็ได้   แต่เราเคยใช้ใบมีดก็จะถนัดใบมีด  จะด้ามมีดหรือไม่ก็แล้ว

แต่ความถนัดของแต่ละบุคคลนะคะ   เสร็จแล้วก็จะเช็ดให้แห้งหมาดๆ และทา

ครีมทาเท้า หรือโลชั่นให้ก่อนให้ผู้ป่วยใส่รองเท้าใหม่กลับบ้าน พร้อมทั้งแนะนำ

การดูแลสุขภาพเท้า  อาจจะไม่ต้องทั้ง 10 ข้อก็ได้ เพราะผู้ป่วยจะจำได้ไม่หมด 

เอาซัก 3-4 ข้อก็น่าจะพอและให้เขาใส่แทนรองเท้าแตะของเขาที่ใช้ในชีวิต

ประจำวัน พร้อมทั้งให้ผู้ป่วยเซนต์รับ  ก็เป็นอันว่าเรียบร้อย ประเมินอีกครั้งเมื่อผู้

ป่วยมารับยาครั้งต่อไปว่าเท้ามีแผล มั้ย หรือมีหนังหนา ตาปลาอีกมั้ย และคงต้อง

ดูไปเรื่อยๆ ว่าป้องกันการเกิดแผลได้รึเปล่า จากสิ่งที่เราทำ เสียงตอบรับดีมาก 

คนไข้พึงพอใจ คนไข้จะรู้สึก และสัมผัสได้ถึงความตั้งใจ  และมุ่งมั่นทำงานเพื่อ

คนไข้ ทีมงานของเราค่อนข้างทีจะได้ใจคนไข้ เราหวังว่าพวกเราให้การดูแลคน

ไข้อย่างดีที่สุด คนไข้เองก็คงจะดูแลตนเอง  เพื่อครอบครัวและเพื่อคนที่รักและ

หวังดีกับพวกเขาเช่นกัน

                                     

                                        

 

หมายเลขบันทึก: 398040เขียนเมื่อ 25 กันยายน 2010 07:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 สิงหาคม 2012 04:40 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

เป็นโครงการที่ดีมากเลยครับ ดีใจแทนคนป่วยครับ ^^

ขอบคุณค่ะ ที่แวะมาเยี่ยม เรารู้สึกดีใจ และภูมิใจมากค่ะ ที่ได้มอบรองเท้าให้กับคนไข้ เพราะมันเป็นผลงานที่เราทำเอง ต้องขอบคุณ รพ.สุรินทร์ ที่ถ่ายทอดความรู้ ให้ค่ะ

 

ชื่นชมกับผลงานของ รพ.สีชมพู ครับ ..เพราะเห็นน้องที่ไปอบรมที่ รพ.สุรินทร์เมื่อเดือนที่แล้วกลับมาบอกว่า รพ.สีชมพูก็มาอบรมด้วย แป๊บเดียว คนไข้ได้รับรองเท้าแล้ว รพ.เขมราฐยังไม่อนุมัติเลย ... ผมไม่ทราบว่าที่ รพ.มีเครื่องมือที่ทำรองเท้าครบเซ็ตหรือแบบประยุกต์ เห็นราคาที่น้องบอกก็แพงเหมือนกัน อย่าง podoscope เนี่ย ราคาเท่าไรครับ เครื่องขัด หรือ เครื่องอบใช้แบบไหนครับ อยากทำเร็วๆแต่ยังติดที่ท่าน ผอ.ยังต้องประเมินถึงความคุ้มค่าระหว่างทำกับซื้อ ถ้ามีข้อมูลที่พอจะทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้นก็รบกวนส่งให้ด้วยนะครับ จะเป็นพระคุณอย่างสูง เรียนปรึกษาเท่านี้ก่อนครับ

ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ ตอนนี้ รพ.สีชมพู มีอุปกรณ์ค่อนข้างครบค่ะ แต่ต้องบอกว่า แบบประยุกต์

เครื่อง อบใช้ เตาอบ ขนาด 53 ลิตร ซื้อได้ที่ห้าง แมคโคร เครื่องขัด ใช้ เครื่องขัดหินเจียร์ และใช้ กระดาษทรายขัด

เครื่องขึ้นรูป สั่งซื้อผ่านอาจารย์บุญเลี้ยงจาก โรงพยาบาลสุรินทร์ ค่ะ ราคา เครื่อง podoscope 10000 บาท

เครื่องอบ 2990 บาท เครื่องขัด 2900 บาท เครื่องขึ้นรูป 45000 บาท ค่ะ

ตอนนี้เราไม่ได้ทำเฉพาะให้ผู้ป่วยเบาหวาน แต่ได้เพิ่มกลุ่มผู้ป่วยทั่วไปที่มีปัญหาเจ็บฝ่าเท้า หรือแล้วแต่ แพทย์ order ตามความ

จำเป็นของผู้ป่วยเพิ่มอีกค่ะ ก็คิดว่าน่าจะคุ้มกับประโยชน์ที่ผู้ป่วยได้ ยินดีรับปรึกษาค่ะ

สวัสดีค่ะ น้องติ๋มค๊ะ พี่รบกวนถามข้อมูลเกี่ยวกับเท้าด้วยนะค๊ะ

คือพี่เป็นคนที่มักจะใส่รองเท้าส้นสูงเวลาไปไหนมาไหนบ่อย ๆ แต่เวลาอยู่ที่ร้านพี่ใส่รองเท้าผ้าแทนค่ะ

แต่ทำไมเท้าพี่ยังหน้า ขอโทษนะค๊ะขออธิบายรายละเอียดหน่อยค่ะ

- ตรงส้นเท้าเป็นมากค่ะ แต่ไม่แตกค่ะ ทาครีมใส่ถุงเท้าก่อนนอนทุกวัน

- ตรงบริเวณฝ่าเท้าช่วงบน ที่เลยร่องนิ้วเ้ท้ามาค่ะ หนังจะหนามากเลย

มันจะแห้ง ๆ ด้าน ๆ ด้วยค่ะ พี่เคยลองซื้อยาที่ช่วยลองหรือทำให้หนังนุ่มพอที่จะขุดออกเองได้โดยใช้ใบมีดขุดเท้าออกค่ะ

ถ้าใช้บ่อยๆเข้า เหมือนน้ำยามันกัดค่ะ ทำให้หนังส่วนนั้นเป็นผิวหนังที่ตายไม่มีน้ำไม่มีนวล แบบประมาณว่าเราเป็นแผลเรื้อรังเลยค่ะ

เวลามันเท้าเราแห้ง ๆ มันจะเป็นขาว ๆ มันจะคัน เกาแล้วเหมือนคนเป็นรังแค น่ารังเกียจมากค่ะ

พี่ต้องหมั่นทาครีมบ่อย ๆ ยิ่งหน้าหนาวยิ่งเป็นค่ะ ไม่ทราบว่าเรื่องที่พี่เล่าและสอบถามน้องติ๋มมันจะเป็นการรบกวน

หรือตรงกับสายงานหรือโครงการที่น้องทำอยู่ที่ รพ. หรือเปล่าค่ะ พี่รบกวนด้วยนะค๊ะ

พี่อายมากเลยค่ะ ออกไปไหนเวลาถ้าไม่ใช่อยู่บ้านพี่จะไม่ค่อยกล้าถอดรองเท้าออกเลยค่ะ

พี่รบกวนน้องด้วยนะค๊ะ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะพี่ เอ๋

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ถ้าถ่ายภาพมาให้ดูลักษณะเท้าก็น่าจะดีนะคะ แต่จากที่อ่านลักษณะเท้าของพี่น่าจะเป็นรับน้ำหนักมาก

บริเวณปลายเท้า และส้นเท้า ทำให้เกิดหนังหนา ต่อมาอาจกลายเป็นหนังแข็งได้ค่ะ

ซึ่งการแก้ไขควรแก้ไขเรื่องรองเท้าให้เหมาะสม และเสริมเรื่องแผ่นรองฝ่าเท้าที่นุ่มจะช่วยกระจายเรื่องการรับน้ำหนักได้ค่ะ

ช่วงนี้ควรใช้วิธี แช่เท้าด้วยน้ำอุ่น ซัก 15 นาที และใช้แปรงขัดเท้า ใช้สบู่ ธรรมดาก็ได้ค่ะ หลังจากนั้น ควรเช็ดให้แห้ง และตามด้วย

ทาโลชั่นสำหรับเท้าค่ะ

กรณีของพี่เอ๋ที่บอกว่า คล้ายรังแค และมีอาการคัน ไม่แน่ใจว่าแพ้น้ำยา หรือเป็นเชื้อราที่เท้านะคะ อาจจะต้องให้คุณหมอตรวจอีกที

หวังว่าคงตอบคำถามพี่เอ๋ได้บ้างนะคะ

สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ พี่ว่าที่น้องบอกมาน่าจะเป็นนะค๊ะ น่าจะเกิดจากอาการแพ้น้ำยาอะไรบางอย่าง

อาจจะเป็นน้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาถูพื้น หรือว่าผงซักฟอกก็ได้ค่ะ แต่ช่วงหน้าหนาวจะคันมาก คงเป็นเพราะอากาศมันเย็น ๆ แห้งๆ

เชื้อราก็อาจจะเป็นไปได้เน๊อะ เป็นหลายอย่างจังค่ะ

พี่เคยคันจนต้องเอายาหม่องสมุนไพรทาค่ะ ที่ขวดเขียวๆ น่ะค่ะ มันหายนะค๊ะ แต่ต้องทาบ่อยๆ

พี่ใช้ยาลอกหนังเท้าด้วยค่ะเป็นของไทย เป็นยากำจัดเชื้อราและส้นเท้าแตกค่ะ มันแรงมาก ๆ มันจะกัดผิดเท้าที่หนาของเรา

ให้เปื่อย ส่วนที่หนาก็จะนิ่ม จนใช้เล็บขูดออกได้เยอะมาก ๆ ค่ะ ทิ้งไว้อีกไม่กี่วันมันจะทำให้ผิวตรงเท้าเป็นหนังแห้งๆด้านๆ

เหมือนเวลาเราโดนไฟลวกเมื่อหายจะเป็นเนื้อตายค่ะ

ไม่ทราบว่าพี่อธิบายยาวไปหรือเยอะไปรึเปล่าค่ะ

พี่คิดว่าคงต้องลองหันมาใส่ลองเท้าส้นไม่สูงมากนัก และต้องหมั่นทาครีมหรือว่าวิตามินซีเยอะๆ น้องติ๋มว่าดีรึเปล่่าค่ะ

ขอบคุณค่ะ ที่ให้คำแนะนำนะค๊ะ

สวัสดีค่ะ แม่ของดิฉันก็ป่วยเป้นโรคเบาหวานค่ะ อยากได้รองเท้าให้แม่สักคู่ ไม่ทราบว่าแจกฟรีหรือเสียเงินคะ ดิฉันอยู่ นครราชสีมาค่ะ มีเครือข่ายโครงการรองเท้าเบาหวานมั๊ยคะ สงสารแม่ค่ะ ต้องเจ็บเท้าเวลาเดิน เพราะไม่มีพื้นรองรับที่เข้ากับเท้าเท่าที่ควรค่ะทรมานน่าดูเลย แม่บ่นเจ็บเท้าตลอดอ่ะค่ะ ช่วยตอบผ่านเมลล์ด้วยนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท