กรมอนามัย ได้ประกาศ นโยบายการดำเนินงานการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกตั้งแต่ ปี 2543 เป็นต้นมา โดยให้หญิงตั้งครรภ์ทุกคนจะต้องได้รับการปรึกษาและตรวจเลือดเพื่อหาการติดเชื้อเอชไอวี ด้วยความสมัครใจ และถ้าพบว่าติดเชื้อเอชไอวีจะต้องได้รับยาต้านไวรัสในระหว่างตั้งครรภ์และในระยะการคลอด รวมทั้งเด็กที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อเอชไอวี จะได้รับยาต้านไวรัสและได้รับนมผสมสำหรับเลี้ยงทารก รวมทั้งได้รับการตรวจหาภูมิต้านทานต่อเชื้อเอชไอวี หลังจากนั้นแม่และเด็กรวมทั้งสามีที่ติดเชื้อเอชไอวี จะต้องได้รับการดูแลต่อเนื่องอย่างเหมาะสมต่อไป
ศูนย์อนามัยที่ 8 ได้ดำเนินโครงการดังกล่าวร่วมกับ จังหวัดนครสววรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร และพิจิตร ตั้งแต่เปี 2543 ถึงปัจจุบัน โดยมีสถานการณ์การดำเนินงานในภาพรวมของเขตดังนี้
ผลการดำเนินงานของ 4 จังหวัดในเขตรับผิดชอบ
สถานการณ์แนวโน้มของการป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก
ของเขต 8 ปี 2544 -2553 (เดือนตุลาคม 2552 –สิงหาคม 2553)
ข้อมูล
2544
2545
2546
2547
2558
2549
2550
2551
2552
2553
อัตราการติดเชื้อเอชไอวีของหญิงคลอด
1
1
1
0.9
0.7
0.8
0.7
0.7
0.6
0.5
การตรวจหาเชื้อ HIVในหญิงตั้งครรภ์
94.6
98.2
99.7
99.8
100
99.9
99.8
99.9
99.9
100
การได้รับยาต้านไวรัสในหญิงตั้งครรภ์
74.1
78.1
86.6
87.8
94.1
90.1
89.6
87.5
93.4
94.6
การได้รับยาต้านไวรัสของเด็ก
94.9
96.7
99.4
99.7
99.5
98.6
100
100
100
98.9
การได้รับนมผสม
91
89.6
99.5
98.6
99.1
98.1
98
100
98.5
97.8
อัตราการติดเชื้อเด็กอายุ 18-24 เดือน
5
7.3
3.8
12.8
8.9
6
0.8
5.3
3.9
รอข้อมูล
จะเห็นได้ว่าแนวโน้มสถานการณ์ การติดเชื้อเอชไอวีในหญิงตั้งครรภ์ลดลงเหลือ 0.5 ต่ำกว่าเป้าหมายของประเทศคือไม่เกิน 0.7 อาจเกิดจากระบบการป้องกันดีที่ดีขึ้น อันเนื่องจากการส่งเสริมให้มีการใช้ถุงยางอนามัยในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี รวมทั้งการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูกก็มีแน้วโน้มสถานการณ์ลดลง เหลือ 3.9 โดยผลการดำเนินงานต่ำกว่าเป้าหมายของประเทศเช่นกันที่ให้ไม่เกิน 4 %
และจะมีการปรับนโยบายครั้งใหญ่ของกรมอนามัย เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กติดเชื้อจากแม่ลดลงมาอีก โดยจะให้เด็กติดเชื้อจากแม่น้อยที่สุด ซึ่งต้องปรับระบบการทำงานของบุคลากรในโรงพยาบาลใหม่อีกครั้ง โดยการให้ยาสูตร 3ตัวแก่หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี และมีการให้การปรึกษาแบบคู่ให้กับสามีของหญิงตั้งครรภ์ที่มาฝากครรภ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อรายใหม่ของหญิงตั้งครรภ์ เพราะกรณีทีหญิงตั้งครรภ์ผลเลือดลบ แล้วไม่ได้ตรวจสามีด้วย ในวันข้างหน้าหน้าหญิงตั้งครรภ์คนนี้มีโอกาสจะเป็นผู้ติดเชื้อรายต่อไป เพราะถ้าไม่ทราบผลเลือดของสามีและไม่มีการป้องการรับเชื้อเอชไอวีจากคู่ของตนเอง
ก็ถือได้ว่าเป็นการพัฒนาการให้บริการที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อเอดส์รายใหม่เพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นแม่เป็นลูกหรือสามีก็ตาม เพื่อเป็นการส่งเสริมให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพดี
ไม่มีความเห็น