การอนามัยเจริญพันธุ์สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี


โรคเอดส์อยู่ร่วมกันได้ขอเพียงความเข้าใจให้ผู้ติดเชื้อ

       เดือนนี้ทั้งเดือนได้ออกติดตามประเมินผลการดำเนินงานเรื่องการอนามัยเจริญพันธุ์สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี   ในโรงพยาบาล 4 แห่งของจังหวัดพิจิตร   และอีก1แห่งของจังหวัดชัยนาท   ซึ่งคนที่ดำเนินงานเรื่องนี้จะเป็นแกนนำผู้ติดเชื้อฯที่ผ่านการอบรมไปแล้ว   พบว่าแกนนำผู้ติดเชื้อที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการอนามัยเจริญพันธุ์สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี  ได้นำกิจกรรมของหลักสูตรฯ ไปถ่ายทอดให้กับสมาชิกในกลุ่มผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาล  โดยใช้กระบวนการให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม  ทักษะการถ่ายทอดอยู่ในระดับดี   เพราะแกนนำผู้ติดเชื้อทุกคน  เป็นชาวบ้าน  ส่วนใหญ่มีการศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา  และมีบางส่วนไม่ได้เรียนหนังสือเลย   แต่ทุกคนมีความตั้งใจที่จะให้เพื่อนที่ติดเชื้อที่อยู่ในกลุ่ม  มีความรู้และสามารถปฏิบัติตนให้มีการอนามัยเจริญพันธุ์ที่ดี  เพราะผู้ติดเชื้อต้องกินยาต้านไวรัสไปตลอดชีวิต  ถ้าอนามัยเจริญพันธุ์ไม่ดียาต้านไวรัสที่กินก็ไม่สามารถต้านทานเชื้อไวรัสในร่างกายได้

     ดังนั้นการมีอนามัยเจริญพันธุ์ที่ดีย่อมหมายถึงการมีสุขภาพอนามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและจิตรใจ  โดยเฉพาะสุขภาวะทางเพศ  ที่ปลอดภัย  จากการไม่รับเชื่อเพิ่มเพื่อไม่ให้เกิดเชื้อดื้อยา  และการไม่แพร่เชื้อไปให้กับผู้อื่นก็จะทำให้ไม่เกิดผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่  รวมทั้งมีการวางแผนครอบครัวที่เหมาะสมกับตนเองและคู่โดยเว้นระยะการมีบุตรหรือมีบุตรเมื่อมีความพร้อม  ทั้งสุขภาพร่างกายและสภาพแวดล้อมในสังคม    เพราะถ้าสังคม  ชุมชนและครอบครัวยังไม่ยอมรับผู้ติดเช้อเอชไอวี  เด็กที่คลอดออกมาจะได้รับผลกระทบจากการโดนรังเกียจ  ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะติดเชื้อเอชไอวี  จากแม่มาหรือไม่ก็ตาม 

      พูดถึงเรื่องการรังเกียจผู้ติดเชื้อ  ปัจจุบันสังคมให้การยอมรับผู้ติดเชื้อมากขึ้น  ไม่รังเกียจมากเหมือนเมื่อยุคแรกๆที่เอดส์เข้ามาในเมืองไทย  ปัจจุบันนี้คนที่ติดเชื้อเอชไอวี  ก็คือผู้ป่วยคนนึ่งที่ต้องกินยาตลอดชีวิตเหมือนกับคนที่เป็นเบาหวาน  ความดัน  ก็ต้องกินยาทุกวันตลอดชีวิตเหมือนกัน  และถ้าไม่ดูแลสุขภาพให้ดีบางที่อาจเสียชีวิตก่อนคนที่ติดเชื้อก็ได้  เพราะฉะนั้นอย่าได้รังเกียจผู้ติดเชื้อเลย  เพราะเชื้อเอชไม่ได้ติดกันง่ายๆ   การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไม่ติดเอดส์  ถึงแม้จะเป็นสามีภรรยากันกับผู้ที่ติดเชื้อ  ก็ไม่ติดเชื้อถ้ามีการป้องกันโดยใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธุ์   ได้เห็นสามีภรรยาหลายคู่ที่มีคนหนึ่งติดเชื้ออีกคนหนึ่งไม่ติดเชื้อ   อยู่ด้วยกันมา 10-17 ปี   ก็ยังไม่ติดเชื้อ  เพราะมีการป้องกันที่ดี  

       ถึงวันนี้ต้องบอกว่าโรคเอดส์อยู่ร่วมกันได้ขอเพียงความเข้าใจให้ผู้ติดเชื้อ เพราะเขาก็คือมนุนย์คนหนึ่งเหมือนกับทุกคน  ที่มีชีวิต  มีความหวัง ความต้องการความรักคงามเข้าใจและต้องการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเหมือนคนทั่วๆไปเช่นกัน

 

หมายเลขบันทึก: 397587เขียนเมื่อ 24 กันยายน 2010 08:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 16:30 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท