ระยะนี้มีงานรักษารากฟันค่อนข้างมาก เนื่องจากที่ทำงานต้องการระบายคิวรักษารากฟันที่ค่อนข้างมากให้มากที่สุด ดังนั้นทุกวันจะมีงานรักษารากฟันวันละ 1 -5 ราย จนจะกลายเป็นหมอรักษารากฟันไปแล้ว
จากการรักษาที่มากขึ้น ทำให้เกิดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียงของการรักษาได้มากขึ้นเช่นกัน อาการข้างเคียงของการรักษาที่ทันตแพทย์ไม่อยากให้เกิดคืออาการปวดหลังการรักษา เพราะส่วนใหญ่ผู้รับบริการหวังอย่างยิ่งว่าเมื่อรักษารากฟันแล้วจะต้องหายจากการปวดเป็นอันดับแรก
การปวดหลังการรักษารากฟันจะแบ่งเป็น 2 กรณีคือปวดระหว่างการรักษา และปวดหลังจากการรักษาเสร็จสิ้นไปแล้ว
การปวดระหว่างการรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการรักษาครั้งแรก เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ อาจร่วมกับการบวมของเหงือกด้วย ส่วนมากแล้วการปวดหลังการรักษาครั้งแรกมักเกิดกับการรักษารากฟันในฟันที่มีอาการปวด หรือเริ่มมีอาการปวด (Acute pulpitis) หรือกำลังเริ่มจะมีการอักเสบ แต่จะไม่ค่อยเกิดในฟันที่ตายแล้ว (pulp necrosis) หรือฟันที่มีตุ่มหนอง (periapical abscess) หรือฟันที่เพิ่งทะลุโพรงประสาท ส่วนใหญ่ทันตแพทย์มักจะระมัดระวังในเรื่องการกำจัดเส้นประสาทฟันให้หมด และการขยายคลองรากฟันและการล้างคลองรากฟันโดยไม่ให้เกิดแรงดันที่จะทำให้เศษสิ่งสกปรกที่ล้างทำความสะอาดดันเข้าไปในบริเวณปลายราก แต่บางครั้งก็อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งถ้าคิดว่ามีความเสี่ยงทันตแพทย์ก็อาจจะต้องเปิดรูที่กรอไว้ก่อนเพื่อให้เกิดการระบาย แล้วค่อยมาใส่ยา และปิดรูในครั้งต่อไป แต่ก็จะทำให้การรักษาใช้เวลานานขึ้นเนื่องจากการเปิดรูไว้จะทำให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคในน้ำลายได้ ในกรณีที่มีอาการปวดกลับมาถ้าไม่มากทันตแพทย์จะทำการล้าง ขยายรากฟัน หรือกำจัดเส้นประสาทฟันให้หมด ก็จะทำให้หายปวดได้ แต่ถ้ามีอาการบวมกลับมาด้วยอาจต้องเปิดระบาย และให้ยาแก้อักเสบร่วมด้วย
ส่วนการปวดหลังการรักษาอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่นคลองรากฟันยังไม่สะอาดแล้วอุด ขยายคลองรากฟันไม่หมด หรือฟันแตก การรักษาอาจต้องมีการรื้อและรักษาใหม่ หรือผ่าตัดปลายรากฟัน หรือถ้าไม่ได้จริง ๆ อาจต้องถอนในที่สุด
อย่างไรก็ตามการรักษารากฟันเป็นการรักษาที่ยุ่งยากซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษารากฟันกราม ซึ่งมีจำนวนคลองรากฟัน 3- 4 รู ทำให้ยากต่อการรักษา ทั้งหมดต้องอาศัยความร่วมมือทั้งจากผู้ป่วยในการมาตามนัด และทันตแพทย์เองต้องละเอียด รอบคอบ มีทักษะในการรักษา
ไม่มีความเห็น