ฟังเสียงอ่านหนังสือ
เสียงอ่าน พระกฤช นิมมโล
แล้วฉันจะเป็นสุข
บางทีหินที่มีค่าที่สุดที่เราสมควรต้องใส่ลงไปใน “โถ” ของเราก่อนสิ่งอื่นๆคือ ความสุขภายใน หากตัวเราเองยังไม่มีความสุข
เราย่อมไม่มีความสุขที่จะมอบให้แก่ผู้อื่น
แล้วทำไมพวกเรามากมายจึงให้ความสำคัญกับความสุขน้อยเหลือเกิน
เลื่อนมันไปจนเป็นอันดับท้ายๆ (หรือแม้กระทั่งหลังจากอันดับท้ายสุด
ดังเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้)
เมื่ออาตมาอายุ 14 ปี อาตมากำลังเตรียมตัวสอบระดับ O-Level (เทียบเท่า
ม.4) ที่โรงเรียนมัธยมในลอนดอน พ่อ
แม่และครูของอาตมาแนะนำให้อาตมาหยุดเล่นฟุตบอลในตอนเย็นและวันหยุดสุดสัปดาห์
เพื่อที่จะได้อยู่บ้านและใช้เวลากับการทำการบ้าน
ท่านอธิบายความสำคัญของ O-Level และบอกว่าถ้าอาตมาสอบได้คะแนนดี อาตมาจะมีความสุข
อาตมาเชื่อฟังคำแนะนำ และอาตมาก็สอบได้ดี แต่มันไม่ได้ทำให้อาตมามีความสุข
เพราะความสำเร็จนั้นมีความหมายเพียงแค่ว่า บัดนี้
อาตมาจะต้องเรียนหนักขึ้นไปอีกเป็นเวลาสองปี เพื่อเตรียมตัวสำหรับการสอบA-Level (เทียบเท่า
ม.6) พ่อ แม่และครูของอาตมาแนะนำไม่ให้ออกเที่ยว
ท่านอธิบายความสำคัญของ A-Level และบอกว่าถ้าอาตมาสอบได้คะแนนดี อาตมาจะมีความสุข
ครั้งนี้ก็เช่นกันที่อาตมาเชื่อฟังคำแนะนำ และอาตมาก็สอบได้ดี
แล้วก็ครั้งนี้อีกเชนกันที่มันไม่ได้ทำให้อาตมามีความสุขเท่าไหร่
เพราะบัดนี้อาตมาจะต้องเรียนหนักที่สุดอีกตั้งสามปีที่แสนจะยาวนานเพื่อจะได้ปริญญาจากมหาวิทยาลัย
แม่และอาจารย์ (ถึงเวลานี้พ่อของอาตมาก็ได้จากไปเสียแล้ว) แนะนำอาตมาให้อยู่ไกลๆ
จากบาร์และงานเลี้ยงต่างๆ ในมหาวิทยาลัย จะได้ให้เวลาเต็มที่กับการเรียน
ท่านบอกอาตมาว่า ปริญญาจากมหาวิทยาลัยสำคัญมาก และถ้าอาตมาทำได้ดี อาตมาจะมีความสุข
มาถึงจุดนี้ อาตมาชักเริ่มสงสัยเสียแล้วล่ะ
อาตมาเห็นเพื่อนรุ่นพี่บางคนที่เรียนหนักมากและได้รับปริญญาแล้ว
เดี๋ยวนี้พวกเขากำลังทำงานแรกของเขาอย่างหนักยิ่ง
เพื่อจะได้เก็บหอมรอมริบให้ได้เงินมากพอที่จะซื้อของจำเป็น เช่น รถยนต์
เขาบอกอาตมาว่า “เมื่อพี่มีเงินมากพอที่จะซื้อรถสักคัน พี่จะมีความสุข”
แต่เมื่อเขาหาเงินได้มากพอ และได้ซื้อรถยนต์คันแรกแล้ว
เขาก็ยังไม่มีความสุขอยู่นั่นแหละ คราวนี้เขาทำงานหนักเพื่อจะซื้อของอื่นๆ
ซึ่งจะทำให้เขามีความสุข หรือไม่เขาก็กำลังวุ่นวายสับสนเรื่องความรัก
เสาะแสวงหาคู่ชีวิต เขาบอกอาตมาว่า “ถ้าพี่ได้แต่งงานลงหลักปักฐานแล้ว
พี่จะได้มีความสุขสักที”
เมื่อแต่งงานแล้ว เขาก็ยังคงไม่มีความสุข เขาต้องทำงานหนักขึ้นไปกว่าเก่า
รับงานพิเศษเพิ่มขึ้น เพื่อเก็บหอมรอมริบไว้เป็นค่ามัดจำสำหรับห้องชุดหรือบ้านเล็กๆ
สักหลัง เขาบอกอาตมาว่า “ถ้ามีบ้านของเราเองเมื่อไหร่ เราจะมีความสุข”
เป็นเรื่องที่น่าเสียใจว่า
การที่ต้องผ่อนจ่ายชำระค่าบ้านเป็นรายเดือนนั้นย่อมทำให้พวกเขาไม่ถึงซึ่งความสุข
ยิ่งไปกว่านั้น บัดนี้เขาเริ่มตั้งครอบครัว มีลูกที่ทำให้เขาต้องตื่นกลางดึก
กลืนกินเงินทั้งหมดที่เขาเจียดไว้ เพิ่มความวิตกกังวลนานาประการแก่เขาอย่างมหาศาล
คราวนี้คงจะเป็นอีกยี่สิบปีข้างหน้าหรอกที่เขาจะสามารถทำอะไรอย่างที่เขาต้องการได้
เขาจึงบอกอาตมาว่า “เมื่อใดที่ลูกๆ โตพอที่จะออกจากบ้านไปตั้งตัวเองได้
เมื่อนั้นแหละเราจึงจะมีความสุข”
กว่าลูกๆ จะโตพอจะออกจากบ้านไป พ่อแม่ส่วนใหญ่ก็ใกล้ถึงเวลาที่จะปลดเกษียณ
ดังนั้นเขาจึงต้องเลื่อนเวลาแห่งความสุขออกไปอีก
เขาต้องออดออมอย่างหนักเพื่อจะอดออมไว้ใช้ยามแก่
เขาบอกอาตมาว่า “เกษียณเมื่อไหร่เราก็จะได้มีความสุขสักที”
แน่นอนว่าเมื่อเขาเกษียณแล้ว หรืออาจจะก่อนด้วยซ้ำ
เขาจะเริ่มสนใจศาสนาและเริ่มไปโบสถ์ โยมเคยสังเกตเห็นไหมว่า มีคนแก่ๆ
จำนวนเท่าไหร่ที่ครอบครองที่นั่งในโบสถ์น่ะ? อาตมาถามเขาว่าเขาไปโบสถ์กันทำไม
เขาตอบว่า “เพราะว่าตายแล้วเราจะมีความสุข!”
สำหรับผู้ที่เชื่อว่า “เมื่อฉันได้สิ่งนี้ๆ แล้ว
ฉันจึงจะมีความสุข” ความสุขของเขาจะเป็นแค่ความฝันในอนาคตเท่านั้น
มันจะเป็นเหมือนสายรุ้งที่อยู่เบื้องหน้าเราเพียงไม่กี่ก้าว
แต่เราไม่มีวันเอื้อมถึง
เขาจะไม่มีวันเข้าถึงความสุขที่เขาต้องการไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า
จากหนังสือ ชวนม่วนชื่น พระอาจารย์พรหม
ธรรมะบรรเทิงหลายเรื่องเล่า โดย พระอาจารย์พรหม
เจ้าอาวาสวัดป่าโพธิญาณ ใกล้เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย
จาก Opening the Door of Your Heart
แปลโดย ศรีวรา อิสสระ
ความสุขอยู่ที่ใจเรา ใจสุข ก็พบสุข
คิดว่าเป็นแบบนี้ คิดแล้วก็สุขใจ..
ลัน ลา!
ดีใจที่คุณครู ป. ๑ มีความสุขครับ
ช่วยฝากความสุขไปให้นักเรียนของคุณครูด้วย
ขอบคุณและดีใจที่คุณครูวราภรณ์ มาเยี่ยมชม
อ่านสำลักความดีของคุณครูมาหลายรอบครับ
ประทับใจมากๆ
เพราะบังคับลูกๆเป็นประจำ
จนลูกบอกว่า พ่อดีแต่พูด
แต่เพราะรักพ่อ ก็เลยต้องเชื่อพ่อ แม้ไม่เห็นด้วยก็ตาม
ส่งไปเข้ากรรมฐานเป็นอาทิตย์ทั้งสามคน ก็ยอมไป
จนอาจารย์ไตรพิตรา ชมว่าครอบครัวอย่างนี้ หาไม่ได้ง่ายนัก
ลูกตามใจพ่อ
สวัสดีค่ะ เมื่อวานเพิ่งอ่านหนังสือเล่มนี้จบ....ประทับใจมากๆ ในหลายเรื่องราวที่ท่านพรหมเล่าค่ะ
ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆ มาร่วมแบ่งปันนะคะ
อ่านเล่มนี้และเล่าให้ลูกชายฟัง จนลูกแซวแม่ว่าเป็นพระคัมภีร์ของแม่
ชอบใจที่เขาเอาข้อคิดไปใช้ตาม เช่นเรื่องถอนฟัน
"ถ้ามัวแต่กลัวปวดฟันไม่กล้าถอนฟัน ก็จะยิ่งปวดนาน"
"น้องเห็นฟันโยก เลยถอนฟันเองเลย แม่"
ช่วงนี้ดิฉันอ่านคำสอนของพระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ. ปยุตโต)อยู่ค่ะ
ขอบคุณนะคะที่ไปชวนให้มาพบบันทึกดี ๆ ค่ะ
เพราะสาเหตุที่เราอยากมีความสุขไงละ ที่ทุกคนควรทำทุกวันให้มีสุข อย่ามัวคิดเพียงว่า รอประสบผลสำเร็จอย่างนี้ รอเรียนจบ รอว่ามีงานทำ รอมีครอบครัว รอลูกเรียนจบมีครอบครัว รอปลดเกษียณ และสุดท้ายรอวันตาย มันมีเวลาที่เราจะสร้างสุขหรือทำให้ชีวิตเรามีความสุขตลอดเวลา ทั้งในชีวิตครอบครัว การทำงาน เรียกว่าทำอย่างมีความสุขเราก็จะสุขทุกวัน
เห็นด้วยกับคุณครูสกายครับ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยี่ยน
มีความสุขค่ะ ที่ได้แวะเข้ามาอ่านและฟัง
ขอนำไปแบ่งปันให้เพื่อนๆอ่านและฟังต่อนะคะ
ความสุข..อยู่ที่..วิธีคิดและใจเราเองใช่ไหมคะ