วันที่ 17-18 กค.49 ผม พี่สุกัญญา จากกรมฯ และทีมของเขต พี่แอ๋ว น้องติ๋ม และคุณมิตร ร่วมกับทีม PAR ของนครศรีธรรมราช (พี่เกรียงไกร พี่ตรีธร พี่ประสาร พี่ณัทธร และพี่สนไชย) ร่วมกันสรุปผลงานวิจัยและจัดทำรายงานการวิจัยในเบื้องต้น ณ ห้องประชุมสำนักงานเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช
ก่อนมาเวทีนี้ ผมได้อ่าน blog ของ อ.ประพนธ์ ผาสุขยืด เพื่อทำความเข้าใจ EK และ TK ให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น อาจารย์ได้เขียนอธิบายว่า ใน tacit มี explicit ใน explicit มี tacit ซึ่งอาจารย์ได้อธิบายถึงคุณลักษณะ และบอกว่าความรู้ทั้ง 2 ประเภทนี้เกี่ยวพันกันอย่างแยกไม่ออก โดยความรู้ที่เป็น tacit เมื่อผ่านสายตา นักวิเคราะห์ นักวิจัย ก็กลายมาเป็นบทวิเคราะห์ ข้อสรุป กลายเป็นความรู้ที่เป็น explicit ส่วนความรู้ที่เป็นหลักวิชาที่อยู่ในตำราพอผ่านตานักปฏิบัติ ถูก "ตีความ" ตามทุนเดิมก็จะหลุดออกมาเป็น "เทคนิคใหม่" เมื่อนำไปทดลองใช้ได้ผลดี สิ่งนี้ก็กลับกลายเป็น tacit
ผมกำลังมีความชัดถึงคุณลักษณะและความเกี่ยวพันของความรู้ทั้ง 2 ประเภท จึงลองเขียนบันทึกนี้เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของตัวเอง จากงานวิจัยที่ดำเนินการอยู่ หัวข้อวิจัย(โจทย์) "กระบวนการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน" โดยกรมฯคัดเลือกพื้นที่ดำเนินการ 4 จังหวัด (อาสาสมัคร) และในแต่ละจังหวัด ไปหาอาสาดำเนินงานวิจัยอีกจังหวัดละ 3 ตำบล ตอนแรกเรามานั่งวางแผน/ออกแบบกระบวนงานวิจัยด้วยกัน เอา explicit มาใช้ในการออกแบบงานวิจัยว่าในแต่ละพื้นที่จะกำหนดแนวทางในการจัดกระบวนการเรียนรู้กับเกษตรกร(กระบวนการส่งเสริม) อย่างไร เพื่อทำให้เกษตรกรเปลี่ยนพฤติกรรมจากการผลิตที่ไม่ปลอดภัยหรือไม่ได้มาตรฐาน ไปสู่การผลิตที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน ได้ key word หลักๆออกมา เช่น
เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรแต่ละตำบล(นักปฏิบัติ) ที่ร่วมกระบวนการวิจัยก็ไปตีความตามทุนเดิมของตนเองว่าจะไปขับเคลื่อนงานในพื้นที่อย่างไร ทุนเดิม เช่น การจัดกระบวนการเรียนรุตามแนวทางโรงเรียนเกษตรกร AIC PAP ที่เจ้าหน้าที่แต่ละคนคุ้นเคยอยู่ มีการนำมาวิเคราะห์เองว่าจุดอ่อนในการดำเนินงานแบบเดิมมีอะไร จะเติมเต็มอะไร ก็ได้ "ชุดความรู้ใหม่" ไปดำเนินการในตำบล
เวทีนี้ หลังจากแต่ละตำบลไปดำเนินการมาแล้วก็มาถอด tacit ของตัวเองว่า ที่ไปทำงานมา ได้กำหนดความคาดหวังไว้อย่างไร(ให้เกิดอะไร) ทำอะไรบ้าง ทำอย่างไร(how to)เพื่อนำไปสู่ความคาดหวัง ผลที่ได้เป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับความคาดหวัง อะไรเป็นปัจจัยหนุนหรืออุปสรรค มีปัญหาอะไรบ้างระหว่างดำเนินการและแก้ไขอย่างไร ลักษณะการสรุปรายงานการวิจัยของแต่ละพื้นที่อธิบายภายใต้บริบทของพื้นที่ตัวเอง เวลาอ่านรายงานการวิจัยของระดับพื้นที่รู้สึกถึงอรรถรสที่ได้รับ มองเห็นภาพ(นี้คงเป็นคุณลักษณะของ tacit ที่อาจารย์ประพนธ์ เคยบอกไว้ว่า tacit = FACT + FEELING อ่านแล้วรู้ถึงความสดในตัวของความรู้ที่ยังไม่มีการปรุงแต่ง) ส่วนในตัวผลงานวิจัยระดับจังหวัดและกรมฯ เราพยายามสรุปภาพรวม โดยใช้เทคนิคในการวิเคราะห์/สังเคราะห์ ข้อมูลเพื่อทำเป็นหลักวิชา explicit หาจุดร่วมของแต่ละพื้นที่ เพื่อสร้าง model ของกระบวนการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน
นี้คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากเวทีสรุปงานวิจัย PAR ในส่วนที่เกี่ยวกับTKและ EK