เข็มทิศ


เข็มทิศชีวิตเป็นชื่อหนังสือที่ดี แต่ผมยังไม่เคยอ่าน..เยี่ยมจริงๆ แค่ชื่อก็น่าอ่านแล้ว

"โชค ดวงความ บังเอิญ คุณกำหนดได้" คือชื่อหนังสือเวอร์ชั่นภาษาไทยของ The Spontaneoes fulfillment of desire ของ ดีพัค โชปรา ผมซื้อหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่เพราะชื่อหนังสือ อันที่จริงมันเป็นชื่อที่ไม่ค่อยเข้าท่าซักเท่าไหร่ในความรู้สึกผม อาจจะดึงดูดแต่ก็ดูงมงายยังไงก็ไม่รู้..จริงๆนะ ที่ผมซื้อเพราะมีคำว่า The New York Times Bestsller แปะอยู่ด้านบนสุดของปกหน้า บวกกับความคิดที่ว่าผมอยากจะควบคุมอะไรๆ ให้เป็นไปอย่างที่ผมคิดได้บ้าง ผมไม่ค่อยมั่นใจนักว่าผมอ่านหนังสือเล่มไหนก่อนกัน ระหว่าง เดอะซีเคร็ต กับเล่มนี้ แต่จำได้แม่นว่า ผมอ่านเดอะซีเคร็ตจนจบ แต่กับเล่มนี้ผมอ่านไปได้เพียงไม่กี่หน้าก็หยุดอ่านแล้วก็เก็บมันไว้ในชั้นหนังสือที่ไหนซักแห่งที่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมันมากมาย

ชีวิตผมตอนนั้น ตอนที่อ่านเดอะซีเคร็ต  ผมกำลังคิดถึงความก้าวหน้าในการทำธุรกิจ หนังสือชุด พ่อรวยสอนลูก ของ โรเบิร์ต คิโยซากิ กำลังเปิดมุมมองของผมเกี่ยวกับเรื่องการเงิน ผมอยากจะประสบความสำเร็จก็เหมือนกับทุกคนนั่นแหละไม่มีใครอยากเป็นลูกจ้างหรอกจริงมั้ย...

แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับชีวิตผม คุณลองนึกถึงเมฆหมอกอันเลวร้ายที่ก่อตัวเป็นพายุลูกใหญ่ มันซัดเข้าหาคุณโดยไม่ทันตั้งตัว อยู่ๆ ก็กับกลายเป็นว่าชีวิตของผมเข้าสู่ฤดูมรสุมนับตั้งแต่นั้น "ฝันร้าย" ใช้คำนี้ก็ง่ายดี..ไม่หรอก มันแย่ก็ตรงที่มันไม่ใช่ความฝันนะสิ ผมไม่อยากที่จะพร่ำเพ้อถึงความทุกข์เข็ญใดๆ อีกแล้ว หัวข้อของเราก็คือ "เข็มทิศ" ใช่มั้ย?

ทำไมผมไม่อ่านเข็มทิศชีวิตนะ นี่เป็นหนังสือที่ดังมากๆ ไม่ใช่เหรอ บางทีตอนนั้นผมคงไม่รู้ว่ามันดังมั้ง.. ผมซื้อหนังสือ "คนมีญาณ" มาอ่าน เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกว่ามันเป็นชื่อที่ฟังดู งมงายไร้สาระ ขอโทษจริงๆ ที่รู้สึกว่ามันฟังดูโง่ๆ ผมอาจจะผิดที่คิดว่าคนมีความรู้คงไม่อ่านหนังสือที่ใช่ชื่อแบบนี้แน่ๆ เหมือนกับที่รู้สึกว่าคนฉลาดมีความคิดมีเหตุผลน่าจะรู้สึกโง่ที่ซื้อหนังสือเกี่ยวกับ "กรรม..." ต่างๆ ทั้งหลายมาอ่าน ผมยอมรับว่าผมมีทัศนคติที่ไม่ดีเลยเกี่ยวกับหนังสือกรรม สารพัดกรรม จะสแกน จะเห็น ไม่อยากเห็น และอีกมากมายซะเหลือเกิน ไม่รู้สิผมอาจต้องใช้เวลานานกว่าคนทั่วไปที่จะสรรหาคำแย่ๆ มาบรรยายความรู้สึกที่มีต่อหนังสือพวกนั้น ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้นับถือศาสนาอะไรแต่ผมเชื่อเรื่องกรรม ดีจังที่คนไทยเชื่อเรื่องกรรม มันตลกตรงที่..ก็เพราะเราเป็นแบบนี้ไงประเทศชาติมันถึงไม่เจริญไปถึงไหนซักที ผมจะไม่ขยายหรืออธิบายความว่าทำไม..พอดีกว่า (ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนึงที่เป็นเหตุผลหลักที่ผมซื้อหนังสือ"คนมีญาณ"มาอ่านก็ได้นำตัวเองเข้ามาสู่กระแสแห่งกรรม พ.ศ นี้กับเขาเหมือนกัน ทำเอาความชื่นชมที่ผมเคยมีในตัวเธอหดหายไปเยอะทีเดียว) เป็นไปได้ว่าที่ผมอ่านหนังสือนี้ ก็เพราะผมอยากมีญาณเพื่อหยั่งรู้ว่าสำหรับช่วงเวลาแบบนี้ผมควรจะเดินไปในทิศทางใด พายุทำให้ผมหลงทางและสะบักสะบอม แต่ผมก็ยังไม่นึกถึง "เข็มทิศ" อยู่ดี ผมต้องใช้มากกว่านั้น มีญาณหยั่งรู้น่าจะดีกว่า

สิ่งดีๆ ที่ผมได้รับจากหนังสือ "คนมีญาณ" คุณค่าของหนังสือที่ผมซื้อเพราะยึดติดกับตัวบรรณาธิการที่ผมมีความชื่นชมเป็นพิเศษโดยส่วนตัวก็คือ มันทำให้ผมนึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมลืมทิ้งไว้ที่ไหนซักแห่งมาแสนนาน คลับคล้ายคลับคราว่าผมจำได้ว่ามันอยู่ตรงไหน หนังสือที่บอกว่าเราลิขิตชีวิตเราได้ นี่เราไม่ได้แค่มีญาณหยั่งรู้ แต่เราลิขิตชีวิตของเราได้ ใครไม่อยากลิขิตชีวิตตัวเองได้บ้างล่ะ

มันเป็นหนังสือที่วิเศษสำหรับผม คงเป็นเพราะผมชอบวิธีการที่ ดีพัค โชปรา ใช้อธิบายแนวคิดของหนังสือเล่มนี้ เหมือนที่ผมชอบทันตแพทย์ สม สุจีรา หลังจากที่ได้อ่าน "ไอน์สไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น" (ตอนนี้ผมกำลังอ่าน เดอะ ท็อปซีเคร็ตเล่มสองอยู่ถึงหน้า 218) อาจเป็นเพราะแนวคิดที่ว่าเราคือผู้สร้างจักรวาล เป็นสิ่งที่ผมรำลึกถึง ผมย้อนกลับไปหาหนังสือ เดอะซีเคร็ต อีกครั้งหลังจากอ่าน The Spontaneoes fulfillment of desire สองรอบ ติดตามด้วยการอ่าน "เกิดแต่กรรมหรือความซวย"(อันนี้เป็นข้อยกเว้นเรื่องชื่อหนังสือ) แล้วก็เดอะท็อปซีเคร็ต (ไม่รู้เหมือนกันว่าอ่าน"ผมจะเป็นคนดี ก่อร่างสร้างธุรกิจ ของคุณวิกรม ก่อนหรือเปล่า เห็นได้ชัดว่าผมเป็นคนขี้ลืมสุดๆ คนหนึ่ง) "ชีวิตนี้ไม่มีท่างตัน" ตัน โออิชิ นี่ก็สุดยอด พิมพ์ครั้งที่ 20 แล้ว ผมเพิ่งซื้อมาอ่านได้ไม่ถึงเดือนมั้ง?

1 กันยายน 2553 ผมหมดเงินค่าหนังสือไปพันกว่าบาท ได้ไม่กี่เล่ม หนึ่งในนั้นคือ ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ ของท่าน พุทธทาสภิกขุ ผมต้องซื้อให้ครบพันบาทเพื่อที่จะได้บัตรสมาชิกของร้านซีเอ็ด เพื่อที่ผมจะได้เป็นสมาชิกร้านหนังสือครั้งแรกในชีวิต

2 กันยายน ผมซื้อเพิ่มอีกสองเล่ม หนึ่งในนั้นเป็นหนังสือออกใหม่ที่พนักงานของร้านแนะนำชื่อ "หนังสือปลุกพลังชีวิต" หนึ่งในผู้เขียนคือ แจ็ค แคนฟิลด์ ใครคนหนึ่งที่ผมเคยเห็นชื่อเขาปรากฎอยู่ในหนังสือเดอะซีเคร็ต ผมว่าผมชอบประโยคหนึ่งบนปกหลังที่ว่า "ต่อจากนี้ไปอีก 5 ปี คุณจะยังเป็นคนเดิม นอกจากสองสิ่งต่อไปนี้ที่จะเปลี่ยนตัวคุณได้คือ คนที่คุณคบหา และหนังสือที่คุณอ่าน" ผมรู้สึกอย่างนั้น หนังสือคือสิ่งแรกที่ผมสามารถขวานขวายมาได้ ผมต้องการพลังชีวิต..พลังสติปัญญาจากภายใน แรงบันดาลใจที่จะขับเคลื่อนไปตามเส้นทางแห่งความสำเร็จ...ไปสู่อนาคตอันสวยงามดั่งที่ผมต้องการ ไม่ใช่อนาคตที่ใครอื่นใดขีดหรือคาดการณ์ไว้  ....นี่มันอนาคตของผม

หมายเลขบันทึก: 391730เขียนเมื่อ 7 กันยายน 2010 02:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม 2012 12:07 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะ

อ่านหนังสือเยอะจัง สรุปแล้วได้ข้อคิดอะไรบ้างคะ

ชีวิตดีขึ้นไหม

น่าจะดีขึ้นนะคะ เพราะว่า...มุมมองของเราเปลียนไป

โลกรอบกายยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรแปลกใหม่

แต่...ที่ใหม่กว่า คือ...ใจของเราค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

จาก...ผู้ที่อ่านหนังสือเหมือนคุณเด๊ะ..

ครับ อ่านมากๆ ครับ พร้อมพินิจชีวิตควบคู่ไปด้วย

ดีเยี่ยมครับ

ปรัชญาแนวพุทธคือ "ไม่ใช่พรหมลิขิตชีวิตมนุษย์ ไม่ใช่พุทธลิขิตชีวิตสัตว์ กฏแห่งกรรมที่มีย่อมชี้ชัด ก่ออุบัติเลวงามไปตามกรรม" ยืมกวีนี้มาจากหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่ง ขออภัยผู้ประพันธ์ผมจำได้แต่กลอนครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท