(W)ความทุกข์และวิธีขจัดทุกข์ที่ทำให้นอนไม่หลับ??


ความทุกข์นั้นเกิดจากใจและกาย ก็ต้องระงับด้วยกายและใจเช่นกัน

           "ทุกข์เท่าไหร่ ถึงจะพอ?"

           ความทุกข์ของผมส่วนมากจะเป็นทุกข์เรื่องงานเรื่องเรียนซะมากกว่าครับผม ส่วนเรื่องอื่นๆเช่น เรื่องความรักเพื่อนหรืออะไร พวกนี้ไม่ค่อยทุกข์เลย เป็นเรื่องเล็กไปง่ะ ไม่รู้ทำไม.
            ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างเอาใจใส่เรื่องงาน หรือ ลายละเอียดต่างๆในงานที่ได้รับมอบหมายมาก .   ด้วยเหตุนี้ก็ทำให้ เวลามีงานเข้ามาก็เริ่มเกิดทุกข์ทันทีเลย. ความทุกข์ครั้งนึงที่คิดว่ามันเป็นความทุกข์ที่สุดๆเลยอ่ะ ไม่เคยทุกข์แบบนี้มากก่อนเลย คือ ตอนนี้ ก่อนจบอ.ประจำระดับม.6 อ.เขาให้ทำรายการกบนอกกะละจูเนียร์ ซึ่งมันเป็นงานที่ค่อนข้างต้องอาศัยความร่วมมือหลายด้านมากและขั้นตอนการทำงานค่อนข้างยุ่งยากมากพอสมควร คือว่า ขั้นแรกต้องมาประชุมกันก่อนว่าจะทำเรื่องอะไร แล้ว พอตกลงได้ก็ เริ่มมาหาสถานที่หรือบุคคลที่จะไปติดต่อถ่ายทำ และต้องติดต่อไว้ล่วงหน้าในกรณีที่เขามีเวลาให้เราทำรายการน้อย แล้วถ่ายต้องมี มีคนเขียนสคริป รายการ และ เลือกพิธีกรด้วย งานนี้ พอถ่ายเสร็จ งานที่หนักที่ผมได้คือการตัดต่อวิดีโอซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยาวพอสมควร จีงใช้เวลาตัดต่อนานมากซึ่งในห้องตอนนั้นไม่มีใครตัดต่อเป็นเลยมีแต่ผมคนเดียวเลยต้องรับหน้าที่หนัก ตัดต่อโดยผมคนเดียว นี่หล่ะความทุกข์ของผม เพื่อนๆก็กดดันว่าเมื่อไหร่จะเสร็จ แล้วอีกอย่างงานส่วนตัว และก็ใกล้สอบอีก ผมเคลียดมาก จนทำให้รู้ว่า ที่เขาบอกว่าทุกข์จนเอามือก่ายหน้าผาก มันมีจริง เจอกับตัวพ่อเจ้า มันก่ายจริงและโดยที่เราไม่รู้ตัวด้วย แล้วในสมองเรามีแต่งานๆๆๆๆ เหมือนไม่ได้หลับเลย ถึงหลับก็หลับได้สักพักก็เหมือนกับตื้นๆหลับๆ

            ผมมีวิธีหนี้จากทุกข์นี้คือ ทำสมาธิ . จบ หลายคนอาจจะคิดว่า ทำสมาธิจะช่วยอะไรได้?? แต่ถ้าคุณทำสมาธิให้ถูกวิธี คุณจะ รู้เลยว่าเป็นหนทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เพราะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรามีสติและสมาธิ เมื่อมีสติและสมาธิสิ่งที่ตามมาคือปัญญา ปัญญาในที่นี้คือความคิดที่จะแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบและมีปัญญา ทุกๆวันนี้ก็ทุกข์หลายอย่างเรื่องงาน เช่น นำเสนอของอ.ชูแล้ว ไม่ผ่านเพราะนำเสนอนานไปรึป่าว  และผมก็ทำสุดชี...(ชีวิต)แล้ว ช่วงนั้นเคลียดนะ แต่ไม่ได้โกรธอ.ชูเลย แต่คิดในแง่ดีว่า ถ้าอ.ให้นำเสนอใหม่ยังดีกว่าให้ตกไปเลย อีก เลยมีกำลังใจ ขึ้น ว่าถ้าผมทำอะไรที่มันท้าทายบ่อยๆมันก็จะทำให้ผมเป็นคนกล้ามาขึ้น

             ปัจจุบัน วิธี ที่ผมทำเพื่อขจัดทุกข์นั้นมี 3 อย่าง แต่ละอย่างมันอาจจะ ไม่เข้ากันเลยนะ ^^  

1.สอนเพื่อนๆที่ไม่เข้าใจในเรื่องคอมหรือโปรแกรมต่างๆ เวลาสอนให้เขาเข้าใจแล้วเหมือนทำให้เราเอาความเคลียดออกไปได้ (อันนี้จริงๆ)

2.เล่นกีฬาทุกๆ เย็นต้องแบ่งเวลาไปออกกำลัง พบปะผู้คนคนรู้จักที่สนามกีฬา ได้คุยก็ทำให้เราหายคิดเรื่องที่เคลียดได้เช่นกัน

3.ทำสมาธิ วิธีนี้อาจจะมีเรื่องเล่าอีกง่ะเอาแบบย่อๆมีครั้งนึง เคลียดเรื่องเล็กๆน้อยๆนิหล่ะ แล้วนั่งสมาธิ พอจิตเราเป็นสมาธิ ตอนจะออกสมาธิ ก็เผลอไปคิดถึงเรื่องนั้นอีกทำเอาจิตรับไม่ทัน น้ำตามันไหลออกมาเอง อันนี้ไม่รู้เป็นเพราะอะไรแน่ แต่เดี๋ยวนี้ ส่วนมากเวลามีความทุกข์ก็จะทำสมาธินั้นหล่ะเป็นวิธีที่เยี่ยมที่สุดแล้ว .

 

"ทุกข์ มันแก้ไม่ยากหรอก ขอเพียงแค่เรามีสติและคิดแก้ปัญหาอย่างคนมีปัญญา"

         มีเกิดสุขตั้งอยุ่และดับไป     มีสุขใดจีรังยั่งยืนหนอ

ทุข์แล้วสุขสุขแล้วทุกข์เช่นกงล้อ    แล้วจะรอให้ทุกข์หรืออย่างไร

อย่ารอให้ความทุกข์มันเข้ามาทำร้ายจิตใจคุณโดยที่คุณไม่ทำอะไรเลย 


คำสำคัญ (Tags): #ครุสังคม
หมายเลขบันทึก: 391729เขียนเมื่อ 7 กันยายน 2010 01:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 16:13 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ยอดเยี่ยมจริงๆค่ะ เรียนรู้วิธีดับทุกข์ได้ด้วยตัวเอง

แสดงถึงมีวุฒิภาวะสูงมากๆ

พ่อแม่คงภูมิใจที่เลี้ยงลูกให้คิดได้อย่างนี้

เป็นกำลังใจให้นะคะ

ขอบคุณคับ ผมก็ใช้อยู่บ้างในการนั่งสมาธิ พักนี้ก็รู้สึกว่าเครียดและทุกข์บ่อยเหมือนกัน

ดีนะที่มีทุกข์แล้วหาวิธีดับทุกข์ด้วยตนเองได้และที่น่าชื่นชมคือดับทุกข์

โดยไม่ต้องทำร้ายร่างกายตนเองด้วยดีมากๆนะได้ประโยชน์ด้วย

ดีๆจะลองทำดูบ้าง

" นู๋โอ๋ " - เด็กสังคมคร้า

เป็นวธีที่ดีมากเลยจ้า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท