"ทุกข์เท่าไหร่ ถึงจะพอ?"
ความทุกข์ของผมส่วนมากจะเป็นทุกข์เรื่องงานเรื่องเรียนซะมากกว่าครับผม ส่วนเรื่องอื่นๆเช่น เรื่องความรักเพื่อนหรืออะไร พวกนี้ไม่ค่อยทุกข์เลย เป็นเรื่องเล็กไปง่ะ ไม่รู้ทำไม.
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างเอาใจใส่เรื่องงาน หรือ ลายละเอียดต่างๆในงานที่ได้รับมอบหมายมาก . ด้วยเหตุนี้ก็ทำให้ เวลามีงานเข้ามาก็เริ่มเกิดทุกข์ทันทีเลย. ความทุกข์ครั้งนึงที่คิดว่ามันเป็นความทุกข์ที่สุดๆเลยอ่ะ ไม่เคยทุกข์แบบนี้มากก่อนเลย คือ ตอนนี้ ก่อนจบอ.ประจำระดับม.6 อ.เขาให้ทำรายการกบนอกกะละจูเนียร์ ซึ่งมันเป็นงานที่ค่อนข้างต้องอาศัยความร่วมมือหลายด้านมากและขั้นตอนการทำงานค่อนข้างยุ่งยากมากพอสมควร คือว่า ขั้นแรกต้องมาประชุมกันก่อนว่าจะทำเรื่องอะไร แล้ว พอตกลงได้ก็ เริ่มมาหาสถานที่หรือบุคคลที่จะไปติดต่อถ่ายทำ และต้องติดต่อไว้ล่วงหน้าในกรณีที่เขามีเวลาให้เราทำรายการน้อย แล้วถ่ายต้องมี มีคนเขียนสคริป รายการ และ เลือกพิธีกรด้วย งานนี้ พอถ่ายเสร็จ งานที่หนักที่ผมได้คือการตัดต่อวิดีโอซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยาวพอสมควร จีงใช้เวลาตัดต่อนานมากซึ่งในห้องตอนนั้นไม่มีใครตัดต่อเป็นเลยมีแต่ผมคนเดียวเลยต้องรับหน้าที่หนัก ตัดต่อโดยผมคนเดียว นี่หล่ะความทุกข์ของผม เพื่อนๆก็กดดันว่าเมื่อไหร่จะเสร็จ แล้วอีกอย่างงานส่วนตัว และก็ใกล้สอบอีก ผมเคลียดมาก จนทำให้รู้ว่า ที่เขาบอกว่าทุกข์จนเอามือก่ายหน้าผาก มันมีจริง เจอกับตัวพ่อเจ้า มันก่ายจริงและโดยที่เราไม่รู้ตัวด้วย แล้วในสมองเรามีแต่งานๆๆๆๆ เหมือนไม่ได้หลับเลย ถึงหลับก็หลับได้สักพักก็เหมือนกับตื้นๆหลับๆ
ผมมีวิธีหนี้จากทุกข์นี้คือ ทำสมาธิ . จบ หลายคนอาจจะคิดว่า ทำสมาธิจะช่วยอะไรได้?? แต่ถ้าคุณทำสมาธิให้ถูกวิธี คุณจะ รู้เลยว่าเป็นหนทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เพราะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรามีสติและสมาธิ เมื่อมีสติและสมาธิสิ่งที่ตามมาคือปัญญา ปัญญาในที่นี้คือความคิดที่จะแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบและมีปัญญา ทุกๆวันนี้ก็ทุกข์หลายอย่างเรื่องงาน เช่น นำเสนอของอ.ชูแล้ว ไม่ผ่านเพราะนำเสนอนานไปรึป่าว และผมก็ทำสุดชี...(ชีวิต)แล้ว ช่วงนั้นเคลียดนะ แต่ไม่ได้โกรธอ.ชูเลย แต่คิดในแง่ดีว่า ถ้าอ.ให้นำเสนอใหม่ยังดีกว่าให้ตกไปเลย อีก เลยมีกำลังใจ ขึ้น ว่าถ้าผมทำอะไรที่มันท้าทายบ่อยๆมันก็จะทำให้ผมเป็นคนกล้ามาขึ้น
ปัจจุบัน วิธี ที่ผมทำเพื่อขจัดทุกข์นั้นมี 3 อย่าง แต่ละอย่างมันอาจจะ ไม่เข้ากันเลยนะ ^^
1.สอนเพื่อนๆที่ไม่เข้าใจในเรื่องคอมหรือโปรแกรมต่างๆ เวลาสอนให้เขาเข้าใจแล้วเหมือนทำให้เราเอาความเคลียดออกไปได้ (อันนี้จริงๆ)
2.เล่นกีฬาทุกๆ เย็นต้องแบ่งเวลาไปออกกำลัง พบปะผู้คนคนรู้จักที่สนามกีฬา ได้คุยก็ทำให้เราหายคิดเรื่องที่เคลียดได้เช่นกัน
3.ทำสมาธิ วิธีนี้อาจจะมีเรื่องเล่าอีกง่ะเอาแบบย่อๆมีครั้งนึง เคลียดเรื่องเล็กๆน้อยๆนิหล่ะ แล้วนั่งสมาธิ พอจิตเราเป็นสมาธิ ตอนจะออกสมาธิ ก็เผลอไปคิดถึงเรื่องนั้นอีกทำเอาจิตรับไม่ทัน น้ำตามันไหลออกมาเอง อันนี้ไม่รู้เป็นเพราะอะไรแน่ แต่เดี๋ยวนี้ ส่วนมากเวลามีความทุกข์ก็จะทำสมาธินั้นหล่ะเป็นวิธีที่เยี่ยมที่สุดแล้ว .
"ทุกข์ มันแก้ไม่ยากหรอก ขอเพียงแค่เรามีสติและคิดแก้ปัญหาอย่างคนมีปัญญา"
มีเกิดสุขตั้งอยุ่และดับไป มีสุขใดจีรังยั่งยืนหนอ
ทุข์แล้วสุขสุขแล้วทุกข์เช่นกงล้อ แล้วจะรอให้ทุกข์หรืออย่างไร
อย่ารอให้ความทุกข์มันเข้ามาทำร้ายจิตใจคุณโดยที่คุณไม่ทำอะไรเลย
ยอดเยี่ยมจริงๆค่ะ เรียนรู้วิธีดับทุกข์ได้ด้วยตัวเอง
แสดงถึงมีวุฒิภาวะสูงมากๆ
พ่อแม่คงภูมิใจที่เลี้ยงลูกให้คิดได้อย่างนี้
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ขอบคุณคับ ผมก็ใช้อยู่บ้างในการนั่งสมาธิ พักนี้ก็รู้สึกว่าเครียดและทุกข์บ่อยเหมือนกัน
ดีนะที่มีทุกข์แล้วหาวิธีดับทุกข์ด้วยตนเองได้และที่น่าชื่นชมคือดับทุกข์
โดยไม่ต้องทำร้ายร่างกายตนเองด้วยดีมากๆนะได้ประโยชน์ด้วย
ดีๆจะลองทำดูบ้าง
เป็นวธีที่ดีมากเลยจ้า
ทำอย่างนั้นจริงดิ