ก่อนอื่น พี่จุดขอขอบพระคุณผู้ป่วย และญาติ ทุกท่าน ที่มาร่วมกิจกรรมการ ลปรร “ เรื่องการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด “ มากนะคะ คิดอยู่นานเหมือนกันค่ะว่า จะถ่ายทอดบทเรียน / เสียงสะท้อนจากการเล่าถึงประสบการณ์การป่วยของตนเอง / คนในครอบครัว ในครั้งนี้อย่างไรดี จึงจะเกิดความคุ้มค่ามากที่สุด นอกเหนือจาก F to F ที่ทำเป็นประจำอยู่แล้ว
ในที่สุดก็คิดว่า พี่จุดน่าจะเขียนบันทึกเล่าผ่าน gotoknow เพื่อขยายพันธุ์ การเรียนรู้ จากกลุ่มผู้เข้าร่วมกิจกรรม สู่กลุ่มหอผู้ป่วย / หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากในโรงพยาบาล สู่ นอกโรงพยาบาล จากในจังหวัด สู่ต่างจังหวัด หรือแม้แต่ จากในประเทศ สู่ต่างประเทศ เหมือนการขยายพันธุ์เซลล์ จาก หนึ่งเซลล์ สู่ สอง...สี่...แปด....สิบหก.....สามสิบสอง............เซลล์ ไม่มีที่สิ้นสุด
ดังนั้น บันทึกที่พี่จุดจะเขียนเล่าต่อไปนี้ หากมีตอนหนึ่งตอนใด หรือคำพูดหนึ่งคำพูดใด ที่เป็นการล่วงเกิน ละเมิดสิทธิ์ ของผู้ป่วย / ญาติ หรือกระทบความรู้สึก / ไม่สบอารมณ์ ฯลฯ พี่จุดต้องขออภัยทุกท่านล่วงหน้าไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ เพราะเจตนาเพียงเพื่อต้องการถ่ายทอดให้ทีมสุขภาพผู้ดูแล / ทีมอาสาสมัครดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย หรือผู้สนใจทั่วไป ได้เข้าใจถึง สภาพจิตใจ ความรู้สึกนึกคิด เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ได้จากการดูแลตนเอง / คนในครอบครัว เพื่อพวกเราจะได้นำความรู้ ประสบการณ์ เหล่านี้มาทบทวนทางวิชาการ เพื่อได้ความรู้ใหม่ในการพัฒนาการดูแลผู้ป่วยให้ดีมีคุณภาพยิ่งขึ้นต่อไป หากบันทึกนี้ดีมีประโยชน์ ขออานิสงค์ครั้งนี้โปรดกลับคืนสู่ผู้ป่วย ให้ท่านทั้งหลายมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดด้วยนะคะ
ในการร่วมกิจกรรม ลปรร วันนั้น
ผู้ป่วยคนที่หนึ่ง เล่าว่า เมื่อรู้ข่าวว่าตนเองป่วยเป็นมะเร็ง ไม่คิดอะไรมาก คิดแต่เพียงว่า เมื่อผ่าตัดเสร็จตัวเองคงจะเรียบร้อย ไม่น่าจะมีปัญหาแต่ประการใด ไม่นึกเลยว่า จะต้องใช้เวลากับการป่วยด้วยโรคนี้นานมาก โดยเฉพาะการได้รับยาเคมีบำบัด ช่างเป็นช่วงเวลาที่ทรมานมากที่สุดช่วงหนึ่ง เนื่องจากมีอาการทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ส่วนใหญ่จะมีอาการหลังได้รับยาแล้วประมาณ 1 สัปดาห์
เธอเล่าต่อว่า ความทรมานทางด้านร่างกายคือ เธอมีอาการปวดกระดูกตาม มือ เท้า ข้อต่างๆ เจ็บคอ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ผมร่วง สารพัดที่ประดังเข้ามา
ส่วนทางด้านจิตใจ เธอรู้สึก หดหู่ เศร้า ไม่อยากจะเจอใคร ไม่มีใครเข้าใจเธอ พอเริ่มอาการจะดีขึ้น ก็ครบเวลาที่จะต้องได้รับยาเคมีบำบัดอีกแล้ว เธอคิดว่า เธอไม่อยากจะได้ยาอีก แต่ก็ผ่านมาได้จนได้ยาครบ 12 ครั้ง
เธอรู้สึกสูญเสียความมั่นใจ แม้จะพยายามทำใจให้ยอมรับ แม้จะได้รับการดูแลแนะนำอย่างดี จากแพทย์และพยาบาล แต่ไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกมั่นใจกลับคืนมาเลย ได้แต่พยายามดูแลรักษาตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อครอบครัว ช่างเป็นความเจ็บปวดที่ยาวนาน แม้บางครั้งจะเจ็บไม่มากแต่ก็เจ็บตลอดเวลา
แล้วพี่จุดจะเล่าประสบการณ์ของผู้ป่วยคนต่อไปให้ทราบคราวหน้านะคะ
บล็อก ของพี่จุดจะดังทะลุฟ้าแน่นอนครับ ที่จริงน่าจะมีคนเก็บเรื่องของการปฏิบัติตัว ความสำเร็จในการรักษา ความรู้สึกเมื่อรู้ว่าเป็นโรค ฯลฯ ของคนไข้โรคอื่นๆ มาเล่าแบบไม่ละเมิด อีกนะครับ Gotoknow ก็จะเป็นช่องทางให้คนที่เป็นโรคใดโรคหนึ่งได้มีเพื่อน ได้เรียนรู้วิธีดูแลตัวเอง หรือดูแลญาติที่เจ็บป่วย
มีประสบการณ์การดูแลคนที่รัก ตามอาการต่างที่พี่จุดเล่า วิธีที่ดีอีกอย่างสำหรับผู้ดูแล คือ การทำทุกอย่างในช่วงเวลาที่เขาต่อสู้กับโรค ให้เขามีความสุขทางใจ แม้เราจะรู้สึกเศร้าไปด้วยแต่พยายามเก็บความรู้สึกส่วนนั้นไว้ ตั้งหน้าตั้งตาดูแลสม่ำเสมอ กอดสัมผัส อ่านหนังสือให้ฟัง ร้องเพลง ฯลฯ พร้อมๆ กันนั้นทั้งเราและเขาร่วมกันเรียนรู้ธรรมเรื่อง ......เจ็บ..........ไปพร้อมๆ กัน
รู้สึกดีค่ะสำหรับการถ่ายทอดประสบการณ์ของพี่สู่สาธารณชน ตนเองเป็นคนหนึ่งที่ต้องดูแลผู้ป่วยลักษณะเช่นนี้เหมือนกันเพิ่งจะเริ่มต้นค่ะ จะบอกว่า "กังวล กลัวทำให้เขาแย่ลง และหลายๆอย่าง...ไม่มั่นใจจะทำได้ แต่หนูคิดว่าจะพยายาม...เพื่อช่วยพวกเขาให้ได้มากที่สุด" หวังเหลือเกินว่า "พี่จะกรุณาช่วยให้คำแนะนำการดูแลผู้ป่วยลักษณะนี้...ให้หนูได้บ้าง" ขอบคุณค่ะ
สุดท้ายนี้หนูขออีเมลเพื่อใช้ในการติดต่อกับพี่ได้ไหมค่ะ ถ้าจะกรุณาขอบคุณค่ะ
พี่จุด
แค่อ่านข้อความด้านบนก็รู้สึกว่าพี่มีจิตใจที่ดีมากในการกล่าวขออภัย แต่นั่นน่าจะไม่ใช่เรื่องละเมิดอะไร เพราะหนูเป็นคนหนึ่งที่กำลังหาข้อมูลทาด้านการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง เพื่อจะได้ดูแลคนที่หนูรักอย่างถูกวิธี ขอบคุณมากนะค่ะสำหรับข้อมูลดีดี ขอบคุณจริงๆ จะเข้ามาอ่านทุกวันเลย
สวัสดีค่ะน้อง gift
มนุษย์หรือสัตว์โลกที่ดำรงค์ชีวิตอยู่ได้เพราะสภาพเเวดล้อมของธรรมชาติ เมื่อมีการเจ็บป่วยก็จะมีพืชหรือวัตถุธาตุต่างๆ ที่รักษา ซ่อมแซม บำรุงส่วนต่างๆของร่างกายที่เจ็บป่วย เพียงแต่มนุษย์เราจะศึกษา เรียนรู้และนำมาใช้ได้หรือไม่เท่านั้นเองครับ
ในประเทศจีน - อินเดีย ให้ความสำคัญกับการแพทย์แผนโบราณและแผนปัจจุบันเท่าเทียวกันครับ โรงพยาบาลของทั้งสองประเทศนี้จะมีทั้งแพทย์แผนโบราณและแพทย์แผนปัจจุบันอยู่ในโรงพยาบาลเดียวกัน เรียกชื่อว่าแพทย์ทางเลือกครับ
เดียวนี้ในประเทศไทยมีการฟื้นฟูการแพทย์แผนไทยขึ้นมาใหม่ หลังจากที่เก็บจะลบเลือนหายไปหมด มีสมุนไพรหลายตัวและหลายสูตรที่รักษาโรคมะเร็งที่ต่างๆได้แล้วครับ
ถ้าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร้งลำใส้ มะเร็งเม็ดเลือด - เม็ดเลือดขาว มะเร็งผิวหนัง พอจะมียาสมุนไพรรักษาครับ ถ้ามีอาการปวดแขน ขา มือ เท้า ข้อต่างๆ เจ็บคอ คลื่นใส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ผมร่าง สมุนไพรช่วยได้ครับ ต้องรีบกินสมุนไพรรีบรักษาแล้วล่ะ ต้องยังไม่ได้รับการผ่าตัดมานะครับ
สนใจติดต่อรับยาทดลองรับประทานก่อนได้นะครับ 1 เดือน 30 เม็ด [email protected]
ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง ร่วมกับ ชมรมโภชนวิทยามหิดล
ขอเชิญผู้สนใจสุขภาพทุกท่านร่วมกิจกรรม
มะเร็งยังมีทางออกที่ไม่สิ้นหวัง
ในวันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2551 เวลา 9:00-17:00 น.
ณ อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี ซ.ศูนย์วิจัย ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ
พบกับ..กิจกรรมเพื่อสุขภาพ ฟรีตลอดทั้งวัน
• สัมมนาวิชาการความรู้โรคมะเร็ง จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
• ชม ชิม ช้อป ผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสุขภาพ
• บริการให้คำปรึกษาการดูแลและแก้ไขปัญหาสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง โดยพยาบาลวิชาชีพโรคมะเร็ง จากชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง
• บริการให้คำปรึกษาด้านโภชนบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง จากชมรมโภชนวิทยามหิดล
• ประกาศการประกวดเรียงความในหัวข้อ “มะเร็งยังมีทางออกที่ไม่สิ้นหวัง”
กำหนดการ
9:00-11:00 น. บรรยายและสาธิตเมนูอาหารต้านมะเร็ง
โดย...ม.ร.ว.หญิง พรรณนิภา จันทรทัต ประธานชมรมโภชนวิทยามหิดล
11:00-12:00 น. สร้างภูมิคุ้มกันด้วยหัวเราะบำบัด ... เรียนรู้ทฤษฎีและปฏิบัติจริง
โดย... ชมรมหัวเราะบำบัดแห่งประเทศไทย
13:00-13:30 น. พิธีเปิดงาน “มะเร็งยังมีทางออกที่ไม่สิ้นหวัง” อย่างเป็นทางการ
โดย...นพ.ยงยุทธ คงธนารัตน์ ที่ปรึกษาสมาคมรังสีรักษาและมะเร็งวิทยา แห่งประเทศไทย
13:30-14:30 น. บรรยายหัวข้อ “การบรรเทาความทุกข์ในผู้ป่วยมะเร็ง”
โดย...นพ.ชนะวัธน์ เทศะวิบุล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลศูนย์มะเร็งกรุงเทพ
14:30-14:50 น. พัก
14:50-15:30 น. ประกาศผลการประกวดเรียงความ หัวข้อมะเร็งยังมีทางออกที่ไม่สิ้นหวัง และมอบรางวัล
ร่วมฟังข้อคิดจากประสบการณ์จริง “ฉันต่อสู้โรคมะเร็งอย่างไร” จากผู้ชนะการประกวด
15:30-16:30 น. บรรยายหัวข้อ “การประเมินภาวะโภชนาการในผู้ป่วยมะเร็ง”
โดย พล.อ.ต.นพ.วิบูลย์ ตระกูลฮุน นายกสมาคมเวชบำบัดวิกฤติ แห่งประเทศไทย
16:30-16:40 น. ปิดงาน โดย นักร้องรับเชิญกิตติมศักดิ์
ติดต่อสำรองที่นั่งสำหรับตัวท่านเองได้แล้ววันนี้ เพื่อรับของที่ระลึกฟรีหน้างาน (จำนวนจำกัด)
โทร.0-2664-0078-9
ขอบคุณ คุณหมอโบราณ และคุณสุรัสวดี มากนะคะที่ร่วมแสดงความคิดเห็นและให้ข้อมูลหากมีการประชุม / อบรม อีก ขอช่วยบอกด้วยนะคะ เผื่อว่าจะมีผู้สนใจร่วมกิจกรรมด้วยค่ะ
มีสมุนไพรต้านสารก่อมะเร็งและบำรุงร่างกาย สนใจติดต่อ 0897013670
เรียนผุ้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการคีโมแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นหรือฉายแสงแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น
และผ่าตัดแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น.ให้รีบติดต่อคุณหวังช่วยนะค่ะ.เพื่อเป็นแนวทางในการรักษา
(ห้ามล้อเล่นกับโรคร้ายนี้.เพราะมันไม่เคยปราณีใครค่ะ)
จะทิ้งเบอร์คุณหวังช่วยให้นะค่ะ 089-1289304 ก.ท.ม
สิบปากว่าไม่เท่าลองโทร.ก่อนที่จะหมดทางเยียวยาค่ะ
เรียนท่านผู้ป่วยโรคมะเร็ง ท่านที่ได้รับการคีโมแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือฉายแสงแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น อย่าเพิ่งสิ้นหวัง
ขอให้มีกำลังใจต่อสู้ เรายินดีช่วยท่านด้วยความจริงใจ ขอให้ท่านติดต่อมาหาเรา มีผู้ป่วยที่ได้รับแนวทาง
การรักษาจากเราแล้ว ไปตรวจไม่พบเชื้ออีกเลย 080-9723649
ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เคยเป็นผู้ป่วยมะเร็ง ( มะเร็งหลังโพรงจมูก ) โชคดีที่ตรวจพบโดยบังเอิญระหว่างพาลูก
ไปหาหมอ พูดคุยกับหมอแล้วหมอได้ฟังเสียงของผมแล้วบอกว่าเสียงที่พูดออกมาคล้ายกับมีอะไรขวางอยู่
จึงแนะนำให้ผมส่องกล้องที่โพรงจมูก ผมจึงให้หมอตรวจแล้วหมอก็ตรวจพบความผิดปกติแล้วตัดชิ้นเนื้อไปทำ
การตรวจสอบ นัดมาฟังผลอีกครั้ง สรุปว่าผมเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก ระยะ 4 แล้ว วินาทีที่ทราบผลจากหมอ
ผมสับสนมาก แต่ไม่กลัวที่จะสู้กับชะตากรรมต่อไป ผมมีครอบครัวที่ต้องดูแล ลูกเล็กๆ 2 คน อายุ 6-7 ขวบ
และภรรยาซึ่งเป็นแม่บ้านอีก 1 ชีวิต จึงร่วมใจกันสู้ชะตากรรมต่อไปอย่างไม่ทางเลือก ต้องสู้และต้องขนะอย่างเดียว
สิ่งสำคัญเริ่มแรกที่ต้องมีคือ ขวัญและกำลังใจ และให้ทบทวนพฤติกรรมการกินการอยู่ของตนเอง
สิ่งใดที่ไม่สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตที่ดีก็ให้แก้ไขปรับเปลี่ยน รับการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ ระหว่างขั้น-
ตอนการรักษาเราจะต้องควบคุมตัวเองทั้งสภาพร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงตลอดพร้อมที่จะรับการรักษาทั้ง-
การฉายรังสี เคมีบำบัด ตลอดจนการผ่าตัด
หลังจากได้รับการรักษาจากแพทย์ครบกระบวนการแล้ว เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องรักษาและฟื้นฟูสภาพ-
ร่างกายของตนเองให้แข็งแรงตลอดเวลา เพื่อที่จะป้องกันให้โรคร้ายไม่กลับมาอีก
ปัจจุบันผมได้หายจากโรคร้ายมาได้เป็นเวลาครบ 10 ปีแล้ว ระหว่างที่ทำการรักษา และ เฝ้าระวังเป็นประสบ-
การณ์ที่ยาวนานมาก ยินดีถ่ายทอดประสบการณ์และให้การปรึกษาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนร่วมชะตากรรมทุกท่าน
ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เคยเป็นผู้ป่วยมะเร็ง ( มะเร็งหลังโพรงจมูก ) โชคดีที่ตรวจพบโดยบังเอิญระหว่างพาลูก
ไปหาหมอ พูดคุยกับหมอแล้วหมอได้ฟังเสียงของผมแล้วบอกว่าเสียงที่พูดออกมาคล้ายกับมีอะไรขวางอยู่
จึงแนะนำให้ผมส่องกล้องที่โพรงจมูก ผมจึงให้หมอตรวจแล้วหมอก็ตรวจพบความผิดปกติแล้วตัดชิ้นเนื้อไปทำ
การตรวจสอบ นัดมาฟังผลอีกครั้ง สรุปว่าผมเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก ระยะ 4 แล้ว วินาทีที่ทราบผลจากหมอ
ผมสับสนมาก แต่ไม่กลัวที่จะสู้กับชะตากรรมต่อไป ผมมีครอบครัวที่ต้องดูแล ลูกเล็กๆ 2 คน อายุ 6-7 ขวบ
และภรรยาซึ่งเป็นแม่บ้านอีก 1 ชีวิต จึงร่วมใจกันสู้ชะตากรรมต่อไปอย่างไม่ทางเลือก ต้องสู้และต้องขนะอย่างเดียว
สิ่งสำคัญเริ่มแรกที่ต้องมีคือ ขวัญและกำลังใจ และให้ทบทวนพฤติกรรมการกินการอยู่ของตนเอง
สิ่งใดที่ไม่สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตที่ดีก็ให้แก้ไขปรับเปลี่ยน รับการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ ระหว่างขั้น-
ตอนการรักษาเราจะต้องควบคุมตัวเองทั้งสภาพร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงตลอดพร้อมที่จะรับการรักษาทั้ง-
การฉายรังสี เคมีบำบัด ตลอดจนการผ่าตัด
หลังจากได้รับการรักษาจากแพทย์ครบกระบวนการแล้ว เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องรักษาและฟื้นฟูสภาพ-
ร่างกายของตนเองให้แข็งแรงตลอดเวลา เพื่อที่จะป้องกันให้โรคร้ายไม่กลับมาอีก
ปัจจุบันผมได้หายจากโรคร้ายมาได้เป็นเวลาครบ 10 ปีแล้ว ระหว่างที่ทำการรักษา และ เฝ้าระวังเป็นประสบ-
การณ์ที่ยาวนานมาก ยินดีถ่ายทอดประสบการณ์และให้การปรึกษาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนร่วมชะตากรรมทุกท่าน
ติดต่อได้ที่ e-mail.: [email protected] หรือโทรศัพท์ 081-8270606 เวลา 18.00 เป็นต้นไป
ดีใจด้วยนะคะที่พ้นจากโรคนี้ และขอขอบคุณแทนผู้ป่วย ญาติ ที่คุณยินดีถ่ายทอดประสบการณ์ตรงจากการต่อสู้กับโรคให้ทราบ ขอผลบุญจากการคิดดี ทำดี ช่วยส่งผลให้คุณพบแต่สิ่งดีๆ มีความสุข ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บด้วยนะคะ
เราเป็นอีกบุคคลที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งตอนนี้กำลังรักษาด้วนครีโมอยู่ ทรมานมากต้องการคำปรึกเกี่ยวกับการทานอารบำรุงเกล็ดเม็ดเลือด
- ก่อนอื่นขอโทษด้วยนะคะที่เพิ่งเปิด mail และแสดงความคิดเห็น
- โดยปกติแล้ว ผู้ป่วยมีโอกาสซีดได้จากตัวโรคเอง ถ้าซีดมาก แพทย์อาจพิจารณาให้ยาบำรุงเลือด ซึ่งอาจช่วยได้ระดับหนึ่ง
- เคยได้ยินญาติผู้ป่วยเล่าให้ฟังว่า เขาจะมีการเตรียมตัวของสามีก่อนได้รับยาเคมีบำบัดด้วยการต้มตับใส่ขิงเล็กน้อยเพื่อดับกลิ่นคาวรินเอาแต่น้ำ ( สามีไม่ชอบเนื้อตับ ) ให้สามีกินทุกวันค่ะ