บนโลกนี้กำลังมีชีวิตใหม่เกิดขึ้นวินาทีละ 5 คน...ล้วนแล้วแต่มีพ่อแม่ทั้งสิ้น(ไม่ว่าจะผสมโดยหลอดแก้วหรือไม่)
เรามีลูกกันทำไมหรือ??? ...
ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน...ว่าเผลอตัวมีลูกไปตั้งแต่เมื่อไหร่...แต่พอมีลูกชายคนแรกเกิดขึ้นมา พร้อมกับความรู้สึกรัก ผูกพัน ห่วงใย (ซึ่งก็มีกันโดยสัญชาตญาณทุกคนนั่นแหละ) ผมก็ให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่า...จะเลี้ยงเขาให้โตขึ้นเป็นผู้เป็นคนอย่างที่เราใฝ่ฝันจะเป็น...
ด้วยเหตุฉะนี้ ภรรยาผมจึงแถมมาให้อีกสองคน จนมีเรื่องเล่าจากการเรียนรู้กับการเลี้ยงลูกอย่างไม่รู้จบจริง ๆ
สิ่งที่ทำให้ผมกล้ามาเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวครั้งนี้ ผมคิดถึงประโยชน์ที่ท่านผู้อ่านจะได้มุมมองบางอย่างทั้งหมั่นใส้และชื่นชม เพราะเมื่อท่านตัดสินใจอ่าน นั่นหมายความว่าท่านได้เปิดจิตเปิดใจเข้ามาซึมซับวิถีชีวิต วิธีคิด วิธีปฏิบัติไปโดยไม่รู้ตัว
ไม่ใช่เพราะว่าภรรยาผมอนุญาตให้ถ่ายทอดเรื่องราวครอบครัวเราได้(ถึงแม้จะเป็นเหตุผลหลักจริง ๆ...555)
จากลูกชาวนาสายพันธ์แท้อย่างผม ที่พ่อแม่ไม่เคยได้เรียนหนังสือ มาถึงรุ่นผม ที่เรียนวิทยาลัยการสาธารณสุขภาคเหนือ ซึ่งไม่ได้โดดเด่นอะไร แล้วไปต่อวิทยาลัยครูพิบูลสงครามจนจบสุขศึกษา พร้อมกับเรียน มสธ.จนจบสาธารณสุขศาสตร์ไปพร้อมกัน ผลการเรียนก็ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร กับภรรยาผมซึ่งเป็นคนเดียวในตระกูลที่กว่าจะจบปริญญาตรีการจัดการ ก็ต้องเรียนต่อเนื่องกันหลายสถาบัน
เมื่อลูกชายคนโตสอบเข้าเรียนแพทย์ศิริราช ก็ยังความสงสัยค้างคาใจต่อผู้ที่รู้จักคุ้นเคยกับเราพอควรแล้ว
พอลูกชายคนที่ 2 เข้าเรียนคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ ความสงสัยยิ่งทวีคูณ จนมีคำถามมากมายที่ชวนให้ผมตอบ ซึ่งแม้จะถามกันซ้ำ ๆ ผมและภรรยาก็ยินดีตอบ(แม้บางครั้งจะตอบไม่เหมือนกัน)
ส่งผลให้ลูกสาวผมเกิดพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เหมือนถูกกดดันให้เดินทางไม่ห่างจากพวกพี่ ๆ เขามากนัก...แล้วผมจะเรียนรู้กับเขาอย่างไร
แม้ว่าเรายังมีคำถาม เรามีลูกกันเพื่ออะไร...ยังเป็นคำถามที่ค้างคาใจผมอยู่ ซึ่งผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าเมื่อท่านอ่านเรื่องราวของผมจบลง ก็ยังคงมึนงงสงสัยกันต่อไปอีกหลายภพหลายชาติ
และต่อไปนี้ ผมจะเล่าเรื่องราวที่น้อง ๆ ถามผมว่า เลี้ยงลูกยังไงให้เอาถ่าน
เป็นคุณพ่อคุณแม่ที่น่าชื่นชมมากค่ะ
นั่นนะสิ เรามีลูกเพื่ออะไร
ตอนแรกที่คลอดลูกคนแรก ก็บอกตัวเองและใครต่อใครว่า พอแล้ว มีคนเดียวพอ
3 ปีต่อมาก็คลานผ่านผนังหน้าท้องตามกันมาอีก
โตขึ้นยังไม่รู้อนาคต อนางอเลยค่ะ ปีหน้าจึงจะทราบว่าจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยสาขาไหน
ความทุกข์ของแม่(พ่อด้วยไหมไม่ทราบ)คือความห่วงใยพวกเขาค่ะ นั่นเพราะเรารักเขาใช่ไหมคะ
เรามีลูกเพื่อให้ได้รักได้ห่วงกระมัง
สวัสดีครับ พี่ "นายขำ"
เก่งกันทั้งบ้านนะครับ
แถมสวยและหล่อกันทุกคน
การมีลูกต้องมีปัญญา (เวลา+เงิน)
เพื่อให้เขามีคุณภาพที่ดีสุด (เก่ง+ดี+มีสุข)
ผมมีลูกชาย 1 คน ป.1 ครับ
เป็นสร้อยทองคล้องใจของผม และภรรยา
ลูกเป็นสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ
ที่มีพลังอานุภาพมหาศาลต่อผม
ผมพยายามเลี้ยงดูอย่างดีที่สุด
มีใครถามผมว่า หวังกับลูกไหม ?
ผมหวังแน่นอน อยากให้เป็นคนดี
แบ่งปันความสุขให้สังคม และให้เป็นคนรู้จักตนเองอย่างที่ดีสุด
พึ่งพาตนเองได้ ถ้าอนาคตไม่มีผม และภรรยา
และอยากให้พลังอานุภาพมหาศาลของผม คืนสู่ "ลูก" ของลูกชายของผม
ในอนาคตข้างหน้า
สำหรับผม มีลูก เพราะเอากอด และหอม ให้ความรักต่อกัน
ความรักเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้โลกเคลื่อนไหว ครับ
ผมเองมีลูกเพราะพ่ายแพ้แก่ กำหนัด
เห็นแค่เพียงว่าอยากมีผู้สืบสกุล
และเมื่อได้มีแล้ว ก็เรียนรู้ความเป็นพ่อ จากลูกของตน
เรียนรู้ตัวเองจากลูก เพราะเขาก็คือเรานั่นเอง
ต้องขอบคุณ"ลูก"ที่ได้ให้กำเนิด"พ่อ"
และเมื่อทำให้เขาได้มี สังขาร ที่ไม่มีความยั่งยืน เหมือนกับเราแล้ว
และ ...หลายคนมักลืมไปว่า มีเกิด ก็มีตาย
เราได้ให้ความเกิดแล้ว...แน่นอน ความตาย ย่อมมาถึงเราและลูกเป็นแน่แท้...
ก็ไม่ได้หวังอะไรไปมากกว่า ลูกจะเป็นที่รัก และเป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่น
เพราะไม่อย่างนั้น แล้ว...ก็คงไม่มีคุณค่าพอที่จะมีชีวิต
ดิฉันได้อ่านเรื่องของคุณ (นายขำ) และท่านอื่นๆ ดิฉันได้รู้สึกถึงความยินดีของคุณๆ ที่ได้มีลูก ดิฉันยินดีด้วยค่ะ
แต่สำหรับดิฉัน ความรู้สึกของดิฉันช่างแตกต่างจากคุณๆ และมันก็เป็นคำถามที่อยู่ในใจฉันตลอดเวลาว่า ทำไมฉันไม่มีความสุขที่มีลูก
ณารี [IP: 125.25.25.4]
คำถามของคุณณารี คล้ายกับว่ามีคำตอบอยู่ในใจตนเองแล้วนะครับ...
มีความเคลือบแคลงอยู่ในจิตของคุณไม่น้อย...อันเนื่องมาจากเหตุที่คุณทำไว้... ลองฝึกรู้ดูซิครับ...แล้วคุณจะเห็นจิตของคุณเอง....
เมื่อนั้น คุณจะรักลูก...มากกว่ารักตนเอง...