การทำงานด้วยวิธีคิดเชิงเดี่ยว ท่ามกลางปัญหาที่ซับซ้อน


ปัญหาคือ การทำงานของเรา "ไม่ซับซ้อนพอ" นอกจากเราคิดเชิงเดี่ยวแล้ว เรายังทำงานเชิงเดี่ยวด้วย คือทำไปทีละเรื่อง ทีละกิจกรรม

มีคนที่ติดตามการทำงานของเราอย่างใกล้ชิดมานาน ได้ช่วยวิเคราะห์การทำงานท่ามกลางปัญหาพี่น้องชาติพันธุ์ของเรา ให้ฟังว่า  เราทำงานเชิงเดี่ยว  ด้วยวิธีคิดเชิงเดี่ยว  จึงไม่อาจตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนของเยาวชน ครอบครัว และชุมชน ได้ทันการณ์

โดยผู้วิเคราะห์ช่วยมองย้อนอดีต ปัจจุบัน ให้อย่างชัดเจน ว่าเราทำงานเชิงเดี่ยวมาตลอด 

นับแต่สมัยก่อนเกือบ 10 ปีมาแล้ว ที่เราเจอปัญหาเยาวชนและครอบครัวในพื้นที่ ซึ่งไร้สิทธิต่างๆ มากมายในการดำเนินชีวิต เนื่องจากไม่มีสัญชาติไทย /บัตรประชาชน  เราก็กลับขึ้นไปทำงานนโยบายที่กรุงเทพ 5-6 ปี เพื่อแก้ปัญหาสัญชาติ โดยเน้นสัญชาติทางกฎหมาย

พอเห็นว่า เมื่อได้สัญชาติไทยแล้ว ก็ไม่ใช่คำตอบสำหรับชีวิตที่มีความสุข เลยหันหน้ากลับมาทำงานพัฒนา "คน"

โดยพยายามรื้อฟื้นและกระตุ้นการจัดสวัสดิการและการรวมกลุ่มของชาวบ้านในชุมชน โดยมองว่าเป็นวิธีการเพื่อการสร้างความมั่นคงในชีวิต ด้วยการพึ่งพาตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในชุมชน ทำให้ชาวบ้านอยู่อย่างมีความสุขในท้องถิ่นของตนได้

แต่จุดเริ่มต้นที่ทำเป็นรูปธรรมได้อย่างแรก คือ การจัดสวัสดิการด้านการศึกษา เพราะเป็นความต้องการของชาวบ้าน ซึ่งเราก็มองเห็นหนทางที่จะต่อยอดหลายสิ่งหลายอย่างจากจุดนี้ได้...

เมื่อมุ่งการให้การศึกษา โดยโจทย์การศึกษาคราวนี้ อยู่ที่นอกระบบ !!

ผู้วิเคราะห์ได้ช่วยอธิบายการทำงานของเราในช่วงนี้ต่อว่า "มันเป็นการคิด และสร้างสรรค์งานตาม "วิธีคิดเชิงเดี่ยว" ว่า "การศึกษานอกระบบ" คำตอบคือ จัดการศึกษาให้ จัดฝึกอาชีพให้ จัดกิจกรรมอื่นๆ ให้...จบ   ซึ่งมันไม่จบจริง..เพราะปัญหามันมากกว่า "การศึกษา" มันซับซ้อนมากๆ"

บทสรุปของการวิเคราะห์ มีว่า  ปัญหาคือ การทำงานของเรา "ไม่ซับซ้อนพอ"  นอกจากเราคิดเชิงเดี่ยวแล้ว เรายังทำงานเชิงเดี่ยวด้วย คือทำไปทีละเรื่อง ทีละกิจกรรม

นับว่าเป็นบทวิเคราะห์การทำงานที่มีค่ามาก แต่อยากหาคนช่วยคิดต่อและอยากขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ด้วยว่า ...

ถ้าเช่นนั้นแล้ว การทำงานเชิงซ้อน  การมีวิธีคิดเชิงซ้อน ในสถานการณ์เช่นนี้ควรเป็นอย่างไร ? เพื่อจะได้ปรับปรุง พัฒนาวิธีคิดและการทำงานของตนเอง  ให้ทันกับสถานการณ์ปัญหา

เพียงหวังว่าคนเล็กๆ ที่อยู่กับชาวบ้านในพื้นที่นี้จะพอทำอะไรได้บ้าง !!

ขอบคุณค่ะ

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 388035เขียนเมื่อ 25 สิงหาคม 2010 12:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 05:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

ความจริง พูดประมาณนี้กับพวกเธอมานานแล้ว

เธอมีแนวคิดที่ขัดต่อธรรมชาติ ในขณะที่พวกเธอกำลังทำเรื่องสัญชาติอย่างเข้มแข็งมาก ก็บอกให้เธอทำเรื่องสิทธิ ถ้าเธอจำเรื่องบาปบริสุทธิ์ได้นะ

เพียงแต่เธอสองคน มัน over confident

โลกนะมีธรรมชาติที่ซับซ้อน เราจึงต้องเข้าใจธรรมชาติให้ได้ และเรียนรู้ที่จะมีระบบระเบียบแห่งชีวิตท่ามกลางความซับซ้อนและยุ่งยากของเรื่องราวที่อยู่รอบตัวเรา

สัจจธรรมไม่มีอย่างเดียว

ความจริง พูดประมาณนี้กับพวกเธอมานานแล้ว

เธอมีแนวคิดที่ขัดต่อธรรมชาติ ในขณะที่พวกเธอกำลังทำเรื่องสัญชาติอย่างเข้มแข็งมาก ก็บอกให้เธอทำเรื่องสิทธิ ถ้าเธอจำเรื่องบาปบริสุทธิ์ได้นะ

เพียงแต่เธอสองคน มัน over confident

โลกนะมีธรรมชาติที่ซับซ้อน เราจึงต้องเข้าใจธรรมชาติให้ได้ และเรียนรู้ที่จะมีระบบระเบียบแห่งชีวิตท่ามกลางความซับซ้อนและยุ่งยากของเรื่องราวที่อยู่รอบตัวเรา

สัจจธรรมไม่มีอย่างเดียว

ไม่รู้ว่า และอยากรู้ว่า ผู้เชี่ยวชาญนั้นได้กล่าวถึงข้อดีอันประเสริฐในการแก้ปัญหาการทำงานของวิธีการแก้ไขปัญหาแบบเชิงเดียวไว้หรือไม่

ถ้าไม่มีการทำงานเชิงเดี่ยวเกิดขึ้น...ก็จะไม่มีผู้เชี่ยวชาญเกิดขึ้นเช่นกัน (พร้อมกันทีเดียวสองคน...อิอิ)

อาจารย์แหววก็พูดกับหนูบ่อยๆ เรื่องการคิดหรือทำแบบ "บูรณาการ"

อาจารย์ชอบพูดว่า.. "นี่ก็เรื่องเดียวกัน" "นั่นก็เรื่องเดียวกัน" "เอ็งมี 8 งาน แต่มันมี nature เดียวกันหมดเลย"

หนู.. งงๆๆๆๆๆๆ บางทีก็เข้าใจ บางทีก็ไม่เข้าใจ หรือบางทีก็ไม่พยายามจะเข้าใจ อิอิ

แต่ก็หวังว่าสักวันจะสามารถ คิดได้เช่นนั้น ทำได้เช่นนั้น ไม่มากก็น้อย เพื่อประโยชน์สูงสุดกับคนอื่นๆ บ้าง

ให้กำลังใจพี่ต้องค่ะ :-)

น้องต้องคะ วันที่ 24-25 ตค. พี่จะขึ้นไปพื้นที่ได้หรือไม่คะ ถ้ามีพรรคพวกไปด้วย จะไปกันได้สักกี่คนคะ

ได้เรียนถามผู้เกี่ยวข้องกับนโยบายประกันรายได้ ท่านบอกว่า ที่ว่าเกษตรกรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนปีที่แล้วจะไม่มีสิทธิ์นั้นไม่จริงค่ะ แต่เรื่องการขึ้นทะเบียนเองก็ยังมีปัญหาไม่ค่อยลงตัวนัก

คิดว่า น่าจะอยู่ที่กระบวนการคิดวิเคราะห์ค่ะ แต่ต้องทำร่วมกับชาวบ้าน

เช่น อาจเริ่มจากสิ่งที่ชาวบ้านต้องการ (ชาวบ้านมักต้องการสิ่งที่เป็นรูปธรรม) สมมติว่าการศึกษา ก็ให้ช่วยกันคิดต่อว่า

ถ้าจะมีการศึกษาอย่างที่ต้องการนั้น ต้องทำอะไรบ้าง

ในอีกด้านหนึ่งก็ต้องถามว่า ถ้าได้การศึกษาอย่างที่ต้องการแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ใช่เป้าหมายสุดท้ายที่คาดหวังหรือไม่ การศึกษาอย่างเดียวจะทำให้เกิดสิ่งที่คาดหวังได้จริงหรือ จะต้องมีอะไรอีก

แค่ค่อยๆคิดไล่ไปก็น่าจะเห็นภาพใหญ่ขึ้น ซับซ้อนขึ้น (และบางทีอาจจะทำให้เหน็ดเหนื่อยท้อใจได้มากขึ้นเหมือนกัน)

แล้วค่อยช่วยๆกันหาจุดเริ่มต้นทำงาน ควรจะเริ่ม ณ.จุดที่จะเป็น คานดีดคานงัด หมายถึง จุดที่เริ่มต้นแล้วส่งผลไปสู่การคลี่คลายจุดอื่นๆ จรีงๆแล้วอาจจะมี 2-3 เรื่องสำคัญที่ต้องทำก่อน

หา "ผู้เล่น" ให้ชัดเจน ว่าแต่ละเรื่องจะ "ทำงานกับใครอย่างไร"

หากเริ่มต้นจากตัวเอง  จะทำอะไรได้บ้าง

...

เป็นข้อเสนอเชิงหลักการทำงานน่ะค่ะ ... ไม่รู้ว่าจะได้เรื่องรึเปล่า

ข้อมูล การรู้ทันสถานการณ์ก็สำคัญค่ะ

บางที การพูดคุยในเวทีชาวบ้านนั้น ก็คิดกันภายใต้ข้อมูลชุดหนึ่ง (โดยเฉพาะประสบการณ์ที่มีอยู่) บางครั้ง สถานการณ์เปลี่ยนไปมากแล้ว ข้อมูล ข้อสมมติยังเก่าอยู่ จึงเป็นการวิเคราะห์ด้วยข้อมูลข้อสมมติที่ไม่เป็นจริง บทสรุปที่ได้ก็อาจจะผิด

หวังว่าน้องต้องจะมีทีมงานที่ช่วยๆกันทำ และช่วยกันติดตามสถานการณ์ที่เป็นบริบทแวดล้อมด้วย ก็เหนื่อยอยู่นะคะ

...เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ขอบคุณ อ.แหวว นุช และเตือนค่ะ

เคยต่อสู้กับตัวเอง อย่างความคิดเห็นของนุชแหละค่ะ

เพราะก่อนจะกลับลงมาอยู่พื้นที่ เพื่อเริ่มทำประเด็นอื่นที่่ซับซ้อนกว่าปัญหาสถานะและสิทธิ อ.แหวว ก็อยากให้เราไม่ต้องปล่อยประเด็นที่เรามีประสบการณ์อยู่หลายปีแล้ว ควรตามต่อเนื่องเพราะจำเป็นสำหรับชาวบ้านด้วยไม่แพ้กัน

แต่ในเมื่อเป็นเพียงคนๆ หนึ่งที่มีข้อจำกัด พอต้องเรียนรู้ หรือทำประเด็นอื่น ก็ไม่อาจเลือกจะเป็น "ผู้เชี่ยวชาญ" ในประเด็นใดประเด็นหนึ่งได้อีกต่อไป สุดท้าย ต้องมาเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่ไม่มีประสบการณ์ ทำให้รู้สึกว่า .. ตัวเองไม่รู้อะไรเลย !!

พลอยทำให้ต้องหันมาคิดแบบที่นุชว่า เหมือนภาษิตไทย "รู้อะไรรู้ให้จริงซักอย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล" หรือเปล่านะ??

ขอบคุณ อ.ปัท มากเลยค่ะ สำหรับคำแนะนำและกำลังใจอีกครั้ง โดยเฉพาะยามนี้ !!

ถ้าอาจารย์มาเยี่ยมพื้นที่ได้จริงๆ ก็ดีใจมากเลยค่ะ ช่วงนั้นก็ได้เลยค่ะ ถ้าอาจารย์สะดวก ยังไงต้องจะไปนัดต่อในรายละเอียดกับอาจารย์ทาง hotmail ของอาจารย์นะคะ

ส่วนเรื่องขึ้นทะเบียนเกษตรกร พอดีชาวบ้านของเราที่เป็นชาวเขาทั้งหมด แม้จะมีสัญชาติไทยแล้วแต่ก็ทำกินในเขตป่าสงวน (ไม่ต่างจากชาวเขาภาคเหนือทั่วไป) ซึ่งพอดีมติ ครม.เรื่องนี้ กำหนดเพิ่มเติมในปีนี้ว่า ถ้าเป็นชาวบ้านที่ทำกินในพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิและไม่ได้ขึ้นทะเบียนในปีก่อน ปีนี้ตัดสิทธิ แต่ถ้าปีก่อนขึ้นไว้แล้วก็ให้มีสิทธิต่อไป เท่าพื้นที่ทำกินเดิมที่ปีที่แล้วขึ้นทะเบียนไว้ค่ะ แต่ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไปที่ทำกินในที่มีเอกสารสิทธิ ก็ไม่มีปัญหาค่ะ ปีที่แล้วไม่ได้ขึ้นปีนี้ก็สามารถขึ้นได้ค่ะ !!

ตอนนี้เรากำลังติดตามขอให้มี มติ ครม.ผ่อนผันให้ชาวบ้านในกรณีตกหล่นปีที่แล้วค่ะ แล้วจะส่งข่าวคืบหน้าให้ทราบนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ

"ตอนนี้เรากำลังติดตามขอให้มี มติ ครม.ผ่อนผันให้ชาวบ้านในกรณีตกหล่นปีที่แล้วค่ะ"

ยื่นหนังสือไปหรือคะ ติดต่อใครอยู่และติดตามอย่างไรคะ

ค่ะ อาจารย์ปัท

ต้องตามไปตอบคำถามอาจารย์ทางบันทึกต่อไปนี้นะคะ

http://gotoknow.org/blog/pilgrim/389464

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท