อุดมศึกษาไทย ผู้ป่วยมะเร็งที่รอการผ่าตัด (ถ้าต้องการรอดชีวิต)
ปัญหาของอุดมศึกษาไทย
ปัญหาการศึกษาไทยที่วิกฤติอย่างรุนแรงในปัจจุบัน เพราะผู้ด้อยโอกาสที่ควรได้รับการสนับสนุนกลับไม่ได้รับความช่วยเหลือ แต่ผู้มีโอกาสดีอยู่แล้วกลับได้รับการสนับสนุนจากรัฐอย่างเต็มที่ และที่สำคัญสถาบันอุดมศึกษาของรัฐไม่ได้จัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพคุ้มกับงบประมาณที่ได้รับมา ก่อให้เกิดปัญหาความสูญเปล่าทั้งในเรื่องการใช้อาคารสถานที่ เครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนอุปกรณ์การศึกษา การใช้บุคลากรที่ไม่คุ้มค่า ใช้อาจารย์ผิดไปจากหน้าที่ที่ควรกระทำ และมีบุคลากรคุณวุฒิต่ำในสถาบันในอัตราส่วนที่สูงเกินไป และความไร้ประสิทธิภาพที่เกิดจากการขาดการประสานงานส่วนกลางในด้านบริหารต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีปัญหาที่เกิดจากการขยายขนาดจนเกินขีดความสามารถที่จะบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลผลิตที่ด้อยศักยภาพ
เมื่อมาพิจารณาถึงโครงสร้างการศึกษาของชาติในปัจจุบัน อุดมศึกษาคือตัวการก่อปัญหามากที่สุด ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การศึกษาในระดับอุดมศึกษานั้นเป็นระบบกระดาษ กระดาษปริญญาถูกใช้ไปในการตีค่าเป็นตำแหน่งหน้าที่ เป็นเงินเดือน เป็นขีดขั้นชนชั้นทางปัญญาอย่างเห็นได้ชัดเจนมากกว่าการศึกษาระดับอื่น ๆ จึงกลายเป็นเป้าหมายที่ทำให้ทุกคนที่อยากมีฐานะทางสังคมสูงกว่าผู้อื่นใช้ความต้องการการศึกษาในระดับอุดมศึกษาเป็นข้ออ้างบังหน้า โดยแท้ที่จริงแล้วตนเองอาจจะไม่มีความต้องการที่จะศึกษาอย่างจริงจัง
การสร้างความเลื่อมล้ำทางสังคม
การศึกษาระดับอุดมศึกษาในโครงสร้างปัจจุบันถือกันว่าเป็นจุดสูงสุดของการศึกษา เพราะถือว่าเป็นแหล่งที่รวมนักคิดและผู้มีความสามารถในทางวิชาการแขนงต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน จึงเป็นเหตุให้ทุกคนจะมุ่งสู่การศึกษาจุดนี้ แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า อุดมศึกษาเป็นการศึกษาสำหรับผู้กดขี่ผู้ที่เป็นชนชั้นล่างในสังคม กลายเป็นการสร้างความเลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจ
การศึกษาในระดับอุดมศึกษาของไทยจึงเป็นการศึกษาของคนที่มีฐานะในทางเศรษฐกิจสูงกว่า เป็นการศึกษาของคนที่มีโอกาสและได้เปรียบในสังคมอยู่แล้ว และยังมีความพยายามในการสร้างเงื่อนไขความได้เปรียบให้คงทนถาวรต่อไป ซึ่งในประเด็นนี้นอกจากจะสร้างปัญหาความเลื่อมล้ำแล้ว ยังสร้างปัญหาทางสังคมอื่นอีก คือ แทนที่การศึกษาจะช่วยให้คนมีนิสัยขยันขันแข็งและรักการเรียนรู้ แต่รูปแบบการศึกษาดังกล่าวกลับเป็นเครื่องทำให้คนขยันเพื่อจะเอากระดาษแต่เกียจคร้านที่จะทำหน้าที่การงานที่ตนเห็นว่าเป็นงานต่ำต้อย ไม่สมเกียรติฐานะแห่งตน ผลจึงปรากฏว่าเกิดความสูญเปล่าในการจัดการอุดมศึกษา เพราะบุคคลเหล่านี้จะเลือกเฉพาะตำแหน่งหน้าที่การงานที่ตนคิดว่าสมเกียรติสมฐานะของตน โดยที่ตำแหน่งหน้าที่การงานเหล่านั้นมีจำกัด ถ้าหากจะต้องทำงานต่ำอย่างนั้นขอยอมไม่ทำงาน หาทางเป็นกาฝากของสังคมหรือที่ร้ายไปกว่านั้นอาจจะเอาความฉลาดที่ร่ำเรียนมา หาทางเอาเปรียบคดโกงผู้อื่น เพื่อที่ตนเองจะมีชีวิตอยู่ได้ในสังคมที่มีการแข่งขันชิงดีชิงเด่นเพื่อความอยู่รอด เมื่อเป็นเช่นนี้จึงน่าจะมีคำถามว่า นี้หรือคือผลผลิตที่ดีของอุดมการศึกษาของไทย
ทางออกของอุดมศึกษาที่ควรจะเป็น
การวางแผนการศึกษามี 2 ลักษณะคือ แผนการใช้กำลังคนและแผนการผลิตกำลังคนหรือแผนการศึกษานั่นเอง แผนทั้งสองแผนถึงแม้จะแยกจากกันได้ แต่ต้องมีลักษณะสอดคล้องกัน คณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีหน้าที่วางแผนใช้กำลังคน ส่วนคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาตินั้นทำหน้าที่รวบรวมแผนผลิตของแต่ละหน่วยงานที่ให้การบริการการศึกษามาปรับปรุงให้สอดคล้องกับแผนการใช้กำลังคน
ในการศึกษาแม้ผลประโยชน์ส่วนใหญ่จะตกแก่ผู้ที่ได้รับการศึกษา แต่ผู้ที่ได้รับการศึกษาย่อมทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมด้วย ดังนั้นในด้านทุนการศึกษารัฐควรเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ปัญหาก็คือรัฐจะช่วยเท่าใดจึงจะเหมาะสมและยุติธรรม เพราะถ้ารัฐช่วยมากเกินไปก็จะทำให้มีความต้องการการศึกษามากขึ้นโดยไม่มีข้อสิ้นสุด
นอกจากนี้ทำอย่างไรจึงจะทำให้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการลดความเลื่อมล้ำในสังคม ทำอย่างไรจึงจะทำให้การช่วยเหลือของรัฐบาลไม่ก่อให้เกิดความต้องการการศึกษาจนกระทั่งความล้ำหน้าความต้องการทางเศรษฐกิจอันจะนำไปสู่ความสูญเปล่าในการให้บริการทางการศึกษาในที่สุด
สุดท้ายขอจบด้วยคำกล่าวของท่านเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี
"การจัดการศึกษาสำหรับหมู่คณะ ถึงจะจัดให้สูงสุดเพียงใด ก็ไม่ใช่กำลังอันแท้จริงของชาติ บราวนิ่ง กวีผู้ขึ้นชื่อได้กล่าวไว้ว่า “อย่าเพียรสร้างแต่ยักษ์และเทวดาเลย จงพยายามยกคนทั้งชาติให้สูงขึ้นพร้อมกันเถิด” อันนี้เป็นคติสำหรับการศึกษาสมัยนี้ ซึ่งต้องผันแปรเป็นการศึกษาระดับชาติ...เมื่อฐานะแห่งชาติ หรือคนทั้งหมดได้เขยิบสูงขึ้นแล้ว ย่อมมีกำลังที่จะแข่งขันต่อสู้กับชาติอื่น ๆ ได้ทุกวิถีอาชีพ...”
ไม่มีความเห็น