วันที่ 17-20 สค. 53 ที่รร.โรสการ์เด้น นครปฐม สรพ.ได้มีการจัดอบรมหลักสูตรเวชปฏิบัติกับการเล่าเรื่องกับการเรียนรู้(Narrative Medicine) สำหรับโรงพยาบาลในโครงการ SHA ปีที่ 2 จำนวน 63 แห่ง ในปีนี้จัดอบรมหลักสูตรนี้เป็นปีที่ 2 โดยได้รับเกียรติจากวิทยากร ขั้นเทพ อ.ดร.นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ และทีมงานขั้นเทพ(เหมือนกัน) จำนวน 10 ท่าน เพื่อมาให้ความรู้อย่างเท่าถึงและเท่าเทียมค่ะ พอลล่าได้พบ “พี่หยดน้ำ” คุณเพ็ญลัคขนา ขำเลิศ เจ้าของหนังสือพยาบาลไร้หมวกตัวจริงด้วยค่ะ ได้หนังสือพร้อมลายเซ็น มาหนึ่งเล่ม น่าอ่านมาก คล้ายๆกับชีวิตเราอย่างไรอย่างนั้น สร้างแรงบันดาลใจให้พอลล่า(อีกแล้วครับท่าน)
อ.โกมาตร ถึงแม้จะป่วย แต่ก็ใจสู้มากค่ะ นับถือๆๆ
แม่ต้อยกับพี่หยดน้ำค่ะ
เรื่องเล่าเป็นเครื่องมือหนึ่ง ที่ SHA นำมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อให้คนทำงาน ได้เยียวยาตนเองจากเรื่องเล่า เมื่อเยียวยาตนเองได้ จะเยียวยาผู้อื่นได้ตามมา เป็นการฝึกฝนความประณีต ละเอียดอ่อน ฝึกฝนการสื่อสาร การรับรู้ความรู้สึก การฟังผ่านเรื่องเล่า เพราะเรื่องเล่าเป็นผลลัพธ์ของทั้งคนฟังและคนเล่า คนเล่า เล่าดี มีขั้นมีตอน มีความราบรื่น การนำเสนอน่าสนใจก็จะทำให้คนฟังตั้งใจฟัง แต่หากคนฟังไม่ตั้งใจ ก็มีผลต่อคนเล่าเช่นกัน เรื่องเล่าคือ Story ไม่ใช่ diary เพราะแตกต่างกันที่วิธีการเล่าการเขียน เพิ่งทราบว่าที่เราเขียนๆ มา มันเป็น diary อิอิ (วันนี้ก็เขียนdiary นะคะ)
กระบวนการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ ยาวนาน สามคืน สามวัน เริ่มตั้งแต่ 1900 น.ในวันแรก วันที่ 17 สค. และวันนี้เริ่มตรงเวลา 0830 น.และเลิก 2130 น. เป็นการอบรมที่ยาวนานมากๆ แต่ทุกๆ คนในห้องประชุม ไม่รู้สึกว่าตอนนี้สามทุ่มแล้ว โดยเฉพาะท่านวิทยากร ที่เมามันกับการสอน จนลืมตัว ลืมเหนื่อยกันเลยทีเดียว เห็นความตั้งใจของทีมวิทยากรแล้ว เรามั่นใจได้เลยว่า ผลงานของทีมเรา หมายถึง รพ.และ สรพ. ต้องสุดยอดเป็นแน่
เริ่มจากการทำความรู้จักกันแบบเรียบง่ายที่แฝงไปด้วยความสนุกสนาน การแนะนำตัวเองในกลุ่มให้น่าสนใจ แล้วให้เพื่อนในกลุ่มแนะนำคนที่น่าสนใจ ต่อกลุ่มใหญ่ เราได้รู้จักเพื่อนรุ่น ที่มีบางท่านเป็น ดีเจ เป็นคนมียศ มีตำแหน่ง เป็นคนบ้านนอก อิอิ ... หมายถึงคนหลงทางค่ะ บางท่านก็ตั้งใจมา บางท่านก็มาเพราะเพื่อนพักร้อน หรือบางท่านก็ถูก ผลักมาแทน หลังจากนั้น ทุกคนจะได้รับโจทย์ 5ข้อ แล้วไปหาคนที่มีคุณสมบัติ ได้แก่ เป็นคนที่เกิดวันเดียวกับเรา เกิดปีที่มีขาสี่ขา มีของใช้สีฟ้ามีลูกชายคนเดียว และทำงานมากกว่า 5 ปี เอาละสิ ต่างคนก็ต่างไปหา ทำให้เกิดความตื่นตัวกับโจทย์ที่ได้รับมากันทุกคน เสร็จแล้ว เราให้คนที่จับสลากได้กากบาท ยืนขึ้นและให้เพื่อนบอกคุณสมบัติของเขาคนนั้น.... ใครไม่มีข้อมูลเลยจะต้องถูก check out เราพบว่าข้อมูลที่มีกันส่วนใหญ่คือ ...ทำงานมากกว่า 5 ปี อิอิ ... เห็นไหมคะ ว่า SHA เรามีแต่คนที่มีประสบการณ์ ค่ะ
แอบมานั่งกลุ่มนี้ก่อน เพราะ ต้องเจอสาวสวยอิอิ
เรื่องเล่าซึ้งๆ ต้องมีน่นอนค่ะ จากพี่กุ้งคนนี้ อิอิ
วันแรกท่าน อ.โกมาตร เริ่มตรงเวลา แต่เลิกหลังเวลา อิอิ เกริ่นนำเรือง เรื่องเล่า ทำไมต้องเล่าเรื่อง ความสำคัญของการเล่าเรื่องที่เป็นคุณสมบัติที่ติดตัวเรามาตั้งต่กำเนิด สามารถใช้อธิบายเรื่องบางเรื่อง เช่นความงาม ความดี คงามจริง ใช้สอน ใช้ในการจัดการความรู้ สร้างสรรค์ จินตนาการ เป็นการเรียนรู้ เติบโต การแสดงคุณค่าและความหมายของงาน ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์
เราไม่เพียงมีชีวิตอยู่ในโลก
เราไม่ได้อยู่แต่ในสังคม
เราไม่ได้มีชีวิตอยู่แค่เรือนร่าง
แต่เราทุกคนมีชีวิตอยู่ในเรื่องเล่า
เพราะชีวิตของเราถูกจดจำ
และเล่าขาน ผ่านเรื่องเล่า
เราคงจำนิทานอีสปได้ เด็กเลี้ยงแกะ ที่เราฟังมาตั้งต่เด็ก เป็นการสอนที่ดีมาก คงเคยได้ยินเรื่องเล่าของ Steve Job จงหิวโหยจงโง่เขลา....และอีกหลายๆ เรื่อง นอกจากนี้เรื่องเล่ายังนำมาใช้กับทางการแพทย์ได้ การฟังกับการเยียวยาเป็นเรื่องเดียวกัน (Hearing and Healing)
อาจารย์บรรยายเสร็จก็เริ่มการเรียนรู้ด้วยกรณีที่ศึกษาที่สะกดทุกคนในห้องให้เงียบกริบ เมื่ออ่านเรื่อง Imelda ที่อาจารย์นำมาเป็นตัวอย่างของการเล่า การเขียนที่ดี ให้โจทย์เราวิเคราะห์เรื่องอย่างเป็นขั้น เป็นตอน อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร เรื่องนี้บอกอะไรกับเราบ้าง อะไรคือจุดเด่นของเรื่อง คุณคิดว่าเรื่องเล่าเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างไร ??? เมื่อได้อ่านเรื่องนี้อีกครั้ง หลังจากที่อาจารย์นำมาเรียบเรียงอีกครั้งหนึ่ง ได้เรียนรู้มากมายทั้งความรู้สึกและบทเรียนทื่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความคิดในตัวเรา ของคนทั้ง 70คน ที่เกิดการเปลี่ยนแปลง และนี่อาจจะเป็นคำตอบก็ได้ว่า เรื่องเล่า เปลี่ยนโลกได้ จริงหรือ สนใจหาอ่านเรื่องอีเมลด้า ได้เลยค่ะ ทาง “google”หรือจาก blog อ.สกล สิงหะ ทาง gotoknow.org ก็ได้ค่ะ
สรุปจุดเด่นของเรื่องอีเมลด้า ซึ่งนำมาเป็นข้อสังเกต ของการเขียนที่ดีได้ค่ะ
ต่อมาเราเรียนรู้”หัวใจของเรื่อง” โดยเรียนรู้จากภาพยนตร์ “เพียงธรรมดาของเส้น” ดูหนังดูละคร แล้วย้อนมาเล่าเรื่อง สิ่งที่ต้องการบอกคืออะไร สิ่งนั้นคือหัวใจของเรื่อง และ Plot ของเรื่องคืออะไร เป็นเรื่องย่อที่ผู้เขียนกำหนดไว้เพื่อกำกับการเขียนไม่ให้ออกนอกประเด็นนั่นเองค่ะ พอลล่าสังเกตว่าต่ละกิจกรรมของอาจารย์แทรกเรื่องการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์รวมไปด้วยค่ะ
ฝีมือผู้เข้าอบรมของเราค่ะ เป็นไงคะ ...ขั้นเทพไหมคะ
วันที่สอง ทีมเราเริ่มเข้าใจมากขึ้นหลังจากได้ฟังละทำแบบฝึกหัดสลับกับการสอนภาค
ทฤษฎี วันนี้เราได้เรียนรู้เรื่องขององค์ประกอบของเรื่องเล่า มีองค์ประกอบทั้งหมดสี่องค์
1 ฉาก เราเขียนเรื่อง เราต้องพาคนอ่านเข้าสู่โลกของเรื่องของเรา นำผู้อ่านเข้าสู่โลกของเรื่อง สิ่งที่เกิดขึ้นมีบริบทอย่างไรขึ้นอยู่กับฉาก
2. ตัวละคร บรรยายให้มีชีวิต เห็นหน้าตา แววตา เป็นอย่างไร มีมิติหลายมุมมอง
3. เนื้อเรื่อง
4. การคลี่คลายของเรื่อง เป็นจุดคลายปมหรือจุด High light ของเรื่องนั่นเอง
อาจารย์จะว่าอย่างไรไหมนะ ถ้าสิ่งที่อาจารย์ทำได้ถูกมาเล่าต่อ แต่คิดว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นความประสงค์ของอาจารย์ ที่มีการเล่าซ้ำ เล่าซ้ำ เล่าต่อไป เพื่อสร้างสรรค์งานดีๆ หรืออาจจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับผู้ที่ได้อ่านก็เป็นได้นะคะ
ฉาก :
ฉากมีเป้าหมายเพื่อเตรียมผู้อ่านผู้ฟัง พาคนอ่านเข้าสู่โลกของเรื่อง จะเตรียมคนอ่านให้รู้สึกแบบไหน โดยใช้ผัสสะทั้งห้า บรรยายสิ่งที่รับรู้และสัมผัสได้ เราเริ่มเขียนฉากกัน อาจารย์ ให้ดูวิดีโอ แล้วมีโจทย์ให้เราบรรยายสิ่งที่เห็น พอลล่าดูวิดีโอไปน้ำตาก็ไหลไปคงเป็นเพราะเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านไปไม่นานมานี้ ลองอ่าน การบรรยายฉากของพอลล่า นะคะ แต่..ก็มีบางท่านเขียนเรื่องจนจบเลยก็มี อะไรจะเก่งขนาดนั้น อิอิ
“....ค่ำคืนนี้แตกต่างไปจากค่ำคืนที่คนเมืองหลวงคุ้นชินอย่างสิ้นเชิง ใจกลางเมืองหลวงที่เคยคาคั่งไปด้วยรถยนต์ แต่เวลานี้กลับเต็มไปด้วยกองเพลิง กลุ่มควันไฟดำทะมึน คละคลุ้งลอยโขมงไปทั่ว เปลวเพลิงแดงฉาน ระคนไปกับเสียงปัง ตูมตาม เสียงกระจกแตกกระจายเป็นระยะๆ กลิ่นควันไฟตลบอบอวลทั่วทั้งบริเวณ ชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ น้อย ทุกคนมีสีหน้าทะมึงทึง ตาแดงกล่ำประดุจราวกับว่ามีเปลวเพลิงลุกโชนในดวงตาทั้งสองข้างของพวกเขา แววตาแข็งกร้าว พุ่งตรงไปยังชายในชุดสีเขียวพรางในมือมีอาวุธสงคราม วิ่งวนไปมาบนท้องถนน ราวกับว่านั่นคือศัตรูคู่แค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน
เปลวไฟที่ลุกโชนไม่อาจมาจุดประกายให้ใจของฉันโชติช่วงได้แม้เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของเปลวไฟที่อยู่ตรงหน้า ฉันแหงนหน้ามองควันไฟ เปลวควันพุ่งพวยขาว ที่ตอนนี้บดบังความสวยงามของตึกสูงตระหง่านที่เคยเป็นแหล่งช๊อปปิ้งที่แสนทันสมัยของคนกรุงเทพ ป้าย ZEN กลับถูกควันจางๆ บดบังจนเกือบจะอ่านไม่ออก ธงชาติไทยยังคงปลิวไสวต่อสู้กับเปลวไฟที่โชติช่วง แต่เวลานี้กลับไม่มีความหมายต่อคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนไทย ณ ที่แห่งนั้น ทำให้หัวใจของฉันกลับยิ่งมืดมนเมื่อเฝ้ามองเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ...”
หัวใจของการอบรมครั้งนี้ คือให้ทุกคนเล่าเรื่องที่ตนเตรียมมาให้เพื่อนฟัง เพื่อนช่วยกันหาหัวใจของเรื่องและจุดเด่นที่ประทับใจ แต่ละคนที่เป็นนักเขียนมือใหม่ ตั้งใจเรียนรู้กันเต็มที่ วันสุดท้ายเราได้งานเขียน ที่น่าประทับใจคนละ 1 เรื่อง บางเรื่อง เป็นนักเขียนได้เลยทีเดียวค่ะ
การอบรมจบลงล้ว แต่งานของสรพ.ยังไม่จบ เราต้องการให้ รพ. SHA ได้ไปเล่าต่อ ขยายผลการเรียนรู้ ส่งเสริมให้คนในรพ.เขียน และเล่าเรื่องในการทำงาน ซึ่งทุกเรื่องเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การจดจำ
“ผมมีเรื่องราวแบบนี้เยอะเลยครับ เมื่อก่อนไม่เคยรู้ว่าทำไมต้องเล่า วันนี้ผมรู้แล้วครับว่าคุณค่าของเรื่องเล่ามันอยู่ตรงไหน กลับไปผมจะไปสร้างเวทีนักเขียน นักเล่าต่อที่รพ. แน่นอน ..”
คุณอ่อม นักเขียนห้อง ER รพ.บรบือ จ.มหาสารคาม ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่ามาแทนเพื่อนที่พักร้อน อิอิ...
อ่อม ณ มหาสารคาม ...ฉายา วี้ หว่อ วี้ หว่อ ...
สิ่งที่สรพ.ต้องดำเนินการต่อ
ความรักอันบริสุทธิ์ ย่อมขจัดความเหนื่อยล้าทุกประการได้
ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่าน ที่พอลล่าได้พานพบ ทำให้ความฝันเล็กๆ ได้สานต่อ อย่างมีความหวัง
The Beginner’s mind there are many possibilities,
in the expert’s mind there are few.
สวัสดีครับ มีสาระที่เป็นประโยชน์มากครับ ขอบคุณที่แบ่งปันครับ
แวะมาเยี่ยมเยือนและอ่านเรื่องราวดีๆ นะครับ
สวัสดีค่ะน้อง คำหล้า ของพี่ ยังคิดถึงเสมอค่ะ ชอบจังเลย นะภาพนี้ คงถูกใจในสาระจึงมองๆ คิดๆ อิอิ บันทึกมีสาระตลอดเลยนะ
ไม่มีพี่กุ้งอยู่ในเรื่องเล่าของพอลล่าเลย งอนเเล้ว สงสัยเจอน้องอ่อม เลยลืมพี่กุ้งสนิทเลยนะพอลล่า
ซาล่า เอ๊ย ! พอลล่า ลืมจอร์ท อีกคน 555 ! วันนี้จอร์ทจะได้กลับบ้านมั๊ยเนี่ย
สวัสดีค่ะหนู paula คนสวย
คนนี้ที่รพ.บรบือ ฉายา เค๊า คือ "ฟีล์ม " ค่ะ แต่นามสกุลไม่แน่ใจว่าใช้อะไร อิอิ
อิอิ
รอพี่กุ้งโพสก่อน คร่า
โอ้ว..จอร์จ เขาสุดยอดมากค่ะ
ประทับใจพี่นุ คนกาฬสินธุ์ไปหากินพัทยา อิอิ
คุณเพ็ญลักขณา ขำเลิศ เป็นทั้งพยาบาล เป็นคนทำงานสุขภาพชุมชน เป็นนักกีฬา เป็นนักเขียน แต่สิ่งที่ทำให้คุณเพ็ญลักขณาตั้งใจเขียนเรื่องราวและบทเรียนของชีวิตออกเป็นหนังสือชื่อ พยาบาลไร้หมวก นั้น เป็นเพราะคุณเพ็ญลักขณาเป็นมะเร็ง
แรงบันดาลใจของการเขียนมีที่มาจากมะเร็งก็เพราะมะเร็งนั้นนอกจากจะเป็นโรคหรือความเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติของเซลล์แล้ว มะเร็งยังเป็นสิ่งที่ทำให้แง่มุมต่างๆ ของความเป็นมนุษย์ถูกเปิดเผยให้เราเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของความรัก ความหวัง ความเจ็บปวด ความสับสน ความศรัทธาหรือแม้แต่ความลึกลับมหัศจรรย์ที่เราในฐานะมนุษย์อาจไม่มีปัญญาเข้าใจได้หมด
คุณเพ็ญลักขณาได้เขียนหนังสือเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่ง ชื่อว่า พยาบาลไร้หมวก เป็นเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตของเธอที่เป็นเสมือนการเปิดเผยโฉมหน้าความเป็นมนุษย์ของมะเร็งด้วยการบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ผ่านชีวิตที่ไม่ยอมแพ้ของคุณเพ็ญลักขณา
ที่ว่าเป็นชีวิตที่ไม่ยอมแพ้นั้น ไม่ได้หมายความว่าเมื่อคุณเพ็ญลักขณาพบว่าตนเองเป็นมะเร็งแล้วก็ต่อสู้ดิ้นรนแบบหัวชนฝาเพราะกลัวตาย ตรงกันข้าม การไม่ยอมแพ้นี้เป็นการไม่ท้อที่จะดูแลชีวิตให้ดีและทำชีวิตให้มีคุณค่า แม้คุณเพ็ญลักขณาป่วยเป็นมะเร็ง แต่เธอก็ยังทำหน้าที่ให้การเยียวยาผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งที่อยู่ในการดูแลของเธอในฐานะพยาบาลไปด้วย หน้าที่พยาบาลของเธอนี้เป็นงานที่คลุกคลีอยู่กับผู้ป่วยในชุมชน ทำให้เธอได้เรียนรู้ความเป็นจริงต่างๆ ของชีวิตและได้เผื่อแผ่ความรัก ความเข้าใจในความทุกข์ที่เกิดกับตนเองให้กับผู้ที่เธอดูแลอีกด้วย
เมื่อเราอ่านเรื่องราวของคุณเพ็ญลักขณา เราจะเห็นได้ชัดเจนถึงพลังของการเยียวยาของการบอกเล่า
เรื่องเล่าไม่เพียงแต่บอกกล่าวเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ยังช่วยปะติดปะต่อให้ชิ้นส่วนของชีวิตและประสบการณ์ที่อาจกระจัดกระจายหรือขาดวิ่นแหว่งเว้าไปจากวิกฤตของชีวิตให้ประกอบกลับเข้าเป็นเรื่องราวชีวิตที่ทั้งเราและผู้คนรอบข้างเข้าใจได้ ความเข้าใจที่ว่านี้เองที่ทำให้มนุษย์รู้สึกถึงความสุข ความทุกข์ผู้อื่นและเป็นที่มาของแรงบันดาลใจที่ช่วยให้เราตระหนักถึงความหมายของชีวิตและคุณค่าของความเป็นมนุษย์ร่วมกันได้
เรื่องราวของคุณเพ็ญลักขณาเป็นเรื่องที่ยังไม่จบ เพราะมันจะเป็นเรื่องที่ถูกอ่าน ถูกเล่าต่อ และเป็นเรื่องที่สร้างความรัก ความเข้าใจ และแรงบันดาลใจให้เกิดเรื่องเล่าอื่น ๆ ต่อไปอย่างไม่รู้จบ เพราะชีวิตทุกชีวิตนอกจากจะดำรงอยู่ในโลกทางกายภาพแล้ว เรายังมีชีวิตอยู่รวมกันในจักรวาลของเรื่องเล่า ที่ถูกเล่าซ้ำ เล่าต่อ และเล่าใหม่อย่างไม่รู้จบอีกด้วย ดร.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ เขียนไว้ใน website สวสส. ค่ะ นำมาฝากทุกท่านที่สนใจ
หน้าปก น่ารักมากๆ ค่ะ
เล่าเก่งมากๆครับ
อยากอ่านเรื่อง "พยาบาลไร้หมวก" ยืมอ่านมั่งครับ
เมื่อกี้ไปแอ่วพี่กุ้งมารอบนึงแล้ว น่ารักซะ..ทั้งพี่ ทั้งน้องจ้า
ทักทายกันวันหยุดคะ
เราไม่เพียงมีชีวิตอยู่ในโลก..
บางวันเราก็อยู่บนดวงจันทร์..555
คนหลงทางค่ะ บางท่านก็ตั้งใจมา บางท่านก็มาเพราะเพื่อนพักร้อน หรือบางท่านก็ถูก ผลักมาแทน
ส่วนผมหลังไปอีกทาง..ไม่ได้ฟังนิทานเลย 555
พอลล่าจ๋า เฉลยพี่กุ้งหน่อยว่า อาจารย์ป๋าของพอลล่าจะเคืองตรงไหน ไม่ได้เด๋ จะได้เเก้ไข ล้อเล่นหรือว่าจริง
สวัสดีครับพี่พี่ สบายดีทุกคนนะครับ คิดถึงพี่พี่หลังกลับจากนครปฐมมา ต้องมาบุกงานที่รออยู่ไม่ค่อยมีเวลาแก้ไขงานที่อาจารย์พี่เลี้ยงcomment เลยครับ แต่จะพยายามแก้ไขและส่งกลับอย่างเร่งด่วนครับ ขอบคุณพี่พี่ที่โทรมาคุยด้วยนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าเวทีแห่งนี้ มอบสิ่งที่มีคุณค่าให้ผมมากกว่าความรู้ในบทเรียนครับ พี่พี่รีบรีบแก้ไขงานแล้วส่งอาจารย์พี่เลี้ยงกันนะครับ
อ่อม บรบือ
ขอบคุณน้องอ่อมจร้า
ดีใจที่มี Narrative medicine รุ่นที่ 2
เพราะอย่างน้อยรุ่น 1 อย่างเรา
ก็จะได้ไม่ต้องเขียนเรื่องเล่าอย่างโดดเดี่ยว
แต่สงสัย.....ทำไม? ต้องเป็น จ. นครปฐม
แค่สงสัยค่ะ
โอ๊ะ โอ๋....ไม่โดดเดี่ยวค่ะ
เพื่อนๆ เยอะเลยนะคะ
เชื่อมั่นค่ะ
สวัสดีค่ะน้องคำหล้า พี่ไม่ทราบว่ามา ชม. กับคุณเอกนะ เห็นรูปหมู่ค่ะมีน้องด้วยสินะ มาที่เดิม แต่มาคนละเรื่องเนาะ ก็ไม่ได้พบกันตามเคย อิอิ สวรรค์ยังไม่เมตตา สักวันคงได้เจอกันนะคะ
มาติดตามเรื่องเล่า น้องพอลล่าถอดบทเรียนได้ละเอียดดีจังเลย
พี่นึกว่านั่งเรียนรู้ไปด้วย
ขอบคุณค่ะ
คุณน้อง
จะมีจัดแบบนี้อีกไหมง่ะ
อยากไปร่วมด้วยอ่ะ
มีอีกชวนด้วยนะ
นะ นะ
ดีใจ มีเพื่อนชาเพิ่ม
อยากส่งงาน...
แต่คิดมากไป..เมื่อไหร่จะลงมือเขียน(ว่าตัวเอง)
รู้นะว่า..ทุกอย่างมีเวลาของมัน
แม้แต่ชีวิต
เหมือนกำลังเดินอยู่บนถนนสายยาวไกล
คงมีวันถึง...
อยากส่งงาน...
แต่คิดมากไป..เมื่อไหร่จะลงมือเขียน(ว่าตัวเอง)
รู้นะว่า..ทุกอย่างมีเวลาของมัน
แม้แต่ชีวิต
เหมือนกำลังเดินอยู่บนถนนสายยาวไกล
คงมีวันถึง...
โปรดอดใจรอ..ด้วยใจระทึก
คุณอ่อม เก่งมากน่ะค่ะ
ดีใจด้วยน่ะ