๓. เสาที่สามคือเสาของผู้อาศัยหรือเสาของความเป็นลูก บทบาทหน้าที่ของผู้อาศัยหรือลูก หากพิจารณาแล้วจะพบว่าลูกมีฐานะเป็นผู้รับที่คอยรับความช่วยเหลือจากผู้ที่เป็นแม่ โดยที่ความช่วยเหลือเหล่านั้นไม่ต้องการผลประโยชน์หรือตอบแทน นอกจากความช่วยเหลือที่ลูกได้รับในเรื่องของการอบรม สั่งสอน และการเลี้ยงดูแล้ว ความรักความจริงใจ และทุกสิ่งที่ไม่มีข้อและเปลี่ยนเป็นเงื่อนไขในความช่วยเหลือ ลูกจึงต้องมีความสำนึกและความระลึกถึงแม่ โดยเฉพาะเวลาที่ประสบในสิ่งที่เลวร้าย เพราะสิ่งเหล่านั้นจะเป็นภาพที่มาในลักษณะตรงข้ามกับภาพของความเป็นแม่เสมอ เวลาที่มีความสุขเราก็จะนึกถึงความทุกข์ เวลาที่เรามีปัญหาเราก็จะมักที่จะนึกถึงแม่ผู้ที่เราได้รับความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา หน้าที่ของลูกจึงต้องกระทำตามคำสั่งสอนและปฏิบัติดังเช่นที่ตนได้รับการปฏิบัติตอบในเมื่อถึงเวลา
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ถูกสังคมออกแบบ กำหนดไว้เป็นอย่างดี และมีประโยชน์อย่างมาก ฉะนั้นเราจึงเห็นว่าในสังคมครอบครัวไทยกับระบบครอบครัวฝรั่งนั้นมีความแตกต่างกัน ทั้งหมดเป็นเพราะกรอบหน้าที่ทางสังคมที่สร้างเอาไว้ โครงสร้างของครอบครัวในสังคมไทยเป็นมีการแบ่งบทบาทอย่างชัดเจน ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้นว่า ครอบครัวประกอบด้วยเสาจำนวนสามต้น แต่ละต้นต่างก็รับหน้าที่หรือน้ำหนังคนละอย่าง และจะมีการพึงพาอาศัยกัน ประกอบด้วย เสาแรกคือเสาหาเลี้ยงหรือเสาของความเป็นพ่อ เสาที่สองคือเสาอบรมสั่งสอนหรือเสาของความเป็นแม่ และเสาที่สามคือเสาของผู้อาศัยหรือเสาของความเป็นลูก
ในบทเพลงชุดเพลงแม่นี้ จึงได้สะท้อนถึงหน้าที่ของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ หรือเสาที่สองในโครงสร้างครอบครัวของสังคมไทย โดยเฉพาะหน้าที่ในเสาที่สอง คือการอบรมเลี้ยงดู เอาใจใส่ดูแล เป็นผู้ให้และคอยให้ความช่วยเหลือ พฤติกรรมดังกล่าวจึงก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นขึ้นกับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูก ด้วยภาระหน้าที่ดังกล่าวแม่จึงกลายเป็น Hero ของทุกคน เพราะทุกคนล้วนต้องมีแม่และได้รับการดูแลจากแม่ ทำให้มีความรู้สึกเป็นเช่นเดียวกัน
o.k. ท่านนักวิชาการน้อยท่านเขียนได้สมบูรณ์แบบแล้ว เขียนต่อไป ยังมีคนคอยติดตามผลงานอยู่ เพื่อการพัฒนาความคิดของปัญญาชน ความคิดที่เป็นของตนเองนั้นย่อมดีกว่าการลอกเลียนแบบคนอื่น..นี่คือเสน่ห์ของท่านนักวิชาการน้อย...จริงๆ