ชาวอเมริกันเป็นผู้กำหนดให้มีวันแม่อย่างเป็นทางการขึ้น และผู้ที่พยายามเรียกร้องให้มีวันแม่ในอเมริกา คือ แอนนา เอ็ม. จาร์วิส คุณครูแห่งรัฐฟิลาเดลเฟีย แต่กว่าเธอจะประสบความสำเร็จก็ครบ 2 ปีพอดีในปี ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) โดยประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ได้มีคำสั่งให้ถือวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และดอกไม้สำหรับวันแม่ของชาวอเมริกันก็คือดอกคาร์เนชั่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ให้ประดับตกแต่งบ้าน หรือประตูด้วยดอกคาร์เนชั่นสีชมพู แต่ถ้าแม่ถึงแก่กรรมไปแล้วให้ประดับด้วยดอกคาร์เนชั่นสีขาว
สำหรับในประเทศไทยนั้นมีการจัดงานวันแม่ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2486 ณ.สวนอัมพร โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดงาน แต่เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไปโดยปริยาย หลังจากผ่านพ้นวิกฤติสงครามไปแล้ว หลายหน่วยงานได้พยายามรื้อฟื้นให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง แต่กำหนดวันแม่ที่ประชาชนนิยม และเป็นที่รับรองของรัฐบาล คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2493 กำหนดงานวันแม่ในวันนี้ยังดำเนินต่อมาอีกหลายปี ก็ต้องมาหยุดชะงักลงอีก ด้วยเหตุผลที่ว่าสภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน ซึ่งก็คือกระทรวงวัฒนธรรมที่ถูกยุบไปนั่นเอง
ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย เห็นว่าควรมีการจัดงานวันแม่ต่อไป จึงได้รื้อฟื้นงานวันแม่ขึ้นมาอีก และได้กำหนดให้จัดงานวันแม่ คือวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวก็เลิกไป จนกระทั่งในปี พ.ศ.2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์เห็นว่าควรกำหนดวันแม่ให้แน่นอนเสียที จึงได้กำหนดวันแม่ใหม ่โดยให้ถือว่าวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ และ กำหนดให้ดอกมะลิเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ตั้งแต่นั้นมา
"พระราชินี" พระราชทานคำขวัญวันแม่ (กรุงเทพธุรกิจ)
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชเสาวนีย์ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ แก่สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อจะนำไปเผยแพร่เทิดพระคุณแม่ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศร่วมกันร้อยดวงใจถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2544 - 2552
คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2553
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ ปี 2553 ความว่า
"แผ่นดินนี้แม่ของลูกใช้ปลูกข้าว กี่แสนก้าวที่เดินซ้ำย่ำหว่านไถ บำรุงดินจนอุดมสมดังใจ หวังนาไทยเป็นของไทยไปนิรันดร์"
คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2552
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ ปี 2552 ความว่า
"แผ่นดินนี้ปู่ย่าตายายสร้าง เคยทอดร่างลงถมถิ่นแผ่นดินแม่ ขอลูกไทยรักษามั่นไม่ผันแปร เป็นไทยแท้มิใช่ไทยแต่ในนาม"
คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2551
"เมื่อเกิดมาอาศัยถิ่นแผ่นดินไหน ควรมีใจกตัญญูรู้คุณถิ่น หากคนไทยรู้ตอบแทนคุณแผ่นดิน จักไม่มีวันสิ้นแผ่นดินไทย"
คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2550
"ข้าวในนาปลาในน้ำคำโบราณ คือตำนานความอุดมสมบูรณ์สิน ฝากลูกไทยร่วมห่วงแหนรักแผ่นดิน ถนอมไว้อย่าให้สิ้นแผ่นดินไทย"
คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2549
"รักในหลวงพร้อมใจใส่เสื้อเหลือง รักบ้านเมืองจงน้อมใจให้สร้างสรรค์ ใส่สีเดียวแล้วใจเดียวกลมเกลียวกัน รักเช่นนั้นชาติของตนจึงพ้นภัย"
คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2548
"ดุจดังแม่ผู้ประเสริฐบังเกิดเกล้า เลี้ยงเราทุกคนมาจนใหญ่ ทุกคำข้าวคือสินแผ่นดินไทย ควรตรองใจทดแทนคุณแผ่นดิน"
คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2547
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติปีนี้ความว่า
"แม่คือผู้ให้ ให้โดยไม่หวังผลตอบแทนใดใด นอกจากความรักความเข้าใจจากลูก"
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ประทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติปีนี้ความว่า
"แม่ไม่อาจอยู่กับลูกได้ชั่วชีวิต ควรสอนให้เขารู้จักคิดและเลือกปฏิบัติในทางที่ถูกต้อง"
คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2546
"สามร้อยหกสิบห้าวันคือวันแม่ มิใช่แค่วันใดให้นึกถึงสม่ำเสมอสมัครจิตคิดคำนึง เหมือนแม่ซึ่งรักลูกครบทุกวัน"
คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2545
"แม่คือพระประจำอยู่ในบ้าน บูชาท่านไว้เถิดเกิดมิ่งขวัญ พระคุณแม่เลิศล้ำเกินรำพัน แม่จึงเป็นคนสำคัญทุกวันไป"
คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2544
"พระองค์แรกผู้แสนดีให้ชีวิต ครูคนแรกผู้ประสิทธิ์การศึกษา สองหัตถ์โอบนคราพาร่มเย็น รวมคุณค่านี้ได้แก่แม่เราเอง"
ขอบคุณที่มา..ภาพทางอินเตอร์เน็ตhttp://www.watchari.com/board/index.php?topic=1128.0
ขอบคุณความรู้ดีๆเรื่องวันแม่ครับ ยอมรับว่าเป็นความรู้ใหม่สำหรับผมว่าอเมริกาเป็นผู้ให้กำเนิดวันแม่อย่างเป็นทางการ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่แบ่งปันนะคะ
สวัสดีค่ะ
ได้ทราบความเป็นมาของวันแม่ ทั้งไทยและอเมริกา พี่ดายังไม่เคยอ่านพบที่ไหนเลยนะคะ มาได้อ่านตรงนี้ดีมากๆเลยค่ะ รวมทั้ง รวมคำขวัญวันแม่จากหลายปี ที่อ่านแล้วรู้สึกดีมาก ทุกคำขวัญ ค่ะ รักแผ่นดินไทย รักแม่มากที่สุด ขอบคุณมากนะคะ
สวัสดีอีกครั้งค่ะพี่อ้อยที่คิดถึง
ไปหาพี่อ้อยที่บันทึกก่อนเมื่อสักครู่ เพื่อภถามข่าวเรนื่องสุขภาพ และการอบรม
ตามเข้ามาอีกครั้งเมื่อเห็นบันทึกใหม่ ได้รับความรู้อีกแล้ว
ภาพสมเด็จพระราชเจ้าพระบรมราชินาถ งดงามมากค่ะพี่อ้อย
และขอบคุณพี่อ้อยที่นำภาพสาวสวย 2 วัย ที่แสนงามไปฝากไว้ในบันทึกถึงแม่ของจุ๋ม
2 สาวความงามยอมกันไม่ได้เลยค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ รักมากมายจ้า
ตามอ่านเรื่อง แม่ ค่ะ
อ่านแล้ว คิดถึงแม่จัง
ขอบพระคุณข้อมูลดีๆค่ะพี่อ้อยเล็ก..
ดอกมะลิ..วันแม่ค่ะ.
สวัสดีครับคุณพี่...
แว่วว่าแวะไปเยือนพิษณุโลกมา
ม่วนไหมครับ
(พี่คิมนินทาให้ฟังแยะเลย ฮิ ฮิ...)
สวัสดีค่ะ
วันนี้ไม่อยากเข้าเน็ตเลยค่ะ อ่านหนังสือ แต่แวะมาขายเสื้อ
อยากจะฮา ๆ ๆ ๆ ๆ เม้นท์ผิดบ้าน สงสัยง่วงจัดหรือน้อง