.....................................................................................................................
รายการเจาะโลกฯ(วันแม่)
สวัสดีค่ะ
ประทับใจทั้งบทความที่นำมาเขียน และภาพทุกภาพ ค่ะ
พระราชปรารภในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
" อันที่จริงเธอก็ชื่อภูมิพล
.....ที่แปลว่า......
กำลังของแผ่นดิน
แม่อยากให้เธออยู่กับดิน"
เมื่อฟังคำนี้แล้ว
......ก็กลับมาคิด........
ซึ่งแม่ก็คงจะสอนเรา
และมีจุดมุ่งหมายว่า อยากให้เราติดดิน
....และ.....
อยากให้ทำงานให้แก่ประชาชน
..ทรงพระเจริญ..
ป๊ะเบค่ะ มาชวนแฟนแม่ ไปฟังเพลงวันแม่ค่ะ ก่อนฝันดีนะคะ ;)
สวัสดีค่ะท่านเบดูอิน
ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน แสนประทับใจมากที่สุด “ไม่ต้องคนนี้เป็นแม่เรา เราประคองเอง”
แม่ของหนู จบชั้น ป.4 ค่ะ แม่แล้วหนูและน้องมาเพียงคนเดียวเพราะเรากำพร้าพ่อมาตั้งแต่เล็กๆ แม่จึงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของหนูและน้อง รวมทั้งของหลานๆ เราภูมิใจแม่มาก แม่สมบูรณ์แบบทุกอย่าง โดยที่แม่ไม่ต้องจบปริญญา
ขอบพระคุณบันทึกที่งดงามและมีคุณค่านี้ค่ะ
แม่สุรางค์ของหนูค่ะ
คุณเบดูอิน....
สิ่งที่เราทำกับแม่ด้วยใจของเราล้วนเป็นสิ่งสุดยอดทั้งนั้นแหล่ะค่ะ
ประทับทั้งภาพและบันทึกนะคะ...
กรุณาไปตามอ่านความฮาโดยเร็ว ก่อนที่จะถูกแบน hahahahaha
ท่านเป็นแบบอย่างของปวงชนโดยแท้ครับ..
อ่านแล้วน้ำตาไหล
ชอบที่หอมความกตัญญู แล้วชื่นใจค่ะ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆนะคะบัง
ขอร่วมเทอดพระเกียรติด้วยความจงรักภักดีอย่างหาที่สุดมิได้
lสวัสดีค่ะ คุณเบดูอิน ขอบคุณสิ่งดี ๆในวันแม่ คนไทยเรานับว่าเกิดมาโชคดีที่ได้อยู่ใต้ร่วมโพธิสมภาร ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน...
วันนี้จัดงานวันแม่ที่โรงเรียน เชิญแม่มาร่วมงานประมาณ 90 คน ประทับใจที่เห็นเด็ก ๆ กราบแม่พร้อมทั้งน้ำตาและสัญญากับแม่ว่า "ต่อไปนี้หนูจะเป็นคนดี" แม่คือความอบอุ่นของลูก แต่แม่อีกคนหนึ่งเธอกำลังจะจากลูกเธอไปทั้งที่อายุเพียง สามสิบกว่า ๆ เธอมีลูกสองคน และเป็นน้องของเพื่อนดิฉันเองค่ะ ดิฉันขออนุญาตเธอนำเรื่องราวส่งมาให้คุณช่วยพิจารณาด้วยค่ะ
“ดิฉันมีน้องซึ่งป่วยเป็นเบาหวาน ถึงขั้นตาบอดทั้งสองข้างไปนอนรักษาตัวเนื่องจากมีแผลที่ตรงขาพับด้านข้างหัวเข่าขวา ที่โรงพยาบาลโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งตอนเข้าไปใหม่ ๆ คนไข้ยังสดชื่นพูดรู้เรื่อง มีแค่อาการปวดที่ขาเท่านั้น ซึ่งตัวเขาเองเดินไม่ได้ ดิฉันจ้างญาติเตียงข้าง ๆให้เขาดูแลให้ เพราะดิฉันซึ่งเป็นพี่สาวคนเดียวที่อยู่ใกล้ที่สุดต้องไปทำงานทุกวัน ตัวดิฉันเองสุขภาพไม่แข็งแรงพอที่จะไปเฝ้าไข้ได้ด้วย คือ ถ้าอดนอนมาก ๆพักผ่อนไม่เพียงพอ ดิฉันจะเวียนศีรษะทำอะไรไม่ได้เลย แต่ก็ไปเยี่ยมทุกวัน
วันหนึ่งดิฉันเข้าไปเยี่ยมคนป่วย (วันที่ 5 ที่นอนฯ) เห็นแผลคนไข้มีน้ำเหลืองไหลเยิ้มออกมาจากผ้าจนแฉะ มดแดงไต่ตามตัวคนไข้ คนไข้ซึมไม่รู้สึกตัว มีแต่นอน เรียกชื่อไม่ลืมตาเลย จึงไปบอกพยาบาลให้มาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ ตอนนั้นเวลาประมาณ สองทุ่มกว่าแล้ว พยาบาลตอบว่า “ไม่ว่างกำลังยุ่งอยู่ วันนี้เปลี่ยนให้สอง สามครั้งแล้ว เดี๋ยวจะไปทำให้ ดิฉันก็เข้าใจว่ายุ่งจริงเพราะมีคนไข้ใหม่เข้ามา 2 เตียง แต่จนแล้วก็ไม่มาเปลี่ยนให้เลย
วันก่อนนั้นยังพูดจาไม่สุภาพกับดิฉัน “ญาติต้องหาคนมาอยู่เฝ้านะ ถ้าจะให้ดูแลคนไข้คนเดียวคนนี้ต้องใช้เวลานานแทนที่จะได้ดูแลคนอื่นต้องมาช้ากับคนนี้ คนอื่นเขาก็รอนาน.... จะมาทิ้งภาระให้เจ้าหน้าที่ไม่ได้หรอก ... ดิฉันก็จ้างคนอื่นดูแลแทนในหน้าที่ของญาติอยู่แล้ว...หน้าที่ทำแผล ให้ยา ดูขวดน้ำเกลือเป็นหน้าที่ของพยาบาลไม่ใช่หรือคะ ...เพราะเราไม่ใช่เจ้าหน้าที่เราก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง...
วันสุดท้าย(วันที่ 6) ที่อยู่โรงพยาบาลตอนเช้าคนไข้ไม่ทานข้าวเช้า รับได้แค่นมถั่วเหลืองไม่หมดกล่อง พูดไม่ได้ อ่อนเพลียมาก ผงกหัวได้นิดหน่อยเท่านั้น ดิฉันถามพยาบาล ก็ตอบว่า “น้ำตาลต่ำ ให้ไปซื้อน้ำหวานให้หน่อย ดิฉันก็ไปซื้อมาให้ 1 ขวด” ดิฉันให้พ่อไปเฝ้าแทนเพราะต้องเซ็นชื่อในใบยินยอมให้ผ่าตัด แล้วบ่าย ๆ หมอก็ผ่าตัดแผลที่ขาพับให้ มีช่วงหนึ่งหลังหมอทำแผลผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อที่ตายออกแล้ว พ่อดิฉันอายุ 73 ปีตาฟางเนื่องจากเบาหวาน เดินไม่ค่อยสะดวกเท่าไร พยาบาลก็ยังใช้ไปเอายาที่ห้องยามาให้(ผู้ป่วยใช้สิทธิคนพิการ) ไม่ต้องเสียเงินอยู่แล้ว ทำไมไม่บริการกันเลย ซึ่งในขณะนั้นญาติ คนไข้เตียงข้าง ๆ และหลายคนเขาบอกว่า ..คนไข้ถูกปั๊มหัวใจสองครั้ง ถึงฟื้นขึ้นมา...ดิฉันเข้าไปเยี่ยมประมาณ หนึ่งทุ่ม ถามพ่อ พ่อไม่รู้เรื่องเลย ถามพยาบาล พยาบาลตอบว่า “ไม่ใช่ เพียงแต่ปลุกให้แกตื่นเท่านั้นเอง” แล้วทำไม่ไม่แจ้งญาติละคะ แล้วอาการของน้องไม่รับรู้อะไรเลย ปลุกไม่ตื่น แต่หายใจอยู่ หมอมาดูตอนประมาณ สองถึงสามทุ่มดิฉันไม่แน่ใจเพราะไม่ได้ดูนาฬิกาหมอบอกว่า “คนไข้ลำบากแล้ว หายใจไม่สะดวกต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแบบท่อซึ่งทางโรงพยาบาลโกสุมพิสัยไม่มีต้องส่งไปที่โรงพยาบาลที่มหาสารคาม ซึ่งไกลจากบ้านไปอีก ไม่มีญาติไปเฝ้าอีกพ่อจึงตัดสินใจปรึกษาลูก คนอื่นทางโทรศัพท์ให้เอาน้องออกมาอยู่บ้านนอนรอวันเท่านั้นเอง เพราะไปที่โรงพยาบาลมหาสารคามเราเองก็ไม่ทราบว่าจะช่วยได้แค่ไหนเพราะต้องไปพิสูจน์กันอีกถึงสาเหตุที่คนไข้มีอาการไม่ตอบสนอง จึงได้เซ็นต์ชื่อในใบอะไรก็ไม่ได้อ่าน เพราะความเสียใจที่น้องต้องเป็นแบบนี้และเพราะความไม่พอใจในการบริการคนไข้ของพยาบาลในตึกผู้ป่วยหญิง ซึ่งดิฉันไม่เคยพบขนาดพ่อนอนโรงพยาบาลศรีนครินทร์ที่จังหวัดขอนแก่นเป็นเดือนเขาไม่อยากให้ญาติเฝ้าคนไข้เลยเขาดูแลเองผู้ป่วยเขามากกว่านี้ด้วยซ้ำพยาบาลขึ้นเวรก็พอ ๆ กันสะอาดอีกต่างหาก ดิฉันคิดว่าอาชีพนี้คนที่ทำได้ก็ต้องมีจิตอาสาแล้วจึงเข้ามาทำแต่นี่ไม่ใช่เลย ถ้าเราจะจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลเราก็พร้อมที่จะจ่าย แต่ก็อยากใช้สิทธิตามที่คนพิการเขาพึงได้ตามสวัสดิการที่รัฐบาลจัดให้
หมายเหตุ ในตอนที่เซ็นต์ชื่อพยาบาลพูดกับดิฉันดีมากเลยคะ “ให้อาจารย์เซ็นต์ตรงนี้นะคะ” ดิฉันไม่เข้าใจเพราะอะไร ซึ่งแต่ก่อนท่าทางจะดูถูก ตำหนิดิฉันด้วยซ้ำ เราจำเป็นต้องบอกเขาทุกอย่างด้วยหรือคะว่าเรามีความจำเป็นอะไรบ้าง
น้อมรำลึกวันแม่แห่งชาติ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
สุขสันต์วันแม่นะคะป๊ะเบฯ ;)
ขอขอบคุณที่รวบรวมนำเสนอสิ่งดีต่อสังคมไทย
ขอร่วมเทิดพระเกียรติด้วยความจงรักภักดีอย่างหาที่สุดมิได้
ขอบพระคุณมากครับ