178. พระมหากษัตริย์ยอดกตัญญู....แบบที่เหนือแบบของผู้ที่เป็นลูก


          ก่อนที่ผมจะเขียนเรื่องนี้นั่งคิดอยู่นานว่าจะมีใครฟ้องร้องผมว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือไม่ ?? ผมเห็นว่าสังคมไทยเพี้ยนขึ้นทุกวัน ใครแสดงความรักพระเจ้าแผ่นดิน มักต้องระวังตัว ไม่รู้เป็นแผนไม่ดี(ไม่อยากจะบอกว่าชั่ว) ของใครหรือเปล่า พงษ์พัฒน์ยังเกือบแย่ ผมจึงขอเรียนก่อนว่า เพื่อความเข้าใจไปพร้อมๆกัน บางประโยคและบางคำผมขออนุญาตในศัพท์สามัญ เพื่อที่ไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม

         ผมก็เช่นกันเห็นว่าแบบที่ดีมีให้เห็นจากพระราชจริยวัตรของพระเจ้าแผ่นดิน ในบทบาทของความเป็นลูกนั้นเป็นความสุดยอดมาก น่าจะพูดได้ว่า บุคคลที่เป็นยอดกตัญญูที่น่าประทับใจมากที่สุดคือ “ในหลวง” ของเรา

          โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบและสนับสนุนให้ลูกๆทุกคน กตัญญูต่อบิดามารดา และผู้มีพระคุณ... ผมตบหัวตัวเองหลายครั้ง ที่พยายามจะหาแบบอย่างของลูกที่รักแม่ทั้งต่อหน้าและหลับหลัง รักแม่โดยไม่สนว่าแม่จะอยู่ในสภาพใด ใครกันที่อยากจะรับฟังคำสอนของแม่เสมอ โดยไม่สนว่าแม่จะมีสถานะเช่นใด บางคนมียศฐาบรรดาศักดิ์ใหญ่โต แต่แม่ไม่จบ ป. 4 ไม่กล้าที่จะแนะนำให้เพื่อนฝูงรู้จักแม่ อายเพื่อนที่มีแม่แบบนี้ ในทางกลับกันหากพ่อแม่ร่ำรวย ตำแหน่งใหญ่โต แนะนำให้เพื่อนรู้จักวันละ 3 เวลาหลังอาหาร แถมมื้อดึกอีกรอบ

    

          “แม่” ไม่ว่าจะตกต่ำแค่ไหน ไม่มีความรู้ขนาดไหน ยากจนเพียงไร สำหรับลูกแล้ว แม่ คือ ความสุดยอด แม่คือวีรสตรี แม่คือความยิ่งใหญ่ ที่หาใครมาทดแทนไม่ได้อีกแล้ว ตำแหน่งแม่มีตำแหน่งเดียวเท่านั้น อยากขอแสดงความยินดีกับผู้หญิงที่ตำแหน่งนี้มีเพียงท่าน เท่านั้นที่เป็นได้ ผมหมดสิทธิ์ที่จะได้ตำแหน่งอันมีเกียรตินี้

      

          ท่านศาสดาแห่งอิสลามกล่าวว่า “สวรรค์นั้นอยู่ใต้ฝ่าเท้ามารดา” สำหรับลูกๆแล้วสวรรค์ของลูกๆอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าเท้ามารดา แล้วจะมีข้ออ้างอะไรอีกที่จะไม่กตัญญูต่อแม่....

     

          กว่าที่เราจะกำเนิดออกมาเป็นเรา มดลูกอันอบอุ่นเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเรา แม่เฝ้าทนุถนอมทั้งๆยังไม่รู้ว่าเรามีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร คิดแทนเราเสมอว่าร้อนไป หนาวไป จะกินจะนอน จะอยู่ ต้องระวัง คงไม่ต้องบอกว่าช่วงที่จะคลอดเรานั้น เส้นแบ่งระหว่างความเป็นความตายแยกแทบไม่ออก

    

          คลอดออกมาแล้ว ให้การดูแล เอาใจใส่ บางคนโตมีสามีภรรยาแล้ว ความรักห่วงของแม่ไม่เคยห่างหาย แต่ยามแก่เฒ่าเพียงได้เห็นหน้าลูกบ้างก็เป็นความสุขที่สุดแล้ว แต่ถ้าลูกทำได้มากกว่าการแค่ให้แม่ได้เห็นหน้า แม่จะมีความรู้สึกอย่างไร คงไม่ต้องบอก

       

          ผมมี “แบบ” ที่เหนือ “แบบ” มาให้เอาอย่าง ไม่ต้องทั้งหมดหรอก แค่เสี้ยวเดียวของแบบที่ผมนำมา ผมคิดว่าแม่เราคงสุขมากที่สุด ขอเชิญท่านติดตาม "แบบที่เหนือแบบ" ได้ ณ.บัดนี้

   

          พ.อ.(พิเศษ)ทองคำ ศรีโยธิน เล่าว่า “....ในหลวงทรงปฏิบัติสมบูรณ์ครบถ้วนเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดให้แก่พวกเรา  ตอนสมเด็จย่าเสด็จไปไหนเนี่ย มีคนเยอะแยะ มีทหาร มีองค์รักษ์ มีพยาบาล ที่คอยประคองสมเด็จย่าอยู่แล้ว แต่ในหลวงบอกว่า “ไม่ต้องคนนี้เป็นแม่เรา เราประคองเอง”

     

          ตอนเล็กๆแม่ประคองเรา สอนให้เราเดิน ตอนแม่แก่เราต้องประคองแม่เดินเพื่อเทิดพระคุณท่าน ไม่ต้องอายใคร เป็นภาพที่ประทับใจมากๆ เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินท่านกตัญญูต่อแม่ ประคองแม่เดิน นี่คือกษัตริย์ยอดกตัญญู ลองหันมาดูพวกเรา เวลาออกไปไหนลูกชายแต่งตัวโก้ ลูกสาวแต่งตัวสวย แต่เวลาเดินไม่มีใครประคองแม่ กลัวไม่โก้ กลัวไม่สวย ข้าราชการแต่งเครื่องแบบเต็มยศ ติดเหรียญตรา เหรียญกล้าหาญ เต็มหน้าอก แต่เวลาเดินไม่กล้าประคองแม่ กลัวไม่สง่า กลัวเสียศักดิ์ศรี ประคองแม่เป็นเรื่องของคนใช้ หลายคนให้ประคองแม่ไม่กล้าทำอาย... อายเวลาทำดี โดยเฉพาะกับแม่

  

          พ.อ.(พิเศษ)ทองคำ ศรีโยธิน เล่าต่อไปว่า หลังงานพระบรมศพสมเด็จย่า เสร็จสิ้นลงแล้ว ราชเลขาของสมเด็จย่า มาแถลงในที่ประชุม ต่อหน้าสื่อมวลชนว่า “...ก่อนสมเด็จย่าจะสิ้นพระชนม์ปีเศษ ตอนนั้นอายุ 93 ปี ในหลวงเสด็จจากวังสวนจิตรฯ ไปวังสระปทุมตอนเย็นทุกวัน ไปกินข้าวกับแม่ ไปคุยกับแม่ ไปทำให้แม่ชุ่มชื่นหัวใจ ...”

  

         ขนาดนี้เชียวหรือ?? ในหลวงเสด็จไปกินข้าวเย็นกับแม่ สัปดาห์ละ 5 วัน หายาก...ทั้งๆที่ทรงงานมากมาย มีโครงการเป็นร้อยๆพันๆ มีเวลาไปกินข้าวกับแม่ สัปดาห์ละ 5 วัน พวกเรา ซี 7 ซี 8 ซี 9 ร้อยเอก พลตรี...พลเอก อธิบดี ปลัดกระทรวง...ไม่เคยไปกินข้าวกับแม่ บอกว่างานยุ่ง แม่บอกว่าพาไปกินข้าวหน่อย บอกไม่มีเวลา จะไปตีกอล์ฟ ไม่มีเวลาพาแม่ไปกินข้าว แต่มีเวลาไปตีกอล์ฟ มีเวลาไปกินกับเพื่อนฝูง

          ในหลวงไปกินข้าวกับแม่สัปดาห์ละ 5 วัน อีก 2 วันไปไหนครับ ดร.เชาว์  ณ.ศีลวันต์ บอกว่า ในหลวงถือศีล 8 วันพระ ต้องงดข้าวเย็น เลยไม่ได้ไปหาแม่ อีก 1 วันที่เหลือ อาจจะกินข้าวกับพระราชินี แต่ 5 วันไปหาแม่ เห็นภาพชัดแล้วใช่ไหมครับ

          ตอนนี้เราขยับเข้าไปใกล้ๆหน่อยดูตอนกินข้าว ทุกครั้งที่ในหลวงไปหาสมเด็จย่า ในหลวงต้องเข้าไปกราบที่ตัก แล้วสมเด็จย่าก็ดึงตัวในหลวงมากอด กอดเสร็จก็หอมแก้ม...ความรักของแม่ที่มีต่อลูก อย่างยอดเยี่ยม ตอนหอมแก้มในหลวง สมเด็จย่าชื่นใจในความหอมกลิ่นกตัญญู

          ตัวแม่เองคือสมเด็จย่า ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงค์ เป็นคนสามัญชน ในหลวงนะเกิดมาเป็นพระองค์เจ้า เป็นลูกเจ้าฟ้า ปัจจุบันเป็นกษัตริย์ เป็นพระเจ้าแผ่นดิน อยู่เหนือหัว แต่ในหลวงเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ก้มลงกราบคนธรรมดา ที่เป็นแม่ หัวใจลูกที่เคารพแม่ ยศฐาบรรดาศักดิ์ไม่เหนือกว่าความเป็นแม่

          บางคน พอเป็นใหญ่เป็นโต ไม่กล้าไหว้แม่ เพราะแม่มาจากเบื้องต่ำ เป็นชาวนา เป็นลูกจ้าง เป็นคนใช้ ไม่เคารพแม่ ดูถูกแม่

          แต่ในหลวงเทิดแม่ไว้เหนือหัว นี่แหละครับความหอม นี่คือสาเหตุที่สมเด็จย่าหอมแก้มในหลวงทุกครั้ง ท่านหอมความดี หอมคุณธรรม หอมกตัญญู หอมเสร็จก็ร่วมโต๊ะเสวย.....

          โปรดติดตามแบบที่เหนือแบบตอนต่อไป ในช่วงวันแม่

.....................................................................................................................

รายการเจาะโลกฯ(วันแม่)

http://www.mediafire.com/?mp4cn3y32hvhimu
 
http://www.mediafire.com/?qmhcshsmkdu11ab
หมายเลขบันทึก: 383083เขียนเมื่อ 9 สิงหาคม 2010 13:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

สวัสดีค่ะ

         ประทับใจทั้งบทความที่นำมาเขียน และภาพทุกภาพ ค่ะ

                          

                พระราชปรารภในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

                           " อันที่จริงเธอก็ชื่อภูมิพล 

                                  .....ที่แปลว่า......

                                  กำลังของแผ่นดิน

                            แม่อยากให้เธออยู่กับดิน"

                                เมื่อฟังคำนี้แล้ว

                            ......ก็กลับมาคิด........

                                ซึ่งแม่ก็คงจะสอนเรา

                        และมีจุดมุ่งหมายว่า อยากให้เราติดดิน

                                      ....และ.....

                          อยากให้ทำงานให้แก่ประชาชน

                

ป๊ะเบค่ะ มาชวนแฟนแม่ ไปฟังเพลงวันแม่ค่ะ ก่อนฝันดีนะคะ ;)

สวัสดีค่ะท่านเบดูอิน

 

   

ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน  แสนประทับใจมากที่สุด “ไม่ต้องคนนี้เป็นแม่เรา เราประคองเอง”

แม่ของหนู จบชั้น ป.4 ค่ะ แม่แล้วหนูและน้องมาเพียงคนเดียวเพราะเรากำพร้าพ่อมาตั้งแต่เล็กๆ  แม่จึงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของหนูและน้อง รวมทั้งของหลานๆ เราภูมิใจแม่มาก  แม่สมบูรณ์แบบทุกอย่าง โดยที่แม่ไม่ต้องจบปริญญา

ขอบพระคุณบันทึกที่งดงามและมีคุณค่านี้ค่ะ

                         แม่สุรางค์ของหนูค่ะ

 

คุณเบดูอิน....

สิ่งที่เราทำกับแม่ด้วยใจของเราล้วนเป็นสิ่งสุดยอดทั้งนั้นแหล่ะค่ะ

ประทับทั้งภาพและบันทึกนะคะ...

กรุณาไปตามอ่านความฮาโดยเร็ว  ก่อนที่จะถูกแบน  hahahahaha

P P ขอบพระคุณมากๆ ช่วงนี้ใกล้เดือนรอมฏอน แล้วผมยุ่งๆกับรายการเสียงรอมฎอนอยู่ครับ

P ตามไปฟังแล้วครับ เปลี่ยนตัวบ่อยจำไม่ค่อยได้นะลูก

P ครูใจดีช่างเหมือนกับแม่มาก ยกเว้นแว่นตา

ท่านเป็นแบบอย่างของปวงชนโดยแท้ครับ..

P วันแม่ปีนี้ผมได้ภาพดีๆมากเลยครับ

อ่านแล้วน้ำตาไหล

ชอบที่หอมความกตัญญู  แล้วชื่นใจค่ะ

ขอบคุณเรื่องราวดีๆนะคะบัง

 

 

ขอร่วมเทอดพระเกียรติด้วยความจงรักภักดีอย่างหาที่สุดมิได้

  • สวัสดีค่ะ
  • วันแม่ที่ใกล้จะถึงนี้ ขอส่งความรักและความระลึกถึงด้วยบทกลอนเพราะ ๆ จาก internet มาฝากกันค่ะ
    สตรีใด…….ไหนเล่า………..เท่าเธอนี้
    เป็นผู้ที่ …………..ลูกทุกคน………บ่นรู้จัก
    เป็นผู้ที่ ……………มีพระคุณ………การุณนัก
    เป็นผู้ที่ …………..สร้างความรัก…..สอนความดี
    เป็นผู้ที่……………คอยสั่งสอน…….เอาใจใส่
    คอยห่วงใย….……เราทุกคน………จนวันนี้
    เปรียบแสงทอง……สว่างล้ำ……….นำชีวี
    เธอคนนี้…………..คือ ” แม่ ”……..ของเราเอง

                                  

lสวัสดีค่ะ คุณเบดูอิน ขอบคุณสิ่งดี ๆในวันแม่ คนไทยเรานับว่าเกิดมาโชคดีที่ได้อยู่ใต้ร่วมโพธิสมภาร ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน...

วันนี้จัดงานวันแม่ที่โรงเรียน เชิญแม่มาร่วมงานประมาณ 90 คน ประทับใจที่เห็นเด็ก ๆ กราบแม่พร้อมทั้งน้ำตาและสัญญากับแม่ว่า "ต่อไปนี้หนูจะเป็นคนดี" แม่คือความอบอุ่นของลูก แต่แม่อีกคนหนึ่งเธอกำลังจะจากลูกเธอไปทั้งที่อายุเพียง สามสิบกว่า ๆ เธอมีลูกสองคน และเป็นน้องของเพื่อนดิฉันเองค่ะ ดิฉันขออนุญาตเธอนำเรื่องราวส่งมาให้คุณช่วยพิจารณาด้วยค่ะ

“ดิฉันมีน้องซึ่งป่วยเป็นเบาหวาน ถึงขั้นตาบอดทั้งสองข้างไปนอนรักษาตัวเนื่องจากมีแผลที่ตรงขาพับด้านข้างหัวเข่าขวา ที่โรงพยาบาลโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งตอนเข้าไปใหม่ ๆ คนไข้ยังสดชื่นพูดรู้เรื่อง มีแค่อาการปวดที่ขาเท่านั้น ซึ่งตัวเขาเองเดินไม่ได้ ดิฉันจ้างญาติเตียงข้าง ๆให้เขาดูแลให้ เพราะดิฉันซึ่งเป็นพี่สาวคนเดียวที่อยู่ใกล้ที่สุดต้องไปทำงานทุกวัน ตัวดิฉันเองสุขภาพไม่แข็งแรงพอที่จะไปเฝ้าไข้ได้ด้วย คือ ถ้าอดนอนมาก ๆพักผ่อนไม่เพียงพอ ดิฉันจะเวียนศีรษะทำอะไรไม่ได้เลย แต่ก็ไปเยี่ยมทุกวัน

วันหนึ่งดิฉันเข้าไปเยี่ยมคนป่วย (วันที่ 5 ที่นอนฯ) เห็นแผลคนไข้มีน้ำเหลืองไหลเยิ้มออกมาจากผ้าจนแฉะ มดแดงไต่ตามตัวคนไข้ คนไข้ซึมไม่รู้สึกตัว มีแต่นอน เรียกชื่อไม่ลืมตาเลย จึงไปบอกพยาบาลให้มาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ ตอนนั้นเวลาประมาณ สองทุ่มกว่าแล้ว พยาบาลตอบว่า “ไม่ว่างกำลังยุ่งอยู่ วันนี้เปลี่ยนให้สอง สามครั้งแล้ว เดี๋ยวจะไปทำให้ ดิฉันก็เข้าใจว่ายุ่งจริงเพราะมีคนไข้ใหม่เข้ามา 2 เตียง แต่จนแล้วก็ไม่มาเปลี่ยนให้เลย

วันก่อนนั้นยังพูดจาไม่สุภาพกับดิฉัน “ญาติต้องหาคนมาอยู่เฝ้านะ ถ้าจะให้ดูแลคนไข้คนเดียวคนนี้ต้องใช้เวลานานแทนที่จะได้ดูแลคนอื่นต้องมาช้ากับคนนี้ คนอื่นเขาก็รอนาน.... จะมาทิ้งภาระให้เจ้าหน้าที่ไม่ได้หรอก ... ดิฉันก็จ้างคนอื่นดูแลแทนในหน้าที่ของญาติอยู่แล้ว...หน้าที่ทำแผล ให้ยา ดูขวดน้ำเกลือเป็นหน้าที่ของพยาบาลไม่ใช่หรือคะ ...เพราะเราไม่ใช่เจ้าหน้าที่เราก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง...

วันสุดท้าย(วันที่ 6) ที่อยู่โรงพยาบาลตอนเช้าคนไข้ไม่ทานข้าวเช้า รับได้แค่นมถั่วเหลืองไม่หมดกล่อง พูดไม่ได้ อ่อนเพลียมาก ผงกหัวได้นิดหน่อยเท่านั้น ดิฉันถามพยาบาล ก็ตอบว่า “น้ำตาลต่ำ ให้ไปซื้อน้ำหวานให้หน่อย ดิฉันก็ไปซื้อมาให้ 1 ขวด” ดิฉันให้พ่อไปเฝ้าแทนเพราะต้องเซ็นชื่อในใบยินยอมให้ผ่าตัด แล้วบ่าย ๆ หมอก็ผ่าตัดแผลที่ขาพับให้ มีช่วงหนึ่งหลังหมอทำแผลผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อที่ตายออกแล้ว พ่อดิฉันอายุ 73 ปีตาฟางเนื่องจากเบาหวาน เดินไม่ค่อยสะดวกเท่าไร พยาบาลก็ยังใช้ไปเอายาที่ห้องยามาให้(ผู้ป่วยใช้สิทธิคนพิการ) ไม่ต้องเสียเงินอยู่แล้ว ทำไมไม่บริการกันเลย ซึ่งในขณะนั้นญาติ คนไข้เตียงข้าง ๆ และหลายคนเขาบอกว่า ..คนไข้ถูกปั๊มหัวใจสองครั้ง ถึงฟื้นขึ้นมา...ดิฉันเข้าไปเยี่ยมประมาณ หนึ่งทุ่ม ถามพ่อ พ่อไม่รู้เรื่องเลย ถามพยาบาล พยาบาลตอบว่า “ไม่ใช่ เพียงแต่ปลุกให้แกตื่นเท่านั้นเอง” แล้วทำไม่ไม่แจ้งญาติละคะ แล้วอาการของน้องไม่รับรู้อะไรเลย ปลุกไม่ตื่น แต่หายใจอยู่ หมอมาดูตอนประมาณ สองถึงสามทุ่มดิฉันไม่แน่ใจเพราะไม่ได้ดูนาฬิกาหมอบอกว่า “คนไข้ลำบากแล้ว หายใจไม่สะดวกต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแบบท่อซึ่งทางโรงพยาบาลโกสุมพิสัยไม่มีต้องส่งไปที่โรงพยาบาลที่มหาสารคาม ซึ่งไกลจากบ้านไปอีก ไม่มีญาติไปเฝ้าอีกพ่อจึงตัดสินใจปรึกษาลูก คนอื่นทางโทรศัพท์ให้เอาน้องออกมาอยู่บ้านนอนรอวันเท่านั้นเอง เพราะไปที่โรงพยาบาลมหาสารคามเราเองก็ไม่ทราบว่าจะช่วยได้แค่ไหนเพราะต้องไปพิสูจน์กันอีกถึงสาเหตุที่คนไข้มีอาการไม่ตอบสนอง จึงได้เซ็นต์ชื่อในใบอะไรก็ไม่ได้อ่าน เพราะความเสียใจที่น้องต้องเป็นแบบนี้และเพราะความไม่พอใจในการบริการคนไข้ของพยาบาลในตึกผู้ป่วยหญิง ซึ่งดิฉันไม่เคยพบขนาดพ่อนอนโรงพยาบาลศรีนครินทร์ที่จังหวัดขอนแก่นเป็นเดือนเขาไม่อยากให้ญาติเฝ้าคนไข้เลยเขาดูแลเองผู้ป่วยเขามากกว่านี้ด้วยซ้ำพยาบาลขึ้นเวรก็พอ ๆ กันสะอาดอีกต่างหาก ดิฉันคิดว่าอาชีพนี้คนที่ทำได้ก็ต้องมีจิตอาสาแล้วจึงเข้ามาทำแต่นี่ไม่ใช่เลย ถ้าเราจะจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลเราก็พร้อมที่จะจ่าย แต่ก็อยากใช้สิทธิตามที่คนพิการเขาพึงได้ตามสวัสดิการที่รัฐบาลจัดให้

หมายเหตุ ในตอนที่เซ็นต์ชื่อพยาบาลพูดกับดิฉันดีมากเลยคะ “ให้อาจารย์เซ็นต์ตรงนี้นะคะ” ดิฉันไม่เข้าใจเพราะอะไร ซึ่งแต่ก่อนท่าทางจะดูถูก ตำหนิดิฉันด้วยซ้ำ เราจำเป็นต้องบอกเขาทุกอย่างด้วยหรือคะว่าเรามีความจำเป็นอะไรบ้าง

  • สวัสดีครับครูบ้านนอก
  • สรุปแล้วเจ้าหน้าที่พยาบาลคนนี้ไม่เคยอ่านประวัติของในหลวงเลย ไม่เคยดูพระราชกรณียกิจด้วย ในหลวงทำอย่างไรเวลาคุยกับราษฎร สงสัยต้องให้ไปอยู่เขมรแล้วละ
  • ครูบ้านนอกน่าจะเข้าพบ ผอ.โรงพยาบาลเลยครับ
  • เจ้าหน้าแบบนี้ต้องให้บทเรียนบ้าง

น้อมรำลึกวันแม่แห่งชาติ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

สุขสันต์วันแม่นะคะป๊ะเบฯ ;)

ขอขอบคุณที่รวบรวมนำเสนอสิ่งดีต่อสังคมไทย

ขอร่วมเทิดพระเกียรติด้วยความจงรักภักดีอย่างหาที่สุดมิได้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท