การเรียนในระดับที่สูงขึ้นจำเป็นต้องใช้ทักษะต่าง ๆ มากขึ้นด้วยนะครับ โดยเฉพาะ ทักษะการจัดการตนเอง ทั้งในแง่ของการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังของงานที่ได้รับมอบหมาย การบริหารจัดการเวลา การหาความสมดุลย์ระหว่างการเรียนกับชีวิตส่วนตัว รวมทั้งทักษะอื่น ๆ ที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นทักษะการคิดอย่างเป็นระบบ รวมถึงทักษะการถ่ายทอดและนำเสนอเพื่อให้คนอื่นเข้าใจในสิ่งที่เราคิดด้วยนะครับ...
แต่ก็มีอีกทักษะหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ ทักษะการจัดการความครียด ของตัวเองที่เกิดขึ้นจากการเรียนนะครับ โดยเฉพาะความเครียดที่เกิดขึ้นเมื่อทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่ทัน หรืองานที่ออกมาไม่ได้คุณภาพอย่างที่ตัวเองตั้งใจไว้ ซึ่งคนแต่ละคนก็มีวิธีการจัดการกับความเครียดของตัวเองที่ต่างกันนะครับ...
สำหรับบางคนก็บอกกับตัวเองว่าเราทำดีที่สุดแล้วภายใต้เงื่อนไขและขีดจำกัดบางประการของตัวเรา พวกเขาก็จะไม่รู้สึกเครียด สำหรับบางคนก็เลือกที่จะทำงานอย่างเต็มที่ เต็มกำลังที่สุด และเมื่อส่งงานเรียบร้อยก็เลือกที่จะไปเที่ยวพักผ่อนเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้กับตัวเองและเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับตัวเองสำหรับงานชิ้นต่อ ๆ ไปที่กำลังจะเข้ามาด้วย ซึ่งถือว่าเป็น การจัดการกับความเครียดในเชิงที่สร้างสรรค์ นะครับ...
แต่ก็มีบางคนนะคนนะครับที่ไม่สามารถจัดการกับความเครียดของตน อย่างสร้างสรรค์ได้ เมื่อเกิดความเครียดขึ้นก็เกิดความรู้สึก โทษตัวเองและเลือกใช้วิธีหนีปัญหา ซึ่งการลือกใช้วิธีนี้นอกจากไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาแล้ว กลับเป็นวิธีทีเพิ่มความยุ่งยากและซับซ้อนให้กับปัญหาเดิมมากขึ้นด้วยนะครับ ยิ่งไปกว่านั้นยังอาจก่อให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีก...
สำหรับผมแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนหรือการทำงาน เราคงต้อง ประมาณและประเมินความสามารถของตัวเราเอง ว่าเรามีความสามารถในเรื่องนั้น ๆ มากน้อยเพียงใด และก็ทุ่มเทและตั้งใจทำงานเหล่านั้นให้เต็มความสามารถที่เรามีภายใต้ระยะเวลาที่กำหนดนะครับ ส่วนผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นเช่นไร เราก็คงต้องพร้อมที่จะยอมรับมันนะครับ...
และหากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไม่เป็นที่น่าพอใจเราก็คงต้อง "ปล่อยวาง" และเก็บประสบการณ์นั้นไว้ปรับปรุงงานในชิ้นต่อ ๆ ไปของเรานะครับ เพราะการจมปรักอยู่กับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น นอกจากจะไม่ทำให้เกิดประโยชน์ใด ๆ แล้ว หากปล่อยไว้นานเข้ามันย่อมส่งผลร้ายกับตัวเราเองนะครับ ผมว่าการยืดอกแล้วยอมรับความผิดพลาดนั้น แล้วก็มุ่งมั่นที่จะก้าวเดินต่อไปน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดนะครับ...
มาอ่านบันทึกให้ข้อคิดดีๆ ค่ะ การจัดการความเครียด มีความสำคัญ จึงเป็นหนึ่งในหลักสูตรเยียวยาจิตใจในโครงการ คุณ นายตรง สบายดีนะคะ
สวัสดีค่ะ
ดีใจที่จะได้เจอคุณดิเรกที่กระบี่
เดิมพี่คิมเป็นคนตั้งความหวังกับการทำงานหรือทุกอย่างสูงมาก หนีไม่พ้นกับความผิดหวังเต็ม ๆ เกิดความเครียด แต่ทางออกก็คือเก็บ จมกับความแค้น เพราะกลัวความอับอายขายหน้า คิดคนเดียว แก้ปัญหาคนเดียว ได้บ้างไม่ได้บ้าง
ภายหลังได้เรียนรู้ พบเห็นโลกนานเข้าคือวัยสูงขึ้น จึงมองเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา ไม่คาดหวังกับสิ่งใดมากนัก เพียงแต่เชื่อและศรัทธาในคนดี ความดีค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ
ครับ... พี่คิม ครูคิม
ดีใจเช่นกันครับที่จะได้เจอกัน...
ประสบการณ์ย่อมสอนเราให้ได้เรียนรู้และเข้าใจอะไร ๆ มากขึ้นนะครับ...
ผมก็เป็นอีกคนที่เชื่อมั่นและศรัทธาในความดีครับผม...
ขอบคุณมากครับ...
สวัสดี คุณ Mr.Direct ครับ
ทำให้ดีที่สุด ตามเงื่อนไข เงื่อนเวลา และ บริบทนั้นๆ
ถ้าถูกก็เก็บมาพัฒนาให้ดีอีก
ถ้าผิด ก็ยอมรับและเก็บไว้เป็นประสบการณ์ เพื่อจะได้ไม่ผิดซ้ำเดิมๆ
ใจเข้มแข็ง ก็ฝ่าไปได้ครับ
ขอบคุณสำหรับบันทึกครับ...
ทำให้คิดอะไรได้มากมายเลยบัง...ช่วงนี้มีงานมากมายครับ
อยากพักเหมือนกัน ดูแลสุขภาพด้วยครับ
การจัดการตนเองเป็นสิ่งจำเป็นมากนะค่ะ
น่าว่าอี้ได้ ทะ กันที่เมืองบี่ครับน้องบาว
อืม...
วิธีจัดการความเครียดของตัวเองนะคะ
ถ้าเครียดมาก จะนอน
เพราะทุกครั้งที่เครียดจะหลับ
แล้วตื่นขึ้นมาจะดีขึ้นมากมากค่ะ
แล้วก้อถ้าเครียดเรื่องงาน
หมดเวลาปุ๊บ เลิกคิดเรื่องงานปั๊บ
เดือนไหนตังค์เหลือ
อิอิ
ไปร้องคาราโอเกะกะเพื่อนเลยค่ะ
สวัสดีค่ะ
วิธีการจัดการกับความเครียดของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป
ครูใจดีจะฟังเพราะเพราะ อ่านหนังสือดีๆ บนเปลตัวโปรยหลับตาคิดถึงแต่เรื่องดีๆ
และสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ... แผ่เมตตา....
พอดีขึ้น สมองก็จะปลอดโปร่ง คิดวิธีจัดการกับสิ่งที่มารุมเร้าได้
ขอบคุณมากค่ะ
ครับ... คุณณัชชา Natcha Chalermklang
ขอบคุณเช่นกันนะครับที่มาแบ่งปันวิธีจัดการความเครียดที่ทำได้ง่าย ๆ นะครับ...
ขอบคุณมากครับผม...
สวัสดีค่ะ
แวะมาสวัสดีเทศกาลวันแม่ค่ะ
มีความสุขมากมากนะคะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดียามเช้าค่ะ
ทักทายกันวันนี้ตื่นแต่เช้าอากาศแจ่มใส ทำให้ไม่เครียดด้วยนะคะ