คนทำงานภาคสังคมส่วนหนึ่งมักจะมอง อุดมการณ์ ที่แตกต่างกันเป็นความขัดแย้งทางความคิด และ ในบางกรณีอาจเลยเถิดไปเป้นความขัดแย้งในเรื่องอื่น ๆ ด้วยหากบริหารความขัดแย้งไม่ดีพอ ซึ่งก็เท่ากับเสียโอกาสในการทำงานที่เปิดมุมมองที่แตกต่างกันออกไป
การทำงานในภาคสังคม ก็ เหมือนกับการไหลของน้ำ ที่ การทำงานเล็ก ๆ ในหลาย ๆ ที่ ก็คล้ายตาน้ำเล็ก ๆ ที่ เป็นต้นกำเนิดลำธารสายเล็ก ๆ ที่ไหลมาจากหลากหลายที่ มารวมกันเป็นคลอง และ เมื่อคลองหลาย ๆ คลองไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำ และเมื่อแม่น้ำ หลาย ๆ สายมารวมกันก็ เป็นแม่น้ำสายใหญ่ อย่างแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ ตรงปากน้ำโพ ใครผ่านไปหากมีโอกาสแวะดูจะเห็นภาพแม่น้ำสองสาย แม่น้ำสองสีไหลบรรจบเข้าหากันรวมเป็นแม่น้ำสายใหญ่นามเจ้าพระยา ที่ไหลหล่อเลี้ยงคนไทยจำนวนไม่น้อยของประเทศ และเมื่อแม่น้ำหลาย ๆ สายจากหลาย ๆ ที่ไหลมารวมกันก็จะกลายเป็นทะเล เมื่อทะเลในหลาย ๆ ที่ ไหลไปรวมกัน ก็จะกลายเป็น มหาสมุทร
ที่น่าสังเกตอย่างหนึ่ง ก็คือ ทุกครั้งที่สายน้ำ เปลี่ยนจาก ขนาดหนึ่งไปอีกขนาดหนึ่งซึ่งใหญ่กว่า สายน้ำ นั้น จะต่ำกว่าสายน้ำที่เล็กกว่า สิ่งที่พบจาก การเฝ้ามองสายน้ำ ก็คือเมื่อใดก็ตามหากจะต้องการทำงานร่วมกับใครคนอื่นที่ไม่ใช่ตนเอง หรือ พวกของตนเอง ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักยอม รู้จักผ่อนปรน ค้อมตัวให้ลงต่ำเพื่อรับสิ่งใหม่เพิ่มเข้าตนเอง ให้เหมือนกับสายน้ำ ที่ ขยายขนาด ปรับสรรพนาม จากตาน้ำ ลำธาร คลอง แม่น้ำ ทะเล มหาสมุทร ที่ล้วนแต่ ยิ่งมีขนาดใหญ่เท่าไร ยิ่ง ต่ำลงมากเท่านั้น
การทำงานภาคสังคมก็เช่นนั้น พึงขจัดความขัดแย้งด้วยการน้อมรับ และนำมาใช้ให้เป็นโอกาส โอกาสในการเพิ่มของตนเอง ยิ่งขจัดด้วยการกำจัด ยิ่งลดจำนวนการเรียนรู้ และ เพิ่มความอหังการ์ให้แก่ตนเองมากยิ่งขึ้น คิดการณ์ใหญ่ ระดมคน มากเท่าใดในการทำงาน อุดมการณ์ที่แตกต่างกัน ย่อมเข้ามามากขึ้นเท่านั้น การอ่อนน้อมถ่อมตน ค้อมกายลงต่ำ จะทำให้เราได้จากคนอื่นมากขึ้นเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่เรายัง เหลิงลมอยู่ในที่สูง และ ไม่ยอมค้อมตนลงต่ำ เราก็จะเป็นได้แค่ตาน้ำเล็ก ๆ ที่หลงไปเองว่า อาณาจักรที่ตนเองอยู่นั้นยิ่งใหญ่ แต่ กลับลืมไปว่า ความยิ่งใหญ่ที่แท้จริง คือ การไหลเวียน แลกเปลี่ยนความรู้แก่กันละกันในทุกภาคส่วน และยิ่งค้อมกายลงเท่าใด ยิ่งได้รับมากขึ้นเท่านั้น
ไม่มีความเห็น