12 ประเด็นน่าคิดจากการปิดทองหลังพระ บนเส้นทางการตัดสินใจครั้งสำคัญของ คุณปภังกร (นายรักษ์สุข) แห่งบล็อก “ความรู้คือพลัง”


เมื่ออ่านบล็อก 1 บล็อก เราจะได้ประเด็นความรู้เพิ่มขึ้น ยิ่งอ่านต่อไป
ก็จะสะสมความรู้ไปเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะฝากข้อคิดเห็น ให้กังใจ
หรือจะอ่านเฉยๆก็แล้วแต่….

แต่ถ้าหากการอ่านบล็อก แล้วสามารถเข้าไปถึงจิตใจของคนเขียนได้ล่ะ…
ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งการเข้าถึงความรู้ทีเดียว

นายบอนนั่งดูบล็อกของคุณปภังกร (นายรักษ์สุข) แล้วเขียนบันทึก  แกะความรู้จากบล็อก "ความรู้คือพลัง" กับแง่มุมที่ไม่ควรมองข้าม

เมื่อนายรักษ์สุขมาอ่านพบเข้า ถึงกับอึ้ง แล้วเขียนข้อคิดเห็นเปิดใจทันที
ซึ่งสัมผัสได้จากเนื้อหาที่ถ่ายทอดออกมาว่า กว่า 60 บันทึกที่ผ่านมา
นายรักษ์สุขตั้งใจเขียน และตั้งใจถ่ายทอดจริงๆ

เบื้องหลังสำคัญเมื่อนายบอนเปิดอ่านบันทึกหลายๆตอนของนายรักษ์สุข
รู้สึกว่ามีอะไรที่น่าสนใจซ่อนอยู่

จากประเด็นที่นายรักษ์สุขถ่ายทอดออกมา เขาได้ตัดสินใจลาออกจากงาน
เพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศ แต่แล้วต้องผิดหวัง จนรู้สึกเคว้งคว้าง
เพราะไม่มีหลักประกันให้กับชีวิต

แต่แล้วประสบการณ์ที่สะสมมา นายรักษ์สุขก็คิดใหม่ มองวิกฤติเป็นโอกาส
ตั้งใจทำความดีตอบแทนคุณแผ่นดิน ทำงานเป็นนักวิชาการอิสระ ไปลงชุมบน
ออกพื้นที่
ไปร่วมเวทีเสวนาต่างๆ และเข้ามาเขียนบันทึกใน gotoknow ไปเรื่อยๆ  

ด้วยความที่เป็นอิสระ
ไม่ต้องอยู่ในกรอบเดิมๆของระบบราชกรที่มีข้อจำกัดหลายอย่าง
ไม่มีเบี้ยเลี้ยง ค่าตอบแทน ไม่ต้องคิดถึงงบประมาณ ไม่มีค่าตัว
ซึ่งหลายท่านคิดว่า
เป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ในความเป็นจริง นายรักษ์สุขสามารถทำอะไรได้มากมาย
ทั้งๆที่ไม่มีค่าตอบแทนเป็นสิ่งจูงใจ…..

เหมือนการดำรงชีวิตในแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ที่หลายคนยังไม่เข้าใจมากนัก

ประเด็นน่าคิด
1) การได้ออกนอกกรอบ ของระบบราชการ เป็นการดึงศักยภาพออกมาแบบสุดๆ
หากวันนี้นายรักษ์สุขยังคงทำงานในตำแหน่งเดิม
หลายท่านคงไม่มีทางได้เห็นบล็อก
“ความรู้คือพลัง” ไม่ได้เห็นประสบการณ์ มุมมอง
ความรู้ที่มีคุณค่าจากอุตรดิตถ์แน่ๆ
(และจะไม่มีบันทึกชิ้นนี้จากนายบอนอีกด้วย)

2) การทำงานแบบปิดทองหลังพระ ซึ่งไม่หวือหวา
ไม่ได้รับชื่อเสียงไม่เป็นที่รู้จักของหลายคน  แต่วันหนึ่งก็ต้องมีคนเห็น
ซึ่งความดีที่เกิดขึ้น จะเป็นสิ่งที่อยู่ได้นาน
แม้จะมีผู้ที่เห็นความดีนั้น
เป็นจำนวนน้อยคน แต่สิ่งที่สะท้อนกลับมา
กลับเป็นน้ำใจไมตรีที่ยิ่งใหญ่จากคนกลุ่มเล็กๆ
ที่คนที่ปิดทองหลังพระสามารถสัมผัสได้อย่างเต็มๆ ซึ่งจะแตกต่างจาก
คนทำดีที่หลายคนเห็น แต่สิ่งสะท้อนกลับมาจากคนกลุ่มใหญ่
กลับสามารถสัมผัสได้อย่างไม่เต็มที่

3) การได้ทำสิ่งต่างๆด้วยความสบายใจ และเต็มพลังที่มี
ชีวิตจะมีพลังและมีคุณค่ามากที่สุด

4) เมื่อชีวิต  ล้ม เคว้งคว้าง
สิ่งนั้นจะเป็นพลังที่ดีดกลับอย่างรุนแรงสำหรับคนที่มีแนวทางของตนเอง
ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้และสร้างสิ่งใหม่ๆ สิ่งที่ดีๆขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

5) หลายคนมักจะเปรียบเทียบอดีตกับปัจจุบัน
และมักจะตัดสินจากมาตรฐานของตนเองว่า
สิ่งที่เห็นนั้นดีขึ้นหรือแย่ลง การที่ทำงาน มีเบี้ยเลี้ยง ค่าตอบแทน
มีค่าตัว
เป็นอาจารย์ในสถาบัน กับการออกมาทำงานอิสระ ในความเป็นจริงแล้ว
เป็นคนละอย่าง
คนละเวลา และคนละเกณฑ์กัน ช่วงเวลาหนึ่ง
ความมั่นคงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่สุด
แต่ในอีกช่วงเวลาหนึ่ง มิตรภาพ กำลังใจ และการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
กลับเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากกว่าในวันวาน  

6) ความมั่นคงในชีวิต หน้าที่การงาน การพยายามรักษาให้อยู่ในจุดเดิมต่อไป
ทำให้ไม่เกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆเกิดขึ้น

7) การเปิดบล็อก “ความรู้คือพลัง” ทำให้เกิดการต่อยอดทางความคิด
สร้างมิตรภาพ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ได้ทั้งกำลังใจ
และการยอมรับมากขึ้น

8) กาที่จะได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน
อยู่ที่ประสบการณ์ที่ได้สัมผัสและการลงมือทำให้เห็นจริง

9) นายรักษ์สุขเป็นอีกคนหนึ่งที่แสดงให้เห็นจากข้อเขียน +  การกระทำว่า
ได้นำพระราชดำรัสของในหลวงมาใช้เป็นแนวทางจริงๆ ไม่ใช่แค่คิด หรือ บอกว่า
จะทำ
(แต่ไม่ได้ลงมือทำ)

10)  การเป็นเข็มทิศในการให้ความรู้
และแผนที่ที่ซ่อนไว้ในบล็อกความรู้คือพลัง
เป็นสิ่งที่คนอ่านหลายคนในที่นี้นำไปประยุกต์ใช้ได้

11) การที่นายรักษ์สุขมีโอกาสได้มาศึกษาที่ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2549 นี้ เป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆให้แก่ชีวิต ได้มาสัมผัสวิถีชีวิตทางภาคอีสานบ้าง มีโอกาสพบกับ ชาว KM หลายสถาบัน ทั้ง ม.ขอนแก่น มมส. และอีกหลายแห่ง  มีโอกาสที่จะมาสร้างเครือข่ายที่ ม.อุบลราชธานีด้วยตัวของนายรักษ์สุขเอง และมีโอกาสได้มาร่วมงานดีๆ เช่น รวมพลคนเขียนบล็อกของ มข. , จิบกาแฟของ คนเขียนบล็อก มมส. และกิจกรรมที่น่าสนใจอื่นๆที่จะจัดขึ้นในอนาคต ยิ่งจะทำให้ได้รับโอกาสใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น

12) จากที่นายรักษ์สุขเขียนมาว่า
“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผมคงจะได้มีโอกาสไปเยี่ยมและได้พูดคุยแลกเปลี่ยน เรียนรู้กับคุณบอนครับ เพราะอยู่ใกล้กันมากขึ้น การเดินทางไม่ห่างไกลนัก”

ในความเป็นจริงแล้ว ก็อยู่ใกล้กันตลอดนะครับ ..
ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณไงครับ
จะใกล้แค่ไหนก็ย่อมได้ หากไม่กลัวเสียสายตา
และสามารถที่จะอยู่ให้ใกล้กันเพิ่มมากขึ้น จากการอ่าน หรือ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้มากขึ้น เช่นเดียวกับชาวบล็อกท่านอื่นๆ ที่นายรักษ์สุขสามารถอยู่ใกล้กับทุกคนได้ตามที่ต้องการครับพียงแค่สื่อสารกับแต่ละท่านเพิ่มขึ้น เท่านั้นเองครับ ถ้าไม่ค่อยได้สื่อสารก็เหมือนไกลห่างกันนั่นเอง…..

ปิดท้ายบันทึกชิ้นนี้ ด้วยข้อความในบันทึกของนายรักษ์สุขนั่นเองครับ จากบันทึก ทำตนเองให้เป็นเครื่องมือที่ทรงอานุภาพ

 ที่ สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ เราสามารถพัฒนาตัวเองให้มีความสามารถในการใช้ชีวิตให้มีความสุขได้ ถ้าเราพูดเป็น คุยเป็น แล้วก็สามารถสร้างความสุขทั้งในส่วนของผู้ให้และผู้รับ ซึ่งเป็นการทำงานแบบมีส่วนร่วมที่เรียกว่า "รับการรับความสุขและร่วมรับผลประโยชน์"

 

 

หมายเลขบันทึก: 37155เขียนเมื่อ 5 กรกฎาคม 2006 11:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
ขอบคุณมาก ๆ เลยครับคุณบอน ทั้งสองบันทึกสร้างกำลังใจให้ผมมาก ๆ เลยครับ ถ้ามีโอกาสจะขออนุญาตไปเยี่ยมเยียนคุณบอนที่ มมส.บ้างนะครับ ช่วงนี้ต้องขออภัยอีกครั้งครับ ที่ไม่ได้ตอบคำถาม แสดงความคิดเห็นและเขียนบันทึกครับ พอดีกำลังปรับตัวเข้ากับสถานที่ใหม่ เดินทางไป ๆ กลับ ๆ ระหว่าง อุตรดิตถ์-อุบลราชธานีบ้างครับ อย่างไรก็ขอขอบคุณคุณบอนอย่างมาก ๆ อีกครั้งครับ
  • ขอเอาใจช่วยครับอาจารย์
  • ขอให้มีความสุขกับการเรียนนะครับ
  • รอแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนายบอนและอาจารย์อยู่ครับ
เดิิินทางไกลข้ามภาคอยู่หรือครับ นึกว่าพักอยู่ประจำที่อุบลแล้ว บางทีนายบอนอาจจะแวะไปเยี่ยมนายรักษ์สุขที่อุบลซะก่อนดีกว่า และอาจจะแวะไปโคราชในเร็ววันนี้ก้ได้นะครับ  ว่าจะไปเยี่ยมพี่พยาบาลที่พึ่งคลอดลูกชายน่ะครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท