ขอให้พี่นุ่นสงบสุข
คอมเม้นต์ซะเศร้าเลยนั่น (มันยังไม่ตาย)
- ชาวบ้านร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะคณาจารย์โรงเรียนบ้านโป่งแดง และผู้นำท้องถิ่นที่ร่วมมือร่วมใจกันมาร่วมกับเราทั้งสองวัน
และ
- เราได้ที่พักห่างจากไนท์พลาซ่าตากเพียงนิดเดียว ตกเย็นจึงได้เดินเล่น เดินชมวัฒนธรรมทางท้องถิ่นของเมืองตาก
เราชาวคณะโมบายออกเดินทางมาถึงอำเภอเมืองตาก ตั้งแต่เย็นวันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน 2549 แล้วก็ร่วมกันรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรมเวียงตาก ซึ่งเป็นที่พักของเราทั้งสองคืนด้วย โรงแรมเวียงตากที่เราพักอยู่ใกล้กับตลาดไนท์พลาซ่าตาก เราจึงได้เดินย่อยอาหารกันแถวริมน้ำปิงนั่นเอง ที่นั่นมีสะพานเฉลิมฉลองสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ที่ห้อยไฟระย้าอย่างสวยงาม พวกเราจึงไม่พลาดที่จะเก็บภาพสวยๆนี้เอาไว้อวดคนข้างหลัง อิอิ หลังจากนั้นเราก็ไปนอนพักผ่อนสบ๊ายสบาย (ข้าพเจ้ามีพี่เลี้ยงงานวิจัยที่ใจดี๊ดี กลัวเราเหงา เลยให้เรานอนเตียงเสริมตรงกลาง บอกว่าจะได้อบอุ่น....) -_-'
เช้าวันที่ 24 มิถุนายน เราไปถึงโรงเรียนบ้านโป่งแดง หลายคณะรีบจัดแจงจัดอุปกรณ์เพื่อให้บริการ ขนาดฉันเห็นยังรู้สึกตื้นตันขนาดนี้ แล้วชาวบ้านที่นั่งรอรับบริการจะปลื้มขนาดไหน ที่เห็นอาจารย์หลายท่านขวนขวายเร่งรีบเพื่อให้บริการขนาดนี้ ไม่เชื่อดูจากภาพได้เลยค่ะ ภาพมันฟ้องเองนะ
มีสามคณะที่ต้องใช้พื้นที่นอกบริเวณโรงเรียน คือ คณะวิทยาศาสตร์และคณะเกษตรศาสตร์ฯ ที่ต้องใช้ศาลาวัดในการอบรมผู้ที่สนใจการทำปุ๋ยชีวภาพและการทำแชมพู ที่มีผู้สนใจมาเข้าอบรบกว่า 200 คนเลยทีเดียว ทำเอา ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิจิตร อุดอ้าย ปลื้มเสียจนยิ้มไม่หุบ อีกคณะหนึ่งคือวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์ ที่ได้เตรียมคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำบัญชีรายรับรายจ่าย การเก็บภาษี มาอบรมกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น หรือ อบต.โป่งแดง โดยใช้ห้องประชุมของอบต.โป่งแดงเป็นห้องเรียนชั่วคราว
ส่วนคณะที่ตั้งจุดบริการภายในบริเวณโรงเรียนบ้านโป่งแดงก็มีผู้มารับบริการไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในกลุ่มวิทย์ฯสุขภาพ ที่ต้องเหนื่อยกันเป็นพิเศษหน่อย เพราะมีผู้มารับบริการมารอคิวตั้งแต่เช้าเลยทีเดียว
วันแรกผ่านไปได้อย่างราบรื่น และแล้วก็มาถึงวันที่ 25 มิถุนายน ช่วงเช้าก็ยังมีผู้มารับบริการหนาแน่นไม่ต่างจากวันแรก ช่วงบ่ายท่านคณบดีคณะแพทยศาสตร์ก็ได้มาเยี่ยมเยียนหน่วยบริการเคลื่อนที่ฯ และได้ร่วมพูดคุยกับผู้ที่มารอรับบริการในคณะแพทยศาสตร์ด้วย
วันนี้เป็นวันที่ฉันแทบจะร้องไห้ ไม่ใช่ด้วยความเสียใจแต่เป็นความรู้สึกที่ตรงกันข้าม เพราะวันที่รถบัสเรากำลังจะออก ผู้นำและสมาชิกของชุมชนก็มายืนกล่าวลาและขอบคุณที่ได้ร่วมงานกันในครั้งนี้ พอรถเราออกไปและกำลังผ่านหน้าโรงเรียน ถ้าใครที่อยู่บนรถไม่หลับ ก็จะเห็นกลุ่มที่ยืนส่งเราในโรงเรียนวิ่งมาโบกมือบ้ายบายเราที่หน้าโรงเรียนอีกรอบ เป็นภาพที่สุดแสนประทับใจ ทำให้เราเห็นว่าสปิริตของผู้นำในท้องถิ่นที่นี่พร้อมจะสนับสนุนกิจกรรมที่พร้อมจะทำเพื่อส่วนรวม เพราะทั้งสองวันที่เราออกหน่วยให้บริการฯ ผู้นำท้องถิ่นก็มาอยู่กับเราทั้งสองวัน และคอยอำนวยความสะดวกให้อยู่ตลอดเวลา จึงต้องขอขอบพระคุณทุกท่านไว้ ณ ที่นี้อีกครั้งนะคะ
สำหรับการออกหน่วยครั้งหน้า ซึ่งเป็นครั้งที่ 7/2549 เราจะเดินทางไปที่ตำบลบ้านไร่ อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย วันที่ 22-23 กรกฎาคม 2549 ค่ะ
ขอให้พี่นุ่นสงบสุข
คุณอัจฉรียาเขียนได้เห็นภาพมากเลยนะคะ
ชอบจังค่ะ ประโยคที่บอกว่า "ภาพมันฟ้อง"
เห็นภาพคณาจารย์กำลังช่วยกันขนอุปกรณ์อย่างแข็งขันเลยนะคะ
ดิฉันจะคอยอ่านตอนต่อไปของโมบายยูนิต ของมหาวิทยาลัยเราค่ะ ว่าจะไปทำประโยชน์อะไรให้กับสังคมต่อไป
ทำโมบายแล้วมีความสุขทำไมถึงอยากไปทำงานอื่นกันละ
ขอให้พี่นุ่นสงบสุข
คอมเม้นต์ซะเศร้าเลยนั่น (มันยังไม่ตาย)
นุ่น ถ่ายทอดบรรยากาศได้เห็นภาพมากๆ เลยค่ะ คุ้มค่ากับการรออ่านจิงๆ เลยนะคะ รอจนเหงือกเกือบแห้งแน่ะค่ะ =_="
แหม...เห็นบทวิจารณ์ข้างบน มีคนอวยพรให้นุ่นสงบสุขด้วยน้า...เหอ เหอ