อาจารย์ขจิตครับ สิ่งนี้เป็นประเด็นหนึ่งที่ประเทศเราต้องพัฒนาระบบแพทย์ประจำตัวหรือแพทย์ประจำครอบครัว(Family Doctor) ที่สามารถเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำประสานงานให้กับผู้ป่วยของตนเองได้...
ผมพบว่า ชาวบ้านไกลๆๆเดินทางมาพบหมอลำบาก ในระดับตำบล ในระดับอำเภอมีหมออยู่น้อยมากครับ ถ้าในเมืองพอทำได้ครับ ที่สำคัญชาวบ้านมารอคิวที่โรงพยาบาลแต่เช้า บ่ายถึงได้ตรวจรักษาครับ...(ขนาดผมอาจารย์มหาวิทยาลัย เพิ่งมาจากไร่แต่งตัวแบบชาวบ้านไป ยังโดนดุเลย ชาวบ้านอายุมากๆๆจะเหลือหรือครับ)
ที่ผมทำงานอยู่ รอไม่นานครับ ไม่ว่างโทรมานัดผมได้ หรืหากเพียงแค่มาฟังผลเลือดบางอย่างโทรมาก็ได้ ผมดูแลประชากรในเขตรับผิดชอบ แบบแพทย์ประจำตัว(ประจำครอบครัว) พยายามจะเชื่องโยงบทบาทการเป็นผู้ประสานงานการส่งต่อในกรณีที่ผมรักษาไม่ได้หรือ เครื่องมือไม่พอ วันนั้นที่เข้าไปร่วมฟังวิชาการในโรงพยาบาลประจำจังหวัดก็เพื่อจะไปบอก พี่ๆน้องๆแพทย์ของผมว่า ช่วยดูแลคนไข้ของผมแบบ VIP ด้วยครับ
เห็นด้วยกับคุณหมออย่างยิ่งค่ะ ว่าการรักษาเป็นเรื่องของแพทย์ บางทีนัดสำคัญๆส่งพยาบาล ER ไปประชุม หรืออย่างเก่งก็ส่งหัวหน้า ER ไป ก็มีเรื่องฝากโยนกันไปมา บางทีแพทย์ไปไม่ครบ แพทย์ยังตกลงกันไม่ได้ พยาบาลที่ไปก็บอกว่าไปฟังแพทย์เค้าเถียงกันมา เราพูดไปเค้าก็ไม่ค่อยฟังเรา ว่าเข้าไปนั่น
เรื่องสำคัญคือการนั่งคุยกันกัน บางครั้งอาจไม่ต้องนัดหลายครั้งเหมือนที่เป็นอยู่ก็ได้นะคะ
สรุปว่าจังหวัดไหนๆ การพูดคุยกันระหว่างโรงพยาบาลใหญ่กับโรงพยาบาลเล็กคงคล้ายๆกัน และการแก้ปัญหาก็คงไม่ต่างกัน ระบบงานและระบบบริการจึงเป็นเหมือนที่เป็นๆอยู่
อย่างนี้ต้องปฏิรูป หรือทำแผนปรองดอง อย่างสมานฉันท์หรือปล่าวครับเนี่ย
สวัสดีครับคุณหมอ
แวะมาเยี่ยมครับ....
การพัฒนาเครือข่าย ส่งต่อ มีความสำคัญ ทำอย่างไรคะ ถึงจะเกิดตรงนี้แบบทั่วถึง ดูแลร่วมกัน สื่อสาร ใช้ข้อมูลร่วมกัน ต่างประเทศยอมรับว่า Networking ข้อมูล การส่งต่อฯลฯ strong มากค่ะ
เมื่อวานก็ส่งต่อเคสเด็ก Osteosarcoma in palliation ไป รพ. เสลภูมิ เพราะที่นั่นมีพยาบาลที่ทำ palliative สู่ชุมชนที่เข้มแข็ง และเรารู้จักกันในเครือข่าย APN ทำยังไงก็ได้ที่จะให้เขาได้รับบริการ เข้าถึงบริการได้ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ในโรงพยาบาล หรือชุมชน ตอนนี้คือทำให้ดีที่สุดภายใต้บริบท หรือข้อจำกัด ได้เท่าไร เท่านั้น เพราะได้ทำดีที่สุดแล้ว
ขอบคุณค่ะ