ในฐานะผู้ปฏิบัติงานด้านการฝึกอบรมพัฒนา พวกเราจำเป็นต้องได้รับการเติมความรู้ใหม่ ๆ เพื่อนำมาพัฒนางานขององค์กรอยู่เสมอ ดังนั้นทุก ๆ ปี สถาบันฯ จะจัดให้มีการอบรมพัฒนาโดยวิทยากรจากภาคเอกชนที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับ ซึ่งการใช้วิทยากรจากภาคเอกชนนี้มีข้อดีอีกประการที่นอกเหนือจากการได้รับความรู้ คือเราได้แอบเรียนรู้เทคนิคใหม่ ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะแตกต่างจากวิทยากรของภาครัฐ เพราะภาคเอกชนมีค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมค่อนข้างสูง ดังนั้นการจะขายหลักสูตรฝึกอบรมให้แก่องค์กรซักแห่ง จำเป็นต้องมีจุดขายที่โดดเด่น เหนือคู่แข่งซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก
ปีนี้ก็เช่นกัน... พวกเรา 20 คน ประกอบด้วยผู้ปฏิบัติงานใน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มนักทรัพฯ กลุ่มครู และกลุ่มน้อง ๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่ส่วนอำนวยการ แบ่งออกเป็น 3 Generation คือมีวัยวุฒิที่เปรียบเทียบได้กับ size เล็ก กลาง และใหญ่ ได้รับการพิจารณาคัดเลือกจากผู้อำนวยการสถาบันฯให้เข้ารับการพัฒนาในโครงการชื่อ “การปฏิรูปศักยภาพมนุษย์อย่างบูรณาการ” (Integral Human Potential Transformation) โดย concept ของหลักสูตรนี้ระบุว่า “กรอบความคิดใหม่ของการบูรณาการศักยภาพมนุษย์อย่างเป็นองค์รวม อย่างเป็นหนึ่งเดียว อย่างสมดุล พอเพียง บนพื้นฐานของหลักการที่ถูกต้อง” วิทยากรของหลักสูตรนี้คือ อาจารย์จันทรชัย ถวิลพิพัฒน์กุล จากบริษัท Intrans อาจารย์เป็นทั้งเจ้าของบริษัท เจ้าของหลักสูตร และวิทยากร เรียกว่าเบ็ดเสร็จในตัวบุคคลเพียงคนเดียว และต้องยอมรับว่านอกจากอาจารย์จะเป็นวิทยากรที่มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ แล้ว อาจารย์ยังเป็นวิทยากรที่มี “ความตั้งใจ” ที่สูงมากจริง ๆ
ขอเล่าถึงหลักสูตรนี้ย่อ ๆ เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็น “ที่ไปที่มา” ของประสบการณ์ครั้งนี้ก่อนนะคะ หลักสูตร Integral Human Potential Transformation นี้แบ่งออกเป็น 3 ระยะ โดยระยะที่ 1 ทั้ง 20 คน จะต้องตอบแบบสอบถามกึ่ง ๆ เป็นแบบประเมินตนเอง ซึ่งต้องขอบอกว่าแบบสอบถามนี้มีเยอะมากทั้งแบบเลือกตอบและแบบเติมคำ ตอบกันจนงงไปหมด สรุปได้ว่าเป็นการประเมินความพึงพอใจหรือศักยภาพของตนเอง ครอบครัว และองค์กร จากนั้นอาจารย์จันทรชัย จะนำผลการประเมินตนเองของทั้ง 20 คน ไปวิเคราะห์เพื่อดูความต้องการ (needs) ของพวกเราว่า ในภาพรวมแล้ว ต้องการพัฒนาศักยภาพในด้านไหนมากที่สุด จากนั้นจึงกำหนดวัตถุประสงค์และเนื้อหาหลักสูตรขึ้นมาแล้วนำกลับมาให้พวกเราดูอีกครั้งว่าตรงกับความต้องการของพวกเราหรือไม่
ผลจากการสรุป (แบบสอบถาม) ของอาจารย์ นำมาซึ่งความรู้สึกของคน 20 คนที่แตกต่างกันใน 3 แบบ คือ
แบบที่ 1 ฉันพอใจตัวเองในแบบที่ฉันเป็น ฉันมีศักยภาพมากเพียงพอที่จะรับผิดชอบงานของฉันได้ และฉันก็มีความสุขกับชีวิตของฉัน (ทำไมต้องให้มาพัฒนาศักยภาพอะไรนั่นอีก? คิดหรือว่าหลักสูตรของคุณจะเปลี่ยนแปลงฉันได้?)
แบบที่ 2 ฉันเป็นคนที่มีศักยภาพในการทำงาน มีความสุขและพึงพอใจในตนเอง แต่ฉันก็พร้อมจะเรียนรู้ว่าหลักสูตรนี้เป็นอย่างไร ฉันจะเปิดใจและยอมรับฟังสิ่งที่วิทยากรถ่ายทอดอย่างเต็มใจ
แบบที่ 3 ฉันยังไม่เก่งพอ ฉันอยากพัฒนาตัวเอง อยากเป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเอง ฉันอยากเข้าร่วมในโครงการนี้ และหวังว่าจะทำให้ฉันค้นพบวิธีการในการพัฒนาศักยภาพของตนเองให้สูงขึ้น
ความแตกต่างนี้ ทำให้การฝึกอบรมในระยะที่ 2 และ 3 ซึ่งใช้เวลาช่วงละ 4 วัน เป็นแบบ โหด มัน ฮา จริง ๆ
เอาไว้จะเล่าให้ฟังในตอนหน้านะคะ
ขอสนับสนุนค่ะ จากการที่เข้ารับการอบรม แบบที่พี่ปัทเล่ามา โหดสำหรับวิทยากรคับ
มันสำหรับพี่ๆที่มีประสบการณ์ ฮาสำหรับน้องๆ ที่ได้เรียนรู้และแอบซึมซับ (ดูด) ประสบการณ์
ความคิดดีของพี่ๆมาด้วย ขอบคุณคร้าบที่มีเรื่องดีมาเล่าสู่กันอ่าน อยากอ่านตอนต่อไปอีกนะคะ
เด็กชงกาแฟ
อยากจะบอกว่าที่ไปอบรมมา แล้วจำได้ขึ้นใจจริง ๆ คือเรื่องไก่กับไข่ค่ะ
ถ้าหากได้ยินใครพูดถึงไก่กับไข่ จะต้องนึกถึงหลักสูตรนี้ขึ้นมาทันที (^^")
"ไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน??" อิอิ