จารุวัจน์ شافعى
ผศ.ดร. จารุวัจน์ ชาฟีอีย์ สองเมือง

มิตรภาพที่ยั่งยืน


ทิ้งทุกงานของเมื่อวาน เพื่อไปเยี่ยมคนๆ นี้ที่ท่านให้มิตรภาพ ให้ความรักกับผมไว้อย่างมากมาย ดร.ดลวานะ ตาเยะ

เมื่อวาน (ออ. กลายเป็นวานซืนไปแล้ว) พอได้ทราบจากทีมงานที่สำนักว่า จะไปเยี่ยม ดร.ดลวานะ ตาเยะ ผมเลยเคลียร์งานทั้งหมดที่ตั้งใจจะทำในวันศุกร์ ขอร่วมเดินทางไปด้วยครับ เพราะตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ท่านพักฟื้นอยู่ที่บ้านพักในมหาวิทยาลัย แต่สุดท้ายก็ไม่มีโอกาสสักที รอบนี้เลยพลาดไม่ได้ครับ 

ทีแรกจะร่วมไปกับรถคันเดียวกับทีมงาน แต่ตื่นเช้ามาก็ต้องเปลี่ยนใจ เพราะต้นขาขวาออกอาการตึงและเสียวๆ หนักกว่าวันที่ผ่านๆ มา (เป็นมาได้สักสองสัปดาห์แล้ว เดาว่าน่าจะเกิดจากการนั่งทำงานนานๆ ในท่าเดิมๆ และกดทับรอยกระดูกหักเก่า)  แต่ไม่อยากพลาดโอกาสนี้ เลยแทนจะไปนั่งรถคนอื่นๆ ก็ขับเองดีกว่า งานนี้เลยชักชวนภรรยาไปด้วยเสียเลย

ทีมงานพาไปทางลัดครับ (ซึ่งผมคิดว่ามันไกลกว่าเส้นทางปกติ) เจอวิวสวยๆ ระหว่างทาง แถวๆ อ.รามันครับ หมอกปกคลุมภูเขาสวยมากครับ ฮือ อันนี้มุมบนครับ ก้มหน้ามาดูในภาคพื้นดิน ก็จะเห็นคนถือปืนเอ็มสิบหกมาแข่งนกกรงหัวจุก ฮือ เดาเอาว่า น่าจะเป็นตำรวจชุมชนสัมพันธ์กระมังครับ ใส่ชุดลำลองเพื่อเข้ากับคนในชุมชนได้ แต่จะให้เข้าชุมชนมือเปล่ามันก็เสี่ยงมาก ก็ต้องถือปืนไปด้วย เฮ้ย ความสวยที่เต็มไปด้วยอันตรายจริงๆ 

ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งกว่าจะไปถึงบ้าน ดร.ดลวานะ หน้าบ้านก็มีรถจอดอยู่หลายคันแล้วครับ ขึ้นไปบนบ้านก็พบเจ้าของรถครับ คือ อาจารย์คณะอิสลามศึกษาสามท่าน ได้ยินเสียงอ่านอัลกุรอานครับ เพราะมากจริงๆ จับใจด้วยความหมายครับ น้ำตาผมไหลซึมนิดๆ ครับ คนอ่านคือ อ.อุบัยดุลเลาะห์ อาจารย์ชาวปากีสถานครับ ซึ่งผมไม่รู้มาก่อนว่าท่านเป็นคนปากีสถาน เพราะเห็นพูดภาษามลายูได้ค่อนข้างดี แต่สงสัยหลายครั้งแล้วว่า ทำไมเวลาผมเป็นวิทยากรอบรมอาจารย์คณะอิสลามศึกษาทีไร ต้องมีคนแปลให้ท่านทุกครั้ง ที่สำคัญคนแปลก็ไม่เคยแปลเป็นภาษามลายู แต่แปลเป็นภาษาอาหรับ (วันนี้เพิ่งทราบเหตุผล)

หลังจากอ่านอัลกุรอานจบ บรรยากาศเปลี่ยนเลยครับ จากอาการซึมๆ กลายเป็นต้องยิ้มทันทีจากการทักทายของคนป่วย ท่านยังคงอารมณ์ดีเหมือนเดิมครับ ใจท่านสู้เต็มร้อย ไม่ถอยจริงๆ ครับ (ขออัลลอฮ์ประทานความแข็งแรงสมบูรณ์กลับมาให้ท่านอีกครั้งครับ)

วันนี้ผมเลยได้ฟังเรื่องเล่าของ ดร.ดลวานะ เกี่ยวกับชีวิตการเรียนของท่านครับ งานนี้เลยเล่ามาถึงเหตุการณ์ล่าสุด ในขณะที่ผ่านคีโมครั้งที่ 3 ซึ่งอาการท่านดีมากครับ ทำให้ท่านรวบรวมงานของท่านทั้งหมดแล้วเสนอขอตำแหน่งวิชาการทันที เสียดายผมลืมเล่าเรื่องวารสารอัน-นูรได้รับการรับรองจากสกอ.และสกว.แล้ว เสียดายจริงๆ เพราะท่านเป็นคนริเริ่มในเรื่องนี้ครับ 

ออ. อ.อุบัยดุลเลาะห์ เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับ ดร.ดลวานะครับสมัยปริญญาตรีที่ปากีฯ ก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียนต่อปริญญาโทและเอก สุดท้ายก็กลับมาสอนด้วยกันอีกที่ มอย. ฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับมิตรภาพของเพื่อนแล้ว รู้สึกอบอุ่นครับ ที่มิตรภาพของคำว่าเพื่อนที่ มอย.มันสูงกว่าแค่คำว่า เพื่อนร่วมงาน ดร.ดลวานะเล่าว่าบางท่านไม่มีเวลามาเยี่ยมใช้การโทรศัพท์มาคุย แต่คุยกันทีไรแล้วกำลังใจท่านเพิ่มขึ้นทุกที

ในความทุกข์ยาก ในความลำบาก มันยังมีสิ่งสวยงามอยู่ครับ แต่ถ้าเรามัวแต่มองเฉพาะความทุกข์ยาก เราก็จะมืดบอดจากความสวยงามข้างๆ ที่มันสวยงามกว่าในช่วงที่เรามีความสุขเสียอีกครับ

(ดร.ดลวานะ ตาเยะ เมื่อสองปีที่แล้ว ขณะรอเข้าสัมภาษณ์ดาโต๊ะนิอาซิส มุขมนตรีรัฐกลันตัน มาเลเซีย)

คำสำคัญ (Tags): #มิตรภาพ
หมายเลขบันทึก: 367541เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2010 01:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

แวะมาทักทาย สหาย ครับ

มาให้กำลังใจอาจารย์ แต่คิดถึงเตาฟิกมากกว่า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

ขอบคุณครับสหายอาจารย์ JJ 

ภาพสวยมากครับ

ขอบคุณครับอาจารย์ ขจิต ฝอยทอง

เตาฟิกหลับไปเรียบร้อยแล้วครับ ฮิฮิ

บันทึกนี้ ยืนยันได้ว่า โลกไม่เงียบเหงา เพียงเพราะมีคนให้เราได้คิดถึง...

กำลังใจ...คือ กลไกของความเบิกบานของชีวิต

.......................

ขอบคุณครับอาจารย์ แผ่นดิน 

กำลังใจสำคัญจริงๆ ครับ โดยเฉพาะเวลาที่เราเจอะเจออุปสรรค์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท